กองทุนสื่อเผย 2 ทีมชนะเลิศ TMF-Hackathon ผู้ประกอบการสื่อรายใหม่ พร้อมเงินสนับสนุน

กรุงเทพฯ 20 ก.ค. 66 – กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ได้จัดงานแถลงข่าวความสำเร็จของโครงการพัฒนาผู้ประกอบการสื่อรายใหม่ “Thai Media Fund Hackathon 2023” เพื่อสร้างผู้ผลิตสื่อสร้างสรรค์สู่ธุรกิจ Start Up ร่วมกับภาคีผู้ร่วมจัดทำโครงการ “Thai Media Fund Hackathon 2023”

โดยมีจุดประสงค์ เพื่อสร้างผู้ประกอบการ Start Up และ SMEs เป็นต้นแบบในการพัฒนาผู้ประกอบการสื่อรายใหม่ให้สามารถผลิตสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ขึ้นได้เป็นอย่างดี


ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กล่าวว่า นับตั้งแต่วันเปิดตัวโครงการพัฒนาผู้ประกอบการสื่อรายใหม่ “Thai Media Fund Hackathon 2023” ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566  ที่ผ่านมา นับเป็นเวลากว่า 5 เดือน ที่ได้มีส่วนร่วมในการคัดเลือก และเป็นผู้ให้คำแนะนำในการ Phitching

วัตถุประสงค์ของกองทุน คือ การพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จากสิ่งที่เป็นคุณค่าให้มีมูลค่า สร้างโอกาส สร้างธุรกิจ สร้างคน นับเป็นเป้าหมายสูงสุด ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทางกองทุนได้ศึกษาความต้องการ และโอกาสในการต่อยอดจากหลากหลายพื้นที่ เพื่อขยายการสร้างสื่อที่ดี ให้คนสามารถเข้าถึงได้ เราจึงได้มีโอกาสร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการสร้าง Start-up สร้างมูลค่าทางสังคม และผลกระทบทางเศรษฐกิจ

โครงการนี้จะเป็นโครงการนำร่องในการสร้างบุคลากรที่ดี มีความพร้อม ให้โอกาสได้มาเรียนรู้ และพัฒนาฝีมือ รวมถึงการจัดการธุรกิจ และการดูแลองค์กร วันนี้จึงถือเป็นจุดตั้งต้น และเป็นความสำเร็จร่วมกันของทุกคนในการสร้างสื่อสร้างสรรค์ และผลักดันสื่อไทยสู่สากล

คุณวรนันท์ ถาวรนันท์ กรรมการบริษัท อองเทรอเพรอเนอ แอดไวเซอรี่ เซ็นเตอร์ จำกัด ผู้รับผิดชอบโครงการ กล่าวว่า โครงการ Thai Media Fund Hackathon 2023 มีการเตรียมงาน และรับสมัครผู้ที่สนใจในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสื่อ โดยมีผู้ให้ความสนใจถึง 77 ทีม จากนั้นจึงคัดเลือกให้เหลือ 50 ทีม และมีการเปิดสอนหลักสูตร 3 วัน โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ Soft Skill,  ธุรกิจ และเทคโนโลยี ซึ่งสามารถเข้าเรียนได้ในรูปแบบออนไลน์ แล้วจัดการประกวด เพื่อคัดเลือกให้เหลือ 5 ทีม

ทางโครงการมี Orientation และหลักสูตร แบ่งออกเป็น 3 หัวข้อ ได้แก่
1. Coaching and Mentoring
2. Workshop
3. One-on-one Meetings
ซึ่งกำหนดอยู่ภายในระยะเวลา 3 เดือน จากนั้นทางคณะกรรมการจะตัดสินใจในเดือนมิถุนายน และประกาศผลผู้ที่ได้รับทุนสนับสนุนมากกว่า 1 ล้านบาท


