ชัวร์ก่อนแชร์ CyberAlert!🚨: สูญ 300 ล้าน! “ดร.นิเวศน์” เล่าเคสผู้เสียหาย หลงเชื่อไลน์หลอกลงทุน

30 ธันวาคม 2566

ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนเน้นคุณค่า หรือ วีไอ (Value Investor) ได้เขียนบทความ “เผชิญหน้าเหยื่อ” เพื่อเตือนภัยมิจฉาชีพ พร้อมทั้งย้ำว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่มีการเชิญชวนลงทุนผ่านเพจเฟซบุ๊ก ไลน์ หรือเว็บไซต์แต่อย่างใด หลังมีผู้เสียหายเดินทางมาพบ ดร. นิเวศน์ ถึงบ้าน ก่อนพบว่า ไม่ใช่ตัวจริง เสียหายกว่า 300 ล้าน

ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ได้เล่าเหตุการณ์อย่างละเอียดว่า เมื่อ 2-3 วันก่อนมีคนกดออดเข้ามาพบผมที่บ้านแล้วเล่าว่าเป็นแฟนคลับและสมาชิกการลงทุนในไลน์และคุยกับผมมาตลอดเกือบทุกวัน ที่มาก็เพื่อที่จะมาพบ “ตัวจริง ๆ” เพื่อ “เติมเต็มความมั่นใจ” ว่า จะยอมจ่ายเงิน “ค่าปรับ” ให้กับหน่วยงานตลาดหุ้นของฮ่องกงจำนวนประมาณ 2 ล้านบาท เพื่อที่จะสามารถถอนเงินจากพอร์ตหุ้นตลาดฮ่องกงของตนเองที่ตอนนี้เพิ่มขึ้นมามหาศาลจากเงินต้นที่ทยอยลงไปรวมกันประมาณ 5 ล้านบาท กลายเป็นประมาณ 300 ล้านบาทเข้าไปแล้ว


เธอหรือต่อไปนี้จะเรียกว่าคุณดาว เล่าว่า ได้เข้าร่วมกลุ่มไลน์แนะนำการลงทุนของ “ดร.นิเวศน์” ซึ่งปัจจุบันที่เห็นก็มีสมาชิกประมาณ 40-50 คน ลดลงจากอดีตบ้าง โดยที่เธอเข้าไปลงทุนผ่าน “แอ็ปของกลุ่ม” ซึ่งจะนำเงินไปลงทุนในตลาดฮ่องกง โดยได้รับการแนะนำจากดร.และผู้ช่วยตลอดเวลาในการเลือกหุ้นซึ่งจะมีหุ้นใหม่ ๆ แทบจะ “วันละตัว” รวมถึงการใช้เครื่องมือการเงินที่ซับซ้อนอย่างเรื่อง “เลเวอเรจ” ที่จะทำให้กำไรมหาศาลเป็นต้น

ดาวเริ่มลงทุนโดยการทยอยขายสลากออมสินและสลากธกส. ที่เคยได้รับผลตอบแทนที่ดีในอดีตที่เธออาจจะยัง “ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการลงทุน” และเป็นช่วงที่ยังทำงานประจำ แต่ตอนนี้เธอเกษียณแล้ว จึงถึงเวลาที่จะต้องลงทุนเพื่อเก็บเงินใว้ใช้ในบั้นปลายของชีวิต นอกจากสลากแล้ว เธอก็จำนำทองแท่งที่เคยซื้อเก็บไว้เพื่อนำเงินมาลงทุนในหุ้นฮ่องกงด้วย ทั้งหมดนั้นรวมแล้วน่าจะประมาณ 5 ล้านบาท


ดาวไม่เคยถอนเงินลงทุนเลย เหตุผลก็เพราะว่า “กำไรที่เห็น” จากรายงานที่ได้รับนั้น มันมหาศาลมากและดาวก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงิน เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ดร.แนะนำว่าต้องปล่อยให้เงินทบต้นไปเรื่อย ๆ แล้วก็จะรวย จนมาถึงวันหนึ่ง ดาวอาจจะเริ่มไม่สบายใจและอาจจะอยากถอนเงินบางส่วน ก็เกิดประเด็นขึ้นว่าผู้คุมกฎของฮ่องกงตรวจสอบพบความไม่ชอบมาพากลของการเทรดหุ้นคุณดาว ซึ่งอาจเป็นการปั่นหุ้น จึงตั้งค่าปรับจำนวนประมาณ 2 ล้านบาทไทย ก่อนที่จะยอมปล่อยหุ้นหรือเงินที่อยู่ในพอร์ต และนั่นก็นำมาสู่การอยากเจอดร.นิเวศน์ และก็เกิดอาการ “ช็อก” ว่าผมไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย คนที่ดาวคุยมาตลอดนั้นไม่รู้ว่าเป็นใคร

