ชัวร์ก่อนแชร์ : คำเตือนโควิด (2567) จาก “นายแพทย์ประสิทธิ์” (ของแท้)

“นพ.ประสิทธิ์” ตอบทุกข้อสงสัย รับปีใหม่ 2567 อัปเดตสถานการณ์โควิด – รู้จัก JN.1 สายพันธุ์ใหม่ ต้องกังวลแค่ไหน – ยังต้องฉีดวัคซีนกันหรือไม่ – หากติดโควิดต้องทำอย่างไร ?


29 ธันวาคม 2566 – “ยาเขียวรักษาโควิด” นายแพทย์ประสิทธิ์ ไม่ได้กล่าวไว้ หรือที่เตือนว่า “ด่วน ด่วน ด่วน ให้ประชาชนล็อกดาวน์” ก็เป็นข้อมูลสุดเก่าตั้งแต่ไม่กี่เดือนแรกของการระบาดเมื่อปี 2564 แถมยังพ่วงด้วยสารพัดข้อมูลที่แนะนำผิด ๆ

แต่ ! สิ่งที่ท่านกำลังจะได้ฟังต่อไปนี้ โปรดฟังให้ดี นี่คือ คำเตือนโควิด ฉบับต้นปี 2567 โดย นายแพทย์ประสิทธิ์ ของแท้!


ศ.เกียรติคุณ ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา ที่ปรึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับ “โควิด-19” รับปีใหม่ 2567

ธรรมชาติของโคโรน่าไวรัส (โควิด-19) จะอยู่กับโลกนี้ไปอีกนาน เพราะไวรัสตัวนี้กลายพันธุ์ตลอดเวลา และจะพบสายพันธุ์ใหม่ ๆ


เมื่อไหร่ก็ตามที่พบไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ๆ (อย่างโอไมครอน) โดยหลักการของไวรัสที่แพร่ระบาดรวดเร็ว จะไปทดแทนสายพันธุ์เดิม และถือเป็นความโชคดีของโลกใบนี้ ที่มีสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นแต่ไม่รุนแรง

คงจำกันได้ ตอนที่ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์เดลตาเกิดขึ้น อัตราการเสียชีวิตทั่วโลกเพิ่มขึ้นมากมาย และตอนนี้เป็นโอไมครอนก็ยังเกิดการกลายพันธุ์อยู่เรื่อย ๆ

ถ้าไปดูย้อนหลัง ช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม พ.ศ. 2566 ประเทศไทยมีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น แต่อัตราการเสียชีวิตไม่ได้เพิ่มขึ้นคู่ขนานไปกับการติดเชื้อ โชคดีว่าสายพันธุ์ใหม่ที่เกิดขึ้นกระจายเร็วแต่ไม่ได้รุนแรง

โควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ “JN.1”

องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ 1 สายพันธุ์ เรียกว่า JN.1 (เจเอ็น.1)

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว องค์การอนามัยโลกบรรจุสายพันธุ์ JN.1 เข้าไปในกลุ่ม Variants of Interest : VOI หรือสายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าติดตาม ซึ่งมีอยู่ 2-3 คำที่ต้องทำความเข้าใจ

“Variants of Interest” คือสายพันธุ์ที่มีการแพร่กระจายรวดเร็ว แล้วเฝ้าติดตามดูว่าก่อความรุนแรงมั้ย ดื้อกับวัคซีนมั้ย ถ้ายังไม่มีก็สามารถเรียกเป็น Variants of Interest

โควิด-19 สายพันธุ์ที่กระจายอยู่ในสหรัฐอเมริกา เข้าไปที่สาธารณรัฐประชาชนจีน และอินเดีย ซึ่ง ณ วันนี้ JN.1 ยังอยู่แบบนี้

ถ้าเมื่อไหร่มีหลักฐานว่านอกจากกระจายรวดเร็วแล้ว อัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นตามไปด้วย หรือมีหลักฐานชัดเจนว่าดื้อกับวัคซีนโควิด-19 สายพันธุ์เหล่านี้องค์การอนามัยโลกมีแนวโน้มจะเปลี่ยนจาก Variants of Interest ไปเป็น Variants of Concern : VOC คือมีผลกระทบกับสุขภาพ ทำให้เจ็บป่วยและเสียชีวิต ถ้าเป็นอย่างนั้นเรื่องใหญ่แล้ว

การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ JN.1 ในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน ถึง 17 ธันวาคม พ.ศ. 2566 ระยะเวลารวม 28 วัน เมื่อเทียบกับ 28 วันก่อนหน้านั้น สายพันธุ์ JN.1 เป็นสาเหตุของการติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 52 เปอร์เซ็นต์ แสดงว่ามีการกระจายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เริ่มไปทดแทนสายพันธุ์เดิมในสหรัฐอเมริกา

ปัจจุบัน ยังไม่มีหลักฐานว่าโควิด-19 สายพันธุ์ JN.1 สร้างความรุนแรงเกิดขึ้น และวัคซีนที่ฉีดกันจนถึงวันนี้แม้จะมีคนพูดว่า JN.1 อาจจะดื้อกับวัคซีน แต่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้เพราะร่างกายคนเราเมื่อฉีดวัคซีนไปถึงจุดหนึ่งภูมิต้านทานก็ค่อย ๆ ลดลงอยู่ดี

ดังนั้น ตอนนี้ติดตามดูไปเฉย ๆ โดยกระทรวงสาธารณสุข และนักวิชาการที่อยู่ในมหาวิทยาลัยก็เฝ้าติดตามเรื่องเหล่านี้ ถ้ามีสัญญาณบอกเหตุอะไรก็จะรีบแจ้งให้สาธารณชนได้รับรู้

“หน้ากากอนามัย” ป้องกันภัยจาก JN.1 และ PM2.5

ขอฝากหลักการเบื้องต้น ไม่ว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 จะกลายพันธุ์อย่างไร ทุกคนมีวัคซีนติดตัวอยู่แล้ว ได้แก่ การใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ และรักษาระยะห่าง

เข้าใจว่าช่วงการระบาดหนักของโควิด-19 ทุกคนก็เครียด ทุกคนก็ลำบาก ทุกคนก็อยากพัก ซึ่ง ณ วันนี้ก็ไม่ได้ย้ำว่าทุกคนต้องใส่หน้ากากอนามัย ต้องล้างมือตลอด แต่เมื่อไหร่เข้าไปในพื้นที่เสี่ยง เช่น พื้นที่มีคนจำนวนมาก มีการพูดคุยและตะโกน ซึ่งบอกไม่ได้หรอกว่ามีใครในนั้นติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ เพราะเดี๋ยวนี้อาการมีเพียงแค่เจ็บคอ มีน้ำมูก และมาปะปนอยู่ในพื้นที่เดียวกัน เพื่อความปลอดภัยการใส่หน้ากากอนามัยช่วยได้ระดับหนึ่ง

ถ้าภูมิต้านทานดี ฉีดวัคซีนมากพอ เป็นการกระตุ้นภูมิร่างกายเหมือนกัน ถ้ายังเป็นสายพันธุ์แบบนี้ (JN.1) ความรุนแรงก็ไม่น่าจะมาก

ช่วงนี้ ที่ชักชวนใส่หน้ากากอนามัย เพราะว่าอยู่ในช่วง PM2.5 ขึ้นด้วย เท่ากับว่าใส่หน้ากากอนามัย 1 อย่าง มีโอกาสเกิดประโยชน์ได้ 2 ด้าน แต่ต้องเป็นหน้ากากอนามัยที่ครอบคลุมการติดเชื้อโควิด-19 และ PM2.5

ต้นปี 2566 ที่ผ่านมา สถาบันแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ คือสถาบันฟรานซิส คริก (Francis Crick Institute) ลงตีพิมพ์ในวารสารวิชาการเกี่ยวกับอุบัติการณ์มะเร็งปอดในคนที่ไม่สูบบุหรี่ มีหลักฐานเพิ่มขึ้นชัดเจนในพื้นที่ที่มี PM2.5 สูง

คำว่า “มะเร็งปอด ไม่สูบบุหรี่” ไม่ได้หมายความว่า มะเร็งปอดที่คนสูบบุหรี่ไม่เพิ่มขึ้น คือมะเร็งปอดที่คนสูบบุหรี่ก็เป็นมะเร็งปอดอยู่แล้ว แต่คนที่ไม่สูบบุหรี่โอกาสเป็นมะเร็งปอดน้อย ขณะนี้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

ตอนนี้ PM2.5 ก่อเรื่องแน่นอน กลายเป็นปัญหาทั่วโลก การใส่หน้ากากอนามัยครั้งเดียว แต่ป้องกันได้ 2 เรื่อง ทั้งระยะสั้นและระยะยาวเป็นสิ่งที่พึงกระทำ

ใส่หน้ากากอนามัยแล้วก็ไม่ต้องเคอะเขิน สังคมไม่มองว่าผิดหรอกที่ใส่ เพราะคนทั่วไปใส่กันมาจนคุ้นชินอยู่แล้ว

ปีใหม่นี้ ไม่มีใครมาคัดค้าน หรือห้ามไม่ให้สนุกสนานหรอก ถ้าจะไปสนุกสนานในพื้นที่มีคนจำนวนมากก็ใส่หน้ากากอนามัยสนุกสนานกันได้ ยกเว้นตอนกินอาหาร

วัคซีนป้องกันโควิด-19 กับความจำเป็น ?

ในคนที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีนโควิด-19 ก็อยากแนะนำให้ฉีดด้วยเพื่อป้องกันความเสี่ยง

คนที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 มาแล้วหลายเข็ม ถ้าไม่ได้เป็นคนกลุ่ม “608” คือกลุ่มผู้สูงอายุมีอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคประจำตัวในกลุ่ม 7 โรคประจำตัว ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคอ้วน โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และ+1 คือกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากกลุ่มนี้เป็นผู้ที่มีอาการรุนแรงของโรคมากหากติดเชื้อโควิด-19 ความเห็น ณ ตอนนี้คือใส่หน้ากากอนามัยป้องกันตนเองและล้างมือบ่อย ๆ ดีกว่า

เรื่องของวัคซีน ตั้งแต่ช่วงแรกก็มีข้อถกเถียงจำนวนมากแล้ว ซึ่งจะเห็นได้ว่าวัคซีนช่วยให้ไม่ตายในระยะเฉียบพลันของการแพร่ระบาด แต่ระยะยาวมีผลหรือไม่นั้น ถ้าดูจากหลักฐานทางวิชาการ ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าก่อให้เกิดโรค ทั้ง ๆ ที่ปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนรวมแล้วมากกว่าพัน ล้านโดส

อาจจะมีบางคนที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเทียบกับจำนวนคนฉีดวัคซีนก็ถือว่าน้อย กรณีอย่างนี้อยู่ในดุลพินิจของแต่ละคนดีกว่า

ในฐานะนักวิชาการ “การฉีดวัคซีนโควิด-19 ลดอัตราการเสียชีวิตได้จริง”

กลุ่มเสี่ยง ฉีดวัคซีนอย่างไร ?

ขณะนี้ หลายประเทศประกาศโควิด-19  เป็น “โรคประจำท้องถิ่น โรคประจำฤดูกาล” เหมือนไข้หวัดใหญ่ ทำให้บริษัทผลิตวัคซีนพยายามผสมผสานให้อยู่ในวัคซีนชุดเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีก็ไปไกลแล้ว เช่น ไข้หวัดใหญ่ฉีด 1 เข็ม ป้องกันได้ 4 สายพันธุ์ แต่ยังมีความแตกต่างนิดเดียวเกี่ยวกับกลไกของร่างกายเรื่องภูมิคุ้มกันโควิด-19 กับไข้หวัดใหญ่ที่ไม่เหมือนกัน

การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 1 เข็มอยู่ได้นาน แตกต่างจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่รู้กันมานานแล้วว่าอยู่ได้เพียง 3-4 เดือน จากนั้นภูมิคุ้มกันจะค่อย ๆ ลดลง

ดังนั้น ใครที่เจ็บคอ มีน้ำมูกมาก ไอ ถ้าสงสัยก็ตรวจโควิด-19

ถ้าไม่ได้มีอาการอะไรมากมาย บางคนก็ไม่ตรวจ แต่ที่บางคนตรวจไม่ใช่เพราะตัวเอง แต่เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อกระจายไปถึงคนรอบข้างเท่านั้นแหละ

ถ้าคนที่มีอาการเจ็บคอ มีน้ำมูกมาก ไอ และมีไข้ หรือมีอาการแน่นหน้าอก หายใจลำบาก แนะนำให้ต้องตรวจ และถ้าตรวจแล้วพบว่าติดโควิด-19 จริงก็ต้องรีบรักษา

บางคนเริ่มมีไข้คิดว่าไม่มีอะไร บางครั้งภายใน 24 ชั่วโมงอาการรุนแรงลุกลามไปที่ปอดก็ยุ่งแล้ว บางคนจำเป็นต้องอยู่โรงพยาบาลก็ต้องอยู่ ถ้ามีอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ ปัจจุบันไม่จำเป็นต้องรับไว้ในโรงพยาบาล

ถ้าบางคนเป็นโควิด-19 แต่ไม่มีอาการอะไรมาก ส่วนใหญ่อยู่บ้านครบ 5 วันก็ทำงานได้ และก็ไม่ได้แนะนำว่าครบ 5 วันแล้วต้องตรวจ

ยืนยันว่าขณะนี้มียาที่ยังครอบคลุมทุกสายพันธุ์ (สายพันธุ์ใหม่ด้วย) และประเทศไทยมียาเหล่านี้จำนวนมากอยู่ในคลังที่กระทรวงสาธารณสุข ไม่ว่าจะเป็นยาเรมเดซิเวียร์ (remdesivir) และ แพ็กซ์โลวิด (Paxlovid)

ทุกวันนี้ “โควิด -19” น่ากลัวหรือไม่

ไม่อยากให้ใช้คำว่า “กลัว” โควิด-19 แต่ใช้ว่า “ระวัง” คือเรายังต้องเฝ้าติดตามด้วยความระมัดระวัง อย่าถึงขนาดละเลยการป้องกันโควิด-19 ทุกกรณี

การใส่หน้ากากอนามัยไปสถานที่มีคนจำนวนมาก ไม่เกี่ยวกับกลัวหรือไม่กลัว แต่เป็นการระวังที่ปลอดภัยและทุกคนทำได้ด้วยตนเอง

ดูเพิ่มเติม “รายการชัวร์ก่อนแชร์​”

สัมภาษณ์เมื่อ : 25 ธันวาคม 2566
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : พีรพล อนุตรโสตถิ์
เรียบเรียงโดย คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตั้ง กก.สอบ 7 ตำรวจ บก.จร.ทำร้ายลูกชายอดีต ตร. พ่อยันเอาเรื่องถึงที่สุด

กองบังคับการตำรวจจราจร ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรง 7 ตำรวจ บก.จร. รุมทำร้ายลูกชายอดีตตำรวจ พ่อและน้องสาวยืนยันไม่ยอมความ เอาเรื่องถึงที่สุด พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย

ครอบครัวผู้เสียหายที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เผยอาการยังสาหัส ยันไม่ยอมความ แม้มีกระเช้าปริศนามาให้แล้ว 3 กระเช้า พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผยพฤติกรรมตัวเอง ด้าน รอง ผบช.น. ยันตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่กระทำไป

ครอบครัวของผู้บาดเจ็บที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน และชุดสืบสวนของ สน.บางเขน ก่อนเดินไปชี้จุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่าน และเป็นจุดเดียวกับที่ตำรวจพาผู้บาดเจ็บเข้ามาจอดรถไว้หลังก่อเหตุทำร้ายร่างกาย เพื่อตรวจสอบว่ารถของผู้บาดเจ็บเป็นรถคันเดียวกับที่ได้ขับแหกด่านหรือไม่ โดยก่อนการชี้จุด พ่อและน้องสาวของผู้ได้รับบาดเจ็บเดินทางมาพร้อมกับร้อยเวร สถานีตำรวจนครบาลบางเขน เจ้าของพื้นที่ เพื่อชี้จุดและให้ข้อมูลกับตำรวจเพิ่มเติม ระหว่างรอตัวผู้บาดเจ็บพักรักษาตัวจนสามารถเข้าให้การกับตำรวจได้

นางสาวธนัชตา น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกว่า พี่ชายยังต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จุดที่น่าเป็นห่วงคือบริเวณศีรษะทั้งหมด โดยเฉพาะดวงตาขวามีเลือดออก การมองเห็นยังไม่ปกติ ส่วนตามร่างกายมีร่องรอยฟกช้ำ แต่ยังโชคดีที่ไม่มีส่วนใดต้องผ่าตัด

