ชัวร์ก่อนแชร์ : ข้อดี-ข้อเสีย ของการกินเผ็ด จริงหรือ ?

บนสื่อสังคมออนไลน์มีการแชร์บทความ “ข้อดี-ข้อเสีย ของการกินเผ็ด”


ข้อดี : ช่วยให้เจริญอาหาร กระเพาะอาหารขยายตัว ลดอาการแสบร้อนในทางเดินอาหาร อายุยืนขึ้น เร่งกระบวนการเผาผลาญในร่างกาย ต้านเชื้อแบคทีเรีย ป้องกัน/บรรเทาอาการเจ็บป่วย

ข้อเสีย : ทำให้ปวดแสบร้อนในช่องปากและทางเดินอาหารและถ่ายอุจจาระบ่อยขึ้น ระคายเคืองต่อเยื่อบุต่าง ๆ ในร่างกาย เกิดการท้องเสีย อาจจะเกิดโรคกระเพาะอาหารและกรดไหลย้อน


🎯 ตรวจสอบกับ อาจารย์ นพ.อาลันณ์ จันท์จารุณี อาจารย์ประจำสาขาวิชาโรคทางเดินอาหารและตับ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

มีบางส่วนที่เป็นข้อเท็จจริงที่จริง แต่ว่าการกินเผ็ดก็อาจจะไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน

การกินเผ็ด : “ข้อดี” ? ที่แชร์กัน


1. กินเผ็ดช่วยให้เจริญอาหาร

จริง… แต่ไม่ได้เป็นสำหรับทุกคน เพราะคนที่ไม่ได้ชื่นชอบการกินอาหารเผ็ด กินแล้วไม่สบายช่องปาก ก็อาจทำให้การกินลดลงได้

2. สารแคปไซซิน (capsaicin) ช่วยให้กระเพาะอาหารขยายตัวและรับอาหารได้นานขึ้น

จริง… สารแคปไซซินจะทำให้กระเพาะอาหารทำงานได้นานขึ้น ผลิตน้ำย่อยที่มากขึ้น แต่ไม่จำเป็นต้องกินเพื่อให้กระเพาะอาหารขยายตัว

3. กินเผ็ดลดอาการแสบร้อนในทางเดินอาหาร เพราะร่างกายจะชินและทนได้มากขึ้น

จริงบางส่วน… กินเผ็ดบ่อย ๆ สามารถจะกินได้มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ว่าไม่ใช่ประโยชน์ที่ทุกคนจะต้องพยายามกินเผ็ดให้มากที่สุด

4. กินเผ็ดช่วยให้อายุยืนขึ้น มีงานวิจัยกินเผ็ดลดอัตราการเสียชีวิต 14 เปอร์เซ็นต์

อาจจะต้องระมัดระวัง ข้อมูลนี้เป็นรายละเอียดเล็ก ๆ กลุ่มประชากรไม่มาก การกินพริกก็ไม่ได้มีประโยชน์ชัดเจนขนาดที่จะทำให้อายุยืนยาวมากขึ้น และไม่จำเป็นต้องฝึกกินเผ็ดเพื่อให้อายุยืน

5. กินเผ็ดเร่งกระบวนการเผาผลาญในร่างกาย

ไม่จริง… การเผาผลาญไม่ได้เกิดจากพริกไปกระตุ้น

พริกมีสารแคปไซซินกระตุ้นทางเดินอาหารขยายตัวมากขึ้น แต่ไม่ได้ทำให้การเผาผลาญดีขึ้น แม้ว่าจะรู้สึกร้อนก็ตาม

6. กินเผ็ดช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย

พริก… มีความเป็นสารต้านอนุมูลอิสระส่วนหนึ่ง แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่จะไปฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ เราอาจจะไม่ต้องแนะนำให้กินพริกเพื่อป้องกันการติดเชื้อต่าง ๆ

7. กินเผ็ดป้องกันและบรรเทาอาการเจ็บป่วยด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

พริกมีสารต้านอนุมูลอิสระ แต่ว่าจะไม่ได้ป้องกันความเจ็บป่วยขณะนั้น

กินอาหารตามความชอบและความเหมาะสม เพราะร่างกายมีกลไกอื่นในการกระตุ้นระบบทางเดินอาหารอยู่แล้ว การกินพริกเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งเท่านั้น