ประวัติคุณดาวแบบคร่าว ๆ ที่ผมคุยด้วยสั้น ๆ นั้น ก็คือ อายุเท่า ๆ กับผมคือ 70 ปีแล้ว แต่ก็ยังดูแข็งแรงมาก เพิ่งจะเกษียณจากงานพยาบาลไม่กี่เดือน เคยทำงานพยาบาลทั้งในโรงพยาบาลรัฐและเอกชนชื่อดังหลายแห่งรวมถึงที่อยู่ใกล้บ้านผมด้วย
ตอนเป็นเด็ก เกิดในครอบครัวที่มีลูกเยอะมากเพราะเป็นรุ่นเบบี้บูมเมอร์ ครอบครัวอยู่ต่างจังหวัดและยากจน แต่คุณดาวเป็นคนที่เรียนเก่งระดับ “เหรียญทอง” ของโรงเรียนและได้ทุนเรียนพยาบาลในสังกัดของรัฐจนจบปริญญาตรี

ดาวเป็น “นักสู้” ที่ทำงานหนักประหยัดอดออม และแม้ว่าจะเป็นคนที่ดูแลพ่อแม่เป็นหลัก ก็ยังมีเงินเหลือเก็บออมในรูปทรัพย์สินต่าง ๆ เช่นบ้าน อาคารพาณิชย์ให้เช่า ทอง และเงินฝากในรูปสลากของธนาคารของรัฐบาล คิดเป็นมูลค่ารวมน่าจะไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าดาวเป็นโสดไม่ได้แต่งงานซึ่งจำเป็นที่จะต้องเก็บออมและลงทุนเพื่อดูแลตนเองหลังเกษียณ


ดาวรู้จักดร.นิเวศน์ผ่านสื่อต่าง ๆ และเมื่อได้อ่านหนังสือเรื่อง “เด็กวัดดอน” ที่ “ดร.นิเวศน์” ส่งให้เมื่อเข้ามาร่วมในไลน์กลุ่มลงทุนเธอก็ “ปลื้มสุด ๆ” และคิดว่า “ชีวิตดาวเหมือนชีวิตดร.นิเวศน์” ถึงตอนนี้คุณดาวก็พร้อมที่จะรับคำแนะนำทุกอย่างจากอาจารย์และก็คงไม่สงสัยเลยว่าคนที่คุยด้วยเป็นประจำแต่ไม่เคยเจอตัวจริงนั้น เป็นสิบแปดมงกุฎ

หลังจากพบกับผมแล้ว คุณดาวก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป พูดเข้าไปในกลุ่มก็เจอคนที่แก้ต่างให้ว่า ดร.จะเปิดเผยตัวตนไม่ได้ ยอมรับไม่ได้ว่าทำการเทรดหุ้นแบบนี้คือ “เทรดระดับสถาบัน” ต้องทำเป็นความลับ พูดง่าย ๆ เวลาพูดออกสื่อก็บอกว่าไม่มีไม่ทำ แต่จริง ๆ แล้วทำอย่างลับ ๆ พวกเราต้องเข้าใจ
ผมเองแนะนำว่าให้แจ้งความตำรวจจับฐานหลอกลวงเลย แต่นั่นก็จะเป็นภาระที่ค่อนใหญ่สำหรับตัวคนเดียวที่จะต้องทำเรื่องหาหลักฐานมากมาย เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ เงินก็คงไม่ได้คืน นอกจากนั้นดาวรู้สึก “อายมาก” ถ้าเปิดเผยเรื่องออกมา นึกถึงพี่น้อง ญาติมิตร เพื่อนและคนรู้จัก คงจะมาสมน้ำหน้า
ที่ยังโชคดีอยู่บ้างก็คือ ส่วนตัวคุณดาวก็ยังเหลือทรัพย์สินประมาณหนึ่งที่น่าจะเลี้ยงตนเองต่อไปได้ ว่าที่จริงก็ยังแข็งแร็งพอที่จะกลับไปทำงานได้ถ้าจำเป็น

เหตุการณ์นี้ทำให้ผมนึกถึงเรื่องที่ได้ฟังจากเพื่อนว่า แม้แต่อาจารย์มหาวิทยาลัยดังของรัฐก็ยังเคยถูกโกงจากการฝากเงินกับสหกรณ์ที่มีชื่อเสียงมากจนแทบหมดตัวหลังจากที่ตนเองเกษียณแล้ว เพราะเชื่อว่า จะต้องหาช่องทางการออมเงินที่ “ได้ดอกเบี้ยสูง” แต่ “ไม่เสี่ยง” โดยการหลงเชื่อคนที่เข้ามาชักชวนให้ลงทุนที่ได้ผลตอบแทนสูงกว่าที่ควรจะเป็น

เช่นเดียวกัน ญาติทางฝ่ายภรรยาผมคนหนึ่งก็เคยถูกหลอกให้เข้าร่วมเวบหรือ “ไลน์ดร.นิเวศน์” และสูญเสียเงินไปหลายแสนบาทจนต้องมาขอความช่วยเหลือภรรยาผม ผมเองก็ยังงงว่าทำไมตอนที่จะเข้าไปร่วมทำไมไม่ถามก่อนว่าผมมีไลน์แบบนั้นจริงไหมก่อนที่จะเข้าไปลงทุน