เหตุการณ์ครั้งนี้รู้สึกรับไม่ได้ ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะเข้าข้อกฎหมายข้อไหนพร้อมจะต่อสู้ มองว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เพราะพี่ชายของตนไปคนเดียวและไม่มีอาวุธ แต่คู่กรณีเป็นถึงตำรวจ และมีด้วยกันถึง 7 นาย ทันทีที่รู้เรื่องตนเองรีบเดินทางมาที่ด่านทันที พยายามสอบถามว่าตำรวจนายไหนเป็นคนทำพี่ชายของตนเอง แต่ไม่ได้รับคำตอบ ซึ่งพี่ชายพยายามบอกแล้วว่าไม่ใช่คนขับรถหนีด่าน

นางสาวธนัชตา ยังฝากถึงตำรวจตั้งด่านทุกนายว่าทุกคนมีกล้องติดหน้าอก ตนเองพยายามขอดูแต่มีการอ้างว่ากล้องเสียบ้าง เปิดไม่ได้บ้าง จึงอยากฝากไปถึงตำรวจตั้งด่านในวันนั้นทุกนายให้เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย เพื่อเป็นการยืนยันเหตุการณ์ทั้งหมด เพราะเหตุการณ์วันนั้นตนเองก็มีหลักฐาน รวมถึงพยานคือคนที่เข้าด่านตรวจก็เห็นทุกคนว่าเหตุการณ์ตรงนั้นเกิดอะไรขึ้น อยู่ที่ตำรวจจะกล้าหรือไม่กล้า

น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกอีกว่าเมื่อวานนี้ (4 ธ.ค.) มีกระเช้าผลไม้-ดอกไม้ปริศนา ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นของใคร หรือของตำรวจสังกัดใดบ้างนำมาเยี่ยม ขอย้ำว่าไม่ขอรับกระเช้า เพราะไม่สามารถรู้ได้เลยว่านำเอามาให้ด้วยเหตุผลอะไรแอบแฝง

ด้าน พันตำรวจโท ธนชัย เกิดศรี หรือสารวัตรเจี๊ยบ อดีตพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. ซึ่งเป็นพ่อของผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ในฐานะที่ตนเคยเป็นอดีตตำรวจกองบังคับการตำรวจจราจรมาก่อนไปอยู่ บก.ปทส. ตามปกติแล้วตำรวจมีขั้นตอนในการใช้ยุทธวิธีเพื่อจับผู้ต้องหาด้วยเครื่องพัฒนาการอยู่แล้ว ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงที่เกินกว่าเหตุแบบนี้ กรณีหากผู้ต้องหามีการต่อสู้หรือขัดขวาง ตำรวจไม่มีสิทธิที่จะไปรุมทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ซึ่งจะพยายามเลี่ยงการใช้กำลังให้น้อยที่สุด การจับกุมตำรวจต้องมีการแสดงตัวเป็นตำรวจ พร้อมกับแจ้งให้ทราบว่าทำอะไรผิด จากนั้นจะเชิญตัวมาที่ด่านหรือโรงพักในพื้นที่ เพื่อดำเนินการสอบปากคำและพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาในภายหลัง

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่คาดคิดว่าจะมาเกิดขึ้นในยุคสมัยนี้ เพราะมีโซเชียลเป็นหูเป็นตา ยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจาไกล่เกลี่ย แม้ว่าจะให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงลงมาพูดคุยก็ตาม เมื่อวานนี้ทางพยาบาลแจ้งว่ามีตำรวจนำกระเช้ามามอบให้แล้ว 3 กระเช้า แต่ตนไม่รับ เพราะไม่รู้ว่ามาด้วยวัตถุประสงค์อะไร และไม่รู้ว่าเป็นของหน่วยงานใด เนื่องจากพยาบาลแจ้งแค่ว่าเป็นตำรวจเท่านั้น

ส่วนความคืบหน้าคดี พันตำรวจเอก อนันต์ วรสาตร์ ผู้กำกับการ สน.บางเขน ให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สอบปากคำน้องสาวและแม่ของผู้บาดเจ็บในฐานะพยาน ส่วนผู้บาดเจ็บตอนนี้แพทย์ยังไม่อนุญาตให้พนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำ เนื่องจากยังอยู่ในอาการสาหัส

ส่วนกรณีผู้ก่อเหตุทั้ง 7 นายที่เป็นตำรวจ ตอนนี้ยังไม่มีการสอบปากคำ เนื่องจากพนักงานสอบสวนอยากทราบพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุจากผู้เสียหายก่อน ยืนยันว่าจะไม่มีการช่วยเหลือแม้ว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุจะเป็นตำรวจก็ตาม

ด้าน พลตำรวจตรี ธวัช วงศ์สง่า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งดูแลรับผิดชอบงานจราจร ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เบื้องต้นผู้บังคับการตำรวจจราจรกลาง รายงานมาเบื้องต้นว่าผู้ก่อเหตุที่เป็นตำรวจทั้ง 7 นาย บอกว่ามีการเข้าใจผิด คิดว่าจะขับรถแหกด่านจึงมีการตามไป ก่อนที่ผู้เสียหายจะมีการขัดขืน ทำให้ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องใช้กำลังในการระงับเหตุ ยอมรับว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุจริงๆ ตอนนี้ทราบว่ากองบังคับการตำรวจจราจรมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงขึ้นแล้ว ส่วนทางคดีอาญาอยู่ที่ สน.บางเขน

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องชี้แจงและยอมรับกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป รวมทั้งอาจจะต้องทบทวนเรื่องยุทธวิธีที่่ใช้ในการระงับเหตุ แต่ยืนยันว่าตำรวจไม่เคยมีวิธีระงับเหตุด้วยการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด.-414-สำนักข่าวไทย

สุดจึ้ง! ซาลาเปาแฟนซีแฮนด์เมด รายได้ครึ่งล้านต่อเดือน

“คุณจารุวรรณ” วัย 78 ปี พร้อมครอบครัว ช่วยกันคิดค้นสูตรซาลาเปาแฟนซีเป็นเจ้าแรกใน จ.ตรัง ส่งขายทั่วทุกภาคของประเทศ สร้างรายได้เดือนละ 450,000-500,000 บาท และมีแผนส่งออกไปขายยังต่างประเทศในต้นปีหน้า

เจ้าของคลินิกซิ่งชนไรเดอร์ตกสะพานเสียชีวิต

เจ้าของคลินิกเสริมความงามชื่อดัง ซิ่งเบนซ์ชนไรเดอร์หญิง ตกสะพานต่างระดับย่านพระรามสี่ เสียชีวิต วัดปริมาณแอลกอฮอล์ผู้ก่อเหตุ สูงเกินกฎหมายกำหนด

เปิดให้สักการะ “พระเขี้ยวแก้ว” วันแรก

ริ้วขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุพระเขี้ยวแก้ว ถึงยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวงแล้ว พร้อมเชิญชวนประชาชนสักการะ วันนี้ (5 ธ.ค.) วันแรก ตั้งแต่ 07.00 น.เป็นต้นไป

ข่าวแนะนำ

ยังไร้วี่แววส่ง 4 ลูกเรือประมงกลับไทย

เมียนมาเงียบกริบ! ยังไร้วี่แววส่งตัว 4 ลูกเรือประมงกลับไทย จนท.ในพื้นที่เผยจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานใดๆ ที่เป็นลายลักษณ์อักษรจากทางเมียนมา มีเพียงการประสานจากเนปิดอว์มายังเกาะสองด้วยวาจาเท่านั้น

นายกฯ ยันไม่ปรับ VAT เป็น 15% ย้ำรับฟังทุกภาคส่วน

“นายกฯ แพทองธาร” ยืนยัน ไม่ปรับ VAT เป็น 15% ชี้ ก.คลัง กำลังศึกษาปรับโครงสร้างภาษี ต้องมองทั้งระบบลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ขอให้มั่นใจการทำงานของรัฐบาลรัดกุม

“ฟิล์ม” เข้ารับทราบข้อกล่าวหา “พยายามกรรโชกทรัพย์-หมิ่นประมาท”

มาตามนัด! “ฟิล์ม รัฐภูมิ” เข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก ปมคลิปเสียงเรียกรับเงิน 20 ล้านบาท “ดิไอคอนกรุ๊ป”