อาหารชนิดอื่นตัวที่มีข้อมูลอย่างชัดเจนและช่วยได้ชัดเจน ก็คืออาหารจำพวกผักและผลไม้

ในกลุ่มของคนที่กินผักและผลไม้ เมื่อกินอาหารจำพวกนี้ทำให้การกระตุ้นทางเดินอาหารวิ่งไปข้างหน้าเร็วขึ้น การอักเสบช่วงลำไส้ต่าง ๆ ก็จะลดลงไปด้วย เมื่อการอักเสบลดลงโอกาสเกิดมะเร็งก็จะลดลงตามไปด้วย

การกินเผ็ด : “ข้อเสีย” ? ที่แชร์กัน

1. ทำให้ปวดแสบร้อนในช่องปาก ทางเดินอาหาร และถ่ายอุจจาระบ่อยขึ้น

จริง… ในปริมาณที่มากเกินไป ทำให้เกิดการระคายเคืองในช่องปาก กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ จนถึงทวารหนัก และตัวพริกกระตุ้นทางเดินอาหาร ช่วยเป็นยาระบายอ่อน ๆ ได้เหมือนกัน

2. ระคายเคืองเยื่อบุต่าง ๆ ในร่างกาย และเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคกระเพาะอาหาร

สารแคปไซซินกระตุ้นทำให้เกิดน้ำย่อยในกลุ่มที่ไม่ใช่กรดมากขึ้น ตัวแคปไซซิน ไม่ใช่เป็นสารที่ทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหาร แต่ว่าในปริมาณที่เข้มข้นมากเกินไป ก็จะทำให้เกิดการระคายเคืองโดยที่ไม่ผ่านกลไกจากแคปไซซิน

3. ทำให้ท้องเสีย สารแคปไซซินในพริกมีฤทธิ์ทำให้เกิดอาการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร และร่างกายเราไม่สามารถย่อยสารแคปไซซินได้อย่างสมบูรณ์

จริงเป็นบางส่วน คือสารแคปไซซินกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวมากขึ้น อุจจาระจะวิ่งเร็ว พอวิ่งเร็วจะถูกดูดซึมน้ำออกไปได้น้อย จึงมีลักษณะนิ่มเหมือนดินโคลนได้ แต่ไม่ถึงขนาดทำให้ท้องเสียถ่ายเป็นน้ำ

4. อาหารเผ็ดสร้างกรดกัดเยื่อบุกระเพาะ ทำให้เกิดโรคกระเพาะ

ไม่จริง… ด้วยกลไกแล้วไม่ได้มีผลทำให้เป็นโรคกระเพาะถ้ากินในขนาดที่เหมาะสม แคปไซซินจะทำให้น้ำย่อยในกลุ่มที่ไม่ใช่กรดออกมามากขึ้น ไม่ได้กระตุ้นตัวที่สร้างกรด เพราะฉะนั้นก็ไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหาร แต่ต้องระวังคนที่เป็นโรคกระเพาะ ผนังกระเพาะเมื่ออักเสบอยู่ก็จะมีความไวต่อการรับรู้มากขึ้น อาจจะทำให้ทนได้ไม่มากเท่าเดิม

5. ทำให้กรดไหลย้อน

การกินพริกไม่ได้กระตุ้นทำให้เกิดกรดไหลย้อน แคปไซซินไม่ได้เพิ่มความเป็นกรด เพราะตัวแคปไซซินเป็นสารที่เป็นด่าง

กรดไหลย้อนคือปัญหาของหูรูด ระหว่างหลอดอาหารที่จะลงไปที่กระเพาะอาหาร ที่หย่อนตัวหรือปิดไม่สนิท ทำให้อาหารที่อยู่ในช่องท้อง ในกระเพาะอาหาร ย้อนกลับขึ้นมา ทำให้เกิดการระคายเคืองหลอดอาหารได้

การกินเผ็ดไม่ได้ทำให้อาการของกรดไหลย้อนเป็นมากขึ้น แล้วก็ไม่ได้ทำให้กระเพาะเป็นกรดที่มากขึ้นด้วย แต่ถ้าจะต้องระวังถ้าเกิดกระเพาะมีการอักเสบเดิมอยู่แล้ว การกินเผ็ดในปริมาณที่มากเกินไปอาจจะทำให้กระเพาะบีบตัวช้า ทำให้อาหารย้อนกลับขึ้นมาได้มากขึ้น เพราะใช้เวลาในการย่อยนานขึ้น

ข้อดีข้อเสียของการกินเผ็ดที่แชร์นี้ มีความจริงประมาณครึ่งหนึ่ง หรือเกินครึ่งไปเล็กน้อย ไม่ได้แนะนำว่าต้องไปแชร์ต่อ

การกินอย่างหลากหลายและพอดี ยังเป็นวิธีหลักที่ช่วยให้สุขภาพดีจากการกิน

ดูรายการเพิ่มเติม ชัวร์ก่อนแชร์ : ข้อดี-ข้อเสีย ของการกินเผ็ด จริงหรือ ?

ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : รสเผ็ด ในตำราแพทย์

สัมภาษณ์โดย พีรพล อนุตรโสตถิ์

เรียบเรียงโดย คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

พล.อ.ณัฐพล เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย

มาเลเซีย 7 ส.ค.-พล.อ.ณัฐพล รมช.กห. เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย ก่อนถก GBC ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ บ่ายนี้ เมื่อเช้าวันนี้ (7 ส.ค. 68) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าเยี่ยมคำนับดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในขณะนี้และเป็นเจ้าภาพของสถานที่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(General Border Committee: GBC) ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นโอกาสแรกที่ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้พบกันในระดับรัฐมนตรีก่อนที่จะเข้าร่วมประชุม GBC สมัยวิสามัญ ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ Deputy Minister of Defence pays courtesy call on Malaysian Prime Minister before Extraordinary Session of Thailand […]

“บิ๊กเต่า” ลุยค้น 3 จุด จับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร – อดีตเจ้าอาวาส

กทม. 7 ส.ค.-“บิ๊กเต่า” ลุยค้น 3 จุด บุกจับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร – อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ก๊วนกิ๊กเก่า “สีกากอล์ฟ” หลังพบทุจริตยักยอกเงินวัด เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 7 ส.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปาตแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาฯ ป.ป.ท. นำกำลังตำรวจ บก.ปปป. และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เปิดปฏิบัติการ “กอล์ฟทีม EP.1” บุกค้นเป้าหมาย 3 จุด ใน จ.สุราษฎร์ธานี จ.พิจิตร และ จ.สมุทรสงคราม เพื่อจับกุมอดีตพระชั้นผู้ใหญ่ และ คนใกล้ชิด ที่เคยพัวพันสัมพันธ์ฉาวสีกากอล์ฟ หลังพบกระทำผิดทุจริตยักยอกเงินวัดมาใช้ดูแลสีกา เป้าหมายจุดแรกที่เข้าตรวจค้นเป็นสถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นบ้านพักของนายทิวากร ดีไพร หรือ […]

มท.1 เด้งฟ้าผ่า ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี

เมืองทองธานี 7 ส.ค.-รมว.มหาดไทย สั่งเด้งฟ้าผ่า “ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี” ก่อนประชุมมอบนโยบายกระทรวงมหาดไทย เหตุมีปัญหาเบิกจ่ายงบประมาณดูแลประชาชนได้รับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยก่อนการประชุมมอบนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ว่า ได้มีการสั่งย้าย ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ให้มาช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทย หลังมีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณในการช่วยเหลือดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีการเบิกงบทดรองราชการจ่ายเพียง 55,600 บาท จากที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้ 100 ล้านบาท ส่วนจะย้ายชั่วคราว หรือถาวรน้้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากัน เมื่อถามว่า จะรอผลสอบก่อนใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากันในรายละเอียด โดยคำสั่งจะออกในช่วงเช้าวันนี้ อย่างไรก็ตาม มีการยืนยันจากผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ว่าได้เดินทางมาร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย​ แต่ปฏิเสธที่จะแสดง​ความเห็น​ และไม่ขอให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน.-315.-สำนักข่าวไทย

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]