ปรากฎการณ์การโกงผ่านสื่อดิจิทัลนั้น ผมคิดว่ามีเพิ่มขึ้นมหาศาล เรียกว่าแทบจะดิสรัปช่องทางการโกงแบบอื่นได้เลยนั้น เป็นวิธีการโกงที่ได้ผลตอบแทนสูงมาก และผมคิดว่ามีความเสี่ยงที่จะถูกจับและลงโทษต่ำมาก อานิสงค์จากการที่ทางการไม่ตระหนักและตามไม่ทันพัฒนาการนี้ ซึ่งในทาง “ยีนศาสตร์” ที่ผมมักใช้ในการวิเคราะห์เรื่องราวต่าง ๆ มันจะบอกว่า คนก็จะโกงมากขึ้น เพราะทำแล้วคุ้ม หรือเรียกว่า Risk/ Reward ดีมาก

เฉพาะเว็บหรือไลน์ปลอมที่ใช้ชื่อผมนั้น ล่าสุดดูเหมือนว่าจะไม่น้อยกว่าหลายสิบแห่ง บางคนบอกว่ามีเป็นร้อย และแน่นอน ไม่ใช่ผมคนเดียวแต่มีนักลงทุนหรือคนที่อยู่ในแวดวงการลงทุนซึ่งรวมไปถึงเจ้าของหรือผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนบางคนก็ถูกปลอมเพื่อหลอกให้คนเข้าไปลงทุนในหลักทรัพย์ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นหลักทรัพย์ปลอม หุ้นปลอม แพลทฟอร์มที่ใช้ซื้อขายหลักทรัพย์ปลอม ทุกอย่างปลอมหมด

แต่คนที่เข้าไปร่วมเป็นสมาชิกกลับไม่รู้ ส่วนสำคัญก็คือ ไม่เข้าใจเรื่องของตลาดทุนและตราสารต่าง ๆ เลย สนใจเพียงว่าจะหาผลตอบแทนที่ดีได้อย่างไร บางคนก็เกิดจากความโลภ แต่จำนวนมากนั้นแค่หวังจะให้มีเงินพอใช้หลังเกษียณ แต่พอเข้าไปซักพักก็อาจจะกลายเป็นความโลภ เพราะถูกหลอกด้วยตัวเลขที่ถูกปั้นแต่งขึ้น

ในช่วงแรกที่เริ่มมีการปลอมไลน์หรือเพจนั้น ผมเคยไปแจ้งความสถานีตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวันว่าผมไม่เกี่ยวและไม่เคยมีไลน์หรือเว็บสาธารณะ ผมเกรงว่าถ้ามีการจับไลน์ปลอมนั้นผมอาจจะต้องเสียเวลาไปให้การเป็นพยานโดยที่ผมไม่ได้ทำอะไรเลย อยู่เฉย ๆ นั่นคือเมื่อ 1-2 ปีมาแล้ว ถึงวันนี้เว็บและไลน์ปลอมมีเป็นร้อย ผมเองก็ยังเหมือนเดิมคือไม่มีเว็บและไลน์ของตนเอง ผมเป็นคนโลว์เท็คและไม่ใช้เครื่องมือเหล่านั้นเพื่อติดต่อกับใคร และก็ไม่แจ้งตำรวจอีกต่อไปแล้วเพราะเสียเวลา

ผมประกาศที่ตรงนี้เลยว่าผมไม่มีเว็บหรือไลน์อะไรทั้งสิ้น ที่เห็นนั้นของปลอมหมด และไม่ต้องไปเชื่อว่าผมต้อง “ตีสองหน้า” ผมลงทุนมาหลายสิบปีและประสบความสำเร็จมีความมั่งคั่งสูงเกินกว่าที่จะมาทำเงินจากการแนะนำการลงทุนให้คนทั่วไปที่เข้ามาร่วมเป็นกลุ่มเพื่อหวังผลตอบแทนที่ผิดปกติและไม่จริง แน่นอนว่าผมยังให้ความรู้ดังเช่นที่ผมทำมาตลอดหลายสิบปี และเป็น คนหน้าเดิมและหน้าเดียว ไม่มีทางที่ผมจะเปลี่ยนหน้าเป็นอย่างอื่น

เขียนมาถึงตรงนี้ผมเองก็หวังว่า ถ้ามีการจับเว็บหรือไลน์ปลอมใช้ชื่อผม ทางตำรวจจะไม่มาถามอะไรผมเลย เพราะผมไม่เกี่ยว ผมควรจะอยู่ได้อย่างสงบตามที่ควรจะเป็น และนี่ก็คงเหมือนกับการแจ้งบันทึกลงประจำวัน “ผ่านสื่อ” แทนที่จะต้องไปสถานีตำรวจซึ่งน่าจะได้ผลดีกว่าและไม่ทำให้ตำรวจต้องมาเสียเวลา ขณะเดียวกันคนที่อ่านก็จะได้รู้และไม่หลงกลไปกับคนโกงกลุ่มนี้

อ้างอิง : เผชิญหน้าเหยื่อ “ไลน์ ดร.นิเวศน์”

ทีมข่าวไซเบอร์ ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ 
สำนักข่าวไทย อสมท
เสาวภาคย์ รัตนพงศ์

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]