ชัวร์ก่อนแชร์ : แอปเปิ้ลไซเดอร์ บำบัด 8 อาการได้ จริงหรือ ?

🎯 ตามที่มีการแชร์ว่า “แอปเปิ้ลไซเดอร์ สามารถบำบัดได้สารพัดโรค ทั้งแก้ท้องเสีย สะอึก อาหารไม่ย่อย ไซนัส เจ็บคอ อ่อนเพลีย ตะคริว และฟันขาว”นั้น


📌 บทสรุป :  ❌ ไม่ควรแชร์  ❌

👉 ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ตรวจสอบกับผู้เชี่ยวชาญ ดร.ประมวล ทรายทอง ฝ่ายจุลชีววิทยาประยุกต์ และรองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์


ที่มีการแชร์ว่าแอปเปิ้ลไซเดอร์สามารถบำบัดอาการต่าง ๆ หลายอย่าง บางส่วนก็เป็นเรื่องจริง บางส่วนก็จริงเพียงบางส่วน หรือบางข้อความ และบางส่วนก็ไม่เป็นความจริง

👉 1.ท้องเสีย ให้จิบแอปเปิ้ลไซเดอร์ผสมน้ำสุกเย็นเจือจางทั้งวัน เพราะแอนตี้ไบโอติกในแอปเปิ้ลไซเดอร์จะช่วยฆ่าเชื้อในลำไส้ได้

ท้องเสียอาจจะเกิดมาจากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อหรืออาหารเป็นพิษจากเชื้อจุลินทรีย์หรือไวรัส หรืออาจเกิดจากกระเพาะหรือลำไล้เป็นแผลแล้วส่งผลให้เกิดอาการท้องเสีย


ดังนั้น หากท้องเสียจากการติดเชื้อหรืออาหารเป็นพิษ สามารถดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์ผสมน้ำเจือจางเพื่อช่วยในการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ เนื่องจากมีรายงานพบว่าแอปเปิ้ลไซเดอร์มีส่วนยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์บางชนิดได้

ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์ทั้งวันแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาและหาสาเหตุของอาการท้องเสีย จะได้แก้อาการให้ตรงจุด เพราะหากดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์เป็นระยะเวลานาน อาจส่งผลต่อการเกิดแผลในกระเพาะได้

👉 2.สะอึก กินแอปเปิ้ลไซเดอร์ 1 ช้อนชา เพราะรสเปรี้ยวจี๊ดถึงใจของแอปเปิ้ลไซเดอร์ช่วยหยุดอาการได้

การสะอึกเป็นภาวะการหายใจผิดปกติชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดจากการกระตุ้นระบบประสาทบริเวณกล้ามเนื้อกะบังลมในขณะที่หายใจออก ทำให้กะบังลมหดตัวผิดจังหวะ ดันลมจากปอดขึ้นไปกระทบกับกล่องเสียง จึงเกิดเป็นเสียงสะอึก

สาเหตุที่ไปกระตุ้นระบบประสาทให้เกิดการสะอึก เช่น กินอาหารรสจัด กินอาหารเร็วเกินไป ดื่มเครื่องดื่มหรืออาหารที่ทำให้เกิดก๊าซมากเกินไป อุณหภูมิในกระเพาะมีการเปลี่ยนแปลงฉับพลัน

ทั้งนี้ การดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์เจือจางสามารถช่วยลดอาการสะอึกได้ โดยวