ชัวร์ก่อนแชร์: มีคนตายจากวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกกว่า 10 ล้านราย จริงหรือ?

25 มกราคม 2566
แปลและเรียบเรียงบทความโดย : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีข้อมูลเท็จเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ในสหรัฐอเมริกา โดย สตีฟ เคิร์ช นักธุรกิจชาวอเมริกัน อ้างว่าที่ประเทศนิวซีแลนด์พบผู้เสียชีวิตหลังจากฉีดวัคซีนโควิด-19 ถึง 1 รายต่ออัตราวัคซีน 1,000 โดส เทียบได้ว่า การฉีดวัคซีนโควิด-19ให้กับประชากรทั่วโลก เป็นสาเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 13 ล้านราย


บทสรุป :

1 ปีหลังการฉีดวัคซีนโควิด-19 นิวซีแลนด์มีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากยกเลิกการล็อกดาวน์ พร้อมกับการแพร่ระบาดของไวรัสโอไมครอน

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :


สตีฟ เคิร์ช เป็นนักธุรกิจและนักประดิษฐ์ชาวอเมริกา สร้างชื่อจากการคิดค้นเมาส์แบบใช้แสง (Optical Mouse) สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ปี 1980

แต่ปัจจุบัน สตีฟ เคิร์ช เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในฐานะ Misinformation Superspreader จากการอ้างถึงผลกระทบของวัคซีนโควิด-19 โดยไม่มีหลักฐานยืนยัน

ข้อมูลที่ สตีฟ เคิร์ช กล่าวอ้างถูกนำไปเผยแพร่ทั้งทางเว็บไซต์ Substack และในงานเสวนา MIT Students for Open Inquiry ที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology) เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2023 ที่ผ่านมา โดยมียอดรับชมวิดีโอย้อนหลังทางแพลตฟอร์ม Rumble เกือบ 3 แสนครั้ง

เนื้อหาในงานเสวนาอ้างถึงข้อมูลจากหน่วยงานสาธารณสุขนิวซีแลนด์ (Health New Zealand) ที่พบว่า หลังประชาชนนิวซีแลนด์ได้รับวัคซีนไปแล้วเป็นเวลา 6 เดือน ประเทศนิวซีแลนด์กลับมีอัตราการเสียชีวิตส่วนเกิน (Excess Deaths) เพิ่มขึ้น

สตีฟ เคิร์ช จึงสรุปว่า สาเหตุของการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้น มีปัจจัยจากวัคซีนโควิด-19 โดยคาดว่าวัคซีนโควิด-19 คือสาเหตุของการเสียชีวิต 1 ครั้งต่อการฉีดวัคซีนทุก ๆ 1,000 โดส เมื่อเทียบกับการฉีดวัคซีนทั่วโลกจะเท่ากับว่า วัคซีนโควิด-19 คือสาเหตุของการเสียชีวิตของผู้รับวัคซีนมากกว่า 13 ล้านราย

เผยแพร่ข้อมูลผิดกฎหมาย

นอกจากข้อมูลที่ สตีฟ เคิร์ช เผยแพร่จะถูกวิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญเรื่องบทสรุปอย่างไม่ถูกต้องแล้ว ตัวข้อมูลที่นำมาจาก Health New Zealand ยังเกิดจากการกระทำที่ผิดกฎหมายอีกด้วย

หนังสือพิมพ์ New Zealand Herald รายงานว่า ข้อมูลที่ สตีฟ เคิร์ช ใช้ในการวิเคราะห์ เป็นข้อมูลที่ แบร์รี ยัง ผู้ดูแลฐานข้อมูลของเว็บไซต์ Health New Zealand นำมาเผยแพร่ต่อสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวของคนไข้ ส่งผลให้ แบร์รี ยัง ถูกจับกุมและดำเนินคดีในข้อหาเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ด้วยเจตนามิชอบ โดย Health New Zealand ได้ขออำนาจศาลบังคับให้ยับยั้งการเผยแพร่ข้อมูลทางออนไลน์ เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวของคนไข้

ไม่มีข้อมูลยอดเสียชีวิตของคนไม่ฉีดวัคซีน

เจฟฟรีย์ มอร์ริส ผู้อำนวยการศูนย์ชีวสถิติ มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่โต้แย้งข้อกล่าวอ้างของ สตีฟ เคิร์ช ชี้แจงว่า การจะอ้างได้ว่าวัคซีนคือมีส่วนก่อให้เกิดอัตราการเสียชีวิตส่วนเกิน (Excess Deaths) จำเป็นจะต้องนำอัตราการเสียชีวิตส่วนเกินของผู้ที่ฉีดวัคซีนและไม่ฉีดวัคซีนมาเปรียบเทียบกัน ซึ่งสถิติดังกล่าวไม่มีอยู่ในข้อมูลที่ สตีฟ เคิร์ช กล่าวอ้าง จึงไม่อาจสรุปได้ว่า วัคซีนคือสาเหตุของอัตราการเสียชีวิตส่วนเกินหรือเป็นเพราะปัจจัยอื่น ๆ