คุณวิบูลย์ ลีรัตนขจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Search Entertainment บริษัท Search Entertainment  กล่าวว่า สื่อไม่มีข้อจำกัด สื่อ คือ การบอกกล่าวในทุกมิติเรื่องราวให้ผู้รับสารได้เข้าใจ ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สื่อมีการแข่งขัน เราจึงเล็งเห็นความจำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนาสื่อ เนื่องจากสื่อเป็นทรัพย์สมบัติของชาติ เรียกว่า Soft Power  เป็นสิ่งที่ควรได้รับการพัฒนา และต่อยอด เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้แก่สังคม

โดยโครงการนี้เป็นการเริ่มต้นที่ดี และเป็นหน้าที่ของทุกคนในการร่วมมือร่วมใจสร้างกิจกรรม หาผู้สนับสนุน หาคนร่วมมือ โดยโครงการพัฒนาผู้ประกอบการสื่อรายใหม่นี้ เป็นการสร้างผู้ประกอบการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์เริ่มต้นใหม่ โดยมีผู้ให้ความสนใจ และส่งผลงานเข้ามาถึง 77 ผลงาน แต่มีเพียง 2 ทีมเท่านั้นที่ได้รับรางวัล

“ผมเชื่อว่าทั้ง 2 ทีม จะเป็นตัวแทนของทุกคนที่ได้เข้าร่วมโครงการ เราต้องร่วมแรงร่วมใจกัน เพื่อให้ไปสู่ความสำเร็จที่เราตั้งใจไว้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการนี้จะมีการต่อยอดให้ดียิ่งขึ้น”

คุณพิชัย ชัยณรงค์โลกา ประธานกรรมการบริหารความเสี่ยง บริษัทเทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สิ่งที่ทางบริษัทเทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส หรือ TKC อยากเห็นคือ Start Up  สามารถเติบโตได้ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

ทางบริษัทสนับสนุนในเรื่องของการถ่ายทอดความรู้ และเทคโนโลยี โดยมีการจัดทำ Work Shop  และสนับสนุนเงินลงทุนจำนวน 1 ล้านบาท นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับธุรกิจ Start Up ในการสร้างสื่อที่มีคุณภาพให้แก่สังคมไทย

รองศาสตราจารย์ นายแพทย์กัมมาร กุมาร ปาวา รองอธิการบดีฝ่ายบริหารศูนย์พัทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีพันธกิจในการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม โครงการนี้เป็นมิติใหม่ในการพัฒนาให้ไปสู่สากล และทางมหาวิทยาลัยยินดีอย่างยิ่ง ที่จะพัฒนาหลักสูตรที่มีส่วนช่วยในการพัฒนาคนและเด็กให้มีความคิดริเริ่มที่ดี รวมถึงการสื่อสารประชาสัมพันธ์ และการสนับสนุนด้านอาคารสถานที่ในการฝึกอบรม ทางมหาวิทยาลัยรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการนี้


ทั้งนี้ โครงการที่ได้รับเงินลงทุนในธุรกิจมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท มีด้วยกันจำนวน 2 ทีม ได้แก่
1. ทีมจั๋นเป๊ง PRO MAX โดยอนวรรษ พรมแจ้, สุขุม คำดีฝั้น และนฤมล คำดีฝั้น ได้จัดทำสื่อนำเสนอสมัยใหม่ โดยผสมผสานรูปแบบการนำเสนอวัฒนธรรมภาคเหนือเข้ากับความเป็นสากล และคนรุ่นใหม่ ในหัวข้อ “ถึงเวลาเปลี่ยนความเก่า ให้กลายเป็นความเก๋า” ผลงานที่โดดเด่น คือ ภาพยนตร์ “ส้มป่อย” จากการ์ตูนแก๊กสู่ภาพยนตร์สุดน่ารักฉบับล้านนา ซึ่งได้เข้าชิงรางวัลทั้งหมด 6 รางวัล ในงานสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 30 อีกทั้งยังได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 สาขาภาพยนตร์ส่งเสริมวัฒนธรรม และรางวัล The Finalist Best Entertainment สาขา Thai Movie จาก THAILAND ZOCIAL AWARDS 2022 อีกด้วย

2. ทีม MENTAL ME จิตวิทยาเกี่ยวกับเด็ก โดยปราชญา ศิริ์มหาอาริยโพธิ์ญา ผู้เขียนหนังสือ “Changmaker เสียงเล็ก ๆ ของเด็กเปลี่ยนโลก” จัดทำสื่อที่มุ่งพัฒนาสุขภาวะทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ร่างกาย จิตใจ สังคม และสติปัญญา โดยได้สร้างฟีเจอร์ในแอปพลิเคชันอย่างครบครัน หลากหลาย และตอบโจทย์ ทั้งเรื่องให้คำปรึกษา ส่งกำลังใจ และการประมวลผลส่วนบุคคล เพื่อแก้ปัญหาสุขภาพจิต

ทีมข่าวรู้เท่าทัน ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์
ผู้สื่อข่าว : ณัชชามณฑ์ สมบัติทยานนท์
พิสูจน์อักษร : จิรัชยา นวลนิ่มน้อย

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

EOD ลุยค้นหาจรวด หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง

13 ส.ค. – EOD ลุยค้นหา-เก็บกู้จรวดในพื้นที่บุรีรัมย์-ศรีสะเกษ หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง ขณะที่คณะ ICRC ลงพื้นที่เก็บข้อมูลผลกระทบเหตุปะทะ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD ลงพื้นที่ตรวจสอบไร่ยางพาราของชาวบ้านและอีกหลายจุด ในเขต ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบหลุมต้องสงสัยอยู่ในที่ดินของตัวเอง จากการตรวจสอบพบสะเก็ดระเบิด และอีกหลายจุดพบเป็นหลุมคล้ายหลุมจรวด BM21 ที่ตกลงมา เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และต้องใช้ความระมัดระวัง ขณะที่ชาวบ้านที่เพิ่งเข้ามาอยู่บ้าน ยังไม่มั่นใจกับสถานการณ์ โดยเฉพาะหลังมีทหารเหยียบทุ่นระเบิดเป็นรายที่ 5 EOD เร่งตรวจสอบ–กู้ระเบิดกระสุนปืนใหญ่ชายแดน ส่วนที่ศรีสะเกษเจ้าหน้าที่ EOD สนธิกำลัง ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีพบกระสุนปืนใหญ่ตกในเขต ต.เสาธงชัย และ ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดน เบื้องต้นพบ 7 จุด บริเวณสวนยางพาราและใกล้เขตชุมชน โดยส่วนใหญ่เป็นลูกกระสุนปืนใหญ่ขนาด 100 มิลลิเมตร เจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดตรวจพิสูจน์ พบว่าหลายลูกระเบิดไปแล้ว เหลือเพียงเศษซาก และยังพบอีก 1 จุดในพื้น […]

อึ้งพระอยู่กับสีกา เปิดบนรถเจอกองทิชชูใช้แล้ว

สกลนคร 13 ส.ค. – วงการผ้าเหลืองฉาวอีก ตำรวจตรวจรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง พบพระกับสีกาอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 คุยไปคุยมา สุดท้ายไปจบที่ลาสิกขา หลังตำรวจ สภ.ขมิ้น จ.สกลนคร ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน พบรถเก๋งต้องสงสัยสีดำ จอดผิดปกติบริเวณ ริมคลอง บ.พาน ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.สกลนคร เมื่อเข้าไปตรวจสอบ ตำรวจต้องอึ้ง เมื่อเจอพระอยู่กับสีกา 2 ต่อ 2 ในรถ ต่อมาทราบว่า คือ พระชัยณรงค์ อายุ 53 ปี สังกัด วัดแห่งหนึ่ง อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ จึงเชิญตัวไปยังวัดใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อทำพิธีลาสิกขา และนำตัวมาตรวจปัสสาวะ ผลไม่พบสารเสพติด แต่รถที่พระเเละสีกาดังกล่าวอยู่ด้วยกัน พบเป็นรถที่ถูกสวมทะเบียน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ คืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง สภ.ขมิ้น พบรถเก๋งคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณสถานที่เก็บของกลาง กระจกด้านข้างและด้านหลังติดฟิล์มดำสนิท แต่ด้านหน้าฟิล์มใสมองเห็นถึงภายใน ที่เบาะนั่งข้างคนขับ ยังพบกองจีวรของทิดชัยณรงค์ […]

สถานการณ์ชายแดนสุ่มเสี่ยงปะทะรอบ 2

สุรินทร์ 13 ส.ค. – กระแสข่าวจากหลายฝ่ายยืนยันตรงกันว่าระยะ 2 วันนี้ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเพิ่มความตึงเครียด สุ่มเสี่ยงที่จะมีการปะทะรอบ 2 ฝ่ายปกครอง จ.สุรินทร์ จึงแจ้งเตือนไปยังกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ให้ลูกบ้านเตรียมพร้อมรองรับเหตุฉุกเฉิน ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศ ในหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือน พบว่า หลายครอบครัวเพิ่งกลับเข้าพื้นที่ 1-2 วัน หลังอพยพหนีภัยการสู้รบในห้วงวันที่ 24 – 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ได้รับข่าวไม่สู้ดีนัก เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง แจ้งให้เตรียมความพร้อม เก็บสัมภาระไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงการปะทะ รอบ 2 ซึ่งอาจรุนแรงมากกว่ารอบแรก ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างตื่นตระหนก ต้องการอพยพไปอยู่นอกพื้นที่ แต่เมื่อผู้นำหมู่บ้านทำความเข้าใจ ก็คลายความกังวลลงบ้าง โดยสื่อสารข้อความจากนายอำเภอพนมดงรักว่า รอให้มีเสียงปะทะกันเกิดขึ้นก่อน จึงให้อพยพ ซึ่งชาวบ้านก็เชื่อฟัง เพราะส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะอพยพไปที่ไหน เพราะยังไม่มีการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะที่หญิงคนหนึ่งติดอยู่ในพื้นที่สู้รบ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือนตลอดห้าวัน เพราะเป็นห่วงวัวที่เลี้ยงไว้ จึงอาศัยอยู่ในกระต๊อบพร้อมญาติรวมสี่คน และประเมินสถานการณ์ว่า น่าจะปลอดภัย เพราะวิถีกระสุนไปตกไกลกว่า จึงได้ยินเสียงปะทะอย่างชัดเจน […]

คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำ ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัว

มุกดาหาร 13 ส.ค.- คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา หลังศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุก 26 ปี คดีน้องชมพู่ จากกรณีศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาเพิ่มโทษให้จำคุก “ลุงพล” 26 ปี ฐานเจตนาฆ่าเด็ก พรากผู้เยาว์ และอำพรางศพ ขณะที่ “ป้าแต๋น” พิพากษายืนยกฟ้อง ในคดีฆาตกรรม น้องชมพู่ ทั้งนี้ภายหลัง ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ “ลุงพล” ได้ยื่นขอประกันตัว โดยศาลจังหวัดมุกดาหาร เสนอไปยังศาลฎีกา ล่าสุด ช่วงเย็นที่ผ่านมา ศาลฎีกายังไม่มีคำตอบลงมาว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ ทำให้ “ลุงพล” ถูกคุมตัวไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา ย้อนไปคดีนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 น้องชมพู่ วัย 3 ขวบ หายไปจากบ้านพักภาย ในหมู่บ้านกกกอก ทำให้ชาวบ้านมากกว่า 200 ชีวิต รวมถึง ตัวลุงพล ช่วยกันออกตามหา […]