Excess Deaths ในนิวซีแลนด์เพิ่มขึ้นเพราะสังคมสูงวัย

Fact Checker ของ Health Feedback ได้ตรวจสอบอัตราการเสียชีวิตส่วนเกิน (Excess Deaths) ของนิวซีแลนด์กับทางเว็บไซต์ Stats NZ พบว่า มีเพียงกลุ่มประชากรอายุมากกว่า 60 ปีที่มีอัตราการเสียชีวิตส่วนเกินในปี 2022 มากกว่า 2020 อย่างมีนัยยะสำคัญ ตรงข้ามกับข้ออ้างของ สตีฟ เคิร์ช ที่พบอัตราการเสียชีวิตส่วนเกินในประชากรนิวซีแลนด์ทุกช่วงวัย

Stats NZ ชี้แจงว่า แม้อายุขัยของชาวนิวซีแลนด์จะเพิ่มขึ้น แต่อัตราการเสียชีวิตของผู้สูงอายุจะมากกว่ากลุ่มประชากรหนุ่มสาว เนื่องจากการขยายตัวของสัดส่วนประชากรสูงวัยในประเทศ โดยปี 2022 ชาวนิวซีแลนด์ที่เสียชีวิตถึง 4 จาก 5 รายที่เป็นผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี โดยครึ่งหนึ่งมีอายุมากกว่า 80 ปี

นิวซีแลนด์เสียชีวิตในช่วงโควิดน้อยเพราะการล็อกดาวน์

ข้อมูลจาก Our World in Data พบว่า อัตราการเสียชีวิตส่วนเกิน (Excess Deaths) ของนิวซีแลนด์ที่ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นหลังการรณรงค์วัคซีนโควิด-19 แท้จริงแล้วเป็นอัตราการเสียชีวิตที่กลับมาอยู่ในระดับปกติ หลังอัตราการเสียชีวิตลดต่ำลงอย่างมากในช่วงการระบาดของโควิด-19

ข้อมูลจากวารสารการแพทย์ The Lancet พบว่า ในปี 2020 นิวซีแลนด์มีประชากรเสียชีวิตลดลงจากปี 2019 โดยมีอัตราการเสียชีวิตเพียง 439.4 รายต่อประชากร 1 ล้านราย

สาเหตุที่การเสียชีวิตลดลงอย่างมากในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก มาจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวดของนิวซีแลนด์ นอกจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะน้อยแล้ว ผู้ติดเชื้อไวรัสระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ ก็ลดลงอย่างมากเช่นกัน

นอกจากนี้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวด ยังส่งผลให้อุบัติเหตุทางรถยนต์ลดลง อุบัติเหตุในที่ทำงานลดลง ปัญหามลพิษทางอากาศลดลง รวมถึงผลกระทบหลังการผ่าตัดที่ลดลงอีกด้วย

แต่เมื่อมาตรการป้องกันโควิด-19 เริ่มผ่อนคลายลงในปี 2022 ประกอบกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนที่แพร่เชื้อได้ง่ายและส่งผลให้ประสิทธิผลของวัคซีนลดลง ทำให้อัตราการเสียชีวิตของชาวนิวซีแลนด์เพิ่มขึ้นเป็น 662.4 รายต่อประชากร 1 ล้านราย

ข้ออ้างเรื่องวัคซีนโควิด-19 คือสาเหตุของการเสียชีวิตของผู้คนจำนวนมาก เคยถูกตรวจสอบมาแล้วบ่อยครั้ง

เมื่อเดือนธันวาคม 2023 มีข้อความทาง X อ้างว่า มีชาวนิวซีแลนด์ที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 เสียชีวิตถึงร้อยละ 20

การตรวจสอบโดย Fact Checker ของเว็บไซต์ USA Today พบว่า ในช่วงเดือนธันวาคม 2023 มีชาวนิวซีแลนด์รับวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA อย่างน้อย 2 โดสกว่า 4 ล้านคน ถ้าข้ออ้างดังกล่าวเป็นจริง จะต้องมีชาวนิวซีแลนด์เสียชีวิตเพราะวัคซีนโควิด-19 ไปแล้วกว่า 8 แสนราย แต่ระหว่างปี 2020 ถึงเดือนมิถุนายน 2023 มีชาวนิวซีแลนด์เสียชีวิตไปเพียง 125,000 รายเท่านั้น

นอกจากนี้ การสำรวจในหลายประเทศ เช่น ฮังการีและสหรัฐอเมริกา ก็ไม่พบหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่า วัคซีนโควิด-19 คือสาเหตุของการเสียชีวิตของผู้รับวัคซีนจำนวนมากเช่นกัน

ข้อมูลอ้างอิง :

https://healthfeedback.org/claimreview/steve-kirschs-claim-new-zealand-data-shows-covid-vaccines-killed-millions-flawed-analysis/
https://www.factcheck.org/2023/12/scicheck-flawed-analysis-of-new-zealand-data-doesnt-show-covid-19-vaccines-killed-millions/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

สภาถกงบฯ 69 วันแรก “พิชัย” แจงหั่นงบ 8,920 ล้าน

รัฐสภา 13 ส.ค. – ที่ประชุมสภาฯ เริ่มถกงบฯ 69 วันแรกแล้ว “พิชัย” แจงรายงาน กมธ. เหตุหั่นงบ 8,920 ล้านบาท เพราะไม่สอดคล้องภาาวะปัจจุบัน-การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย ในการประชุมสภาฯ เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท วาระสอง ซึ่งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาแล้วเสร็จเป็นวันแรก โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้พิจารณาร่างงบประมาณ 69 เรียบร้อยแล้ว โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ให้ความสำคัญกับการดำเนินภารกิจเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคแห่งชาติ เป้าหมายพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งแผนปฏิบัติราชการของกระทรวง โดยพิจารณาตามความจำเป็นและภารกิจของหน่วยรับงบประมาณ และแผนพัฒนาพื้นที่ตามความต้องการของประชาชน […]

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“มาริษ” เมินกัมพูชาร้องยูเอ็น เย้ยไม่มีการถกเรื่องนี้

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 13 ส.ค.- “มาริษ” เมินกัมพูชาร้องยูเอ็นอ้างไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เย้ยไม่มีการถกเรื่องนี้ เชื่อยูเอ็นเข้าใจ เผยคุยมิตรประเทศ บอก พฤติกรรมเขมรวางทุ่นระเบิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เร่งประชุมร่วมรัฐภาคี-หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมเก็บหลักฐานให้คณะทำงานดูข้อมูลจริงจากพื้นที่ ขอช่วยผลักดันเขมรร่วมวงเก็บกู้ทุ่นระเบิด-ทำตามอนุสัญญาออตตาวา นายมาริษ เสงี่ยมพงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาส่งจดหมายร้องเลขาฯ UN และ UNSC อ้างไทยละเมิดอธิปไตยและข้อตกลงหยุดยิงว่า เป็นการกล่าวอ้าง ซึ่งตนยังไม่เห็นหลักฐานที่ชัดเจน ของกัมพูชาว่าเราละเมิดตรงไหน ในขณะที่ทางกัมพูชาเองใช้วิธีที่ไม่จริงใจต่อความพยายามในการแก้ไขปัญหา ตามกรอบข้อตกลงหยุดยิงที่ได้ทำร่วมกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการยั่วยุด้วยสงครามข่าวสาร ไม่ว่าจะเป็นการใช้ โอกาสในการมาฝังลูกระเบิดสังหารบุคคลในดินแดนของประเทศไทย ในขณะที่ประเทศไทยมีหลักฐานที่ชัดเจน ที่ชี้ให้เห็นว่ากัมพูชาไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามความตกลงหยุดยิงระหว่างกัน อย่างไรก็ตามการที่กัมพูชาส่งหนังสือไปถึงยูเอ็น ทางฝ่ายยูเอ็นก็ไม่ได้มีการเปิดประชุมเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้ ในขณะเดียวกัน ไทยก็ได้มีหนังสือชี้แจง เลขาธิการสหประชาชาติไปในทุกโอกาส และทุกกรณีที่มีการขัดแย้งเกิดขึ้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวด้วยว่า ในเรื่องของอนุสัญญาออตตาวา ทางกระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือผลักดันในเรื่องนี้ไปถึง ทูต ญี่ปุ่น ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก และเจนีวา ในฐานะที่เป็นประธานของรัฐภาคีอนุสัญญาออตาวา 3 ฉบับและอีกหนึ่งฉบับก็กำลังจะส่งตามไป เพื่อกดดันหรือผลักดันให้รัฐภาคี ดำเนินตามมาตรการ อนุสัญญาออตตาวาโดยเร็ว ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบขอข้อมูลหลักฐาน ที่ชัดเจนซึ่งตรงนี้รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพได้ร่วมมือกันอย่างดี และสนับสนุน […]

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณอีสาน-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณ จ.จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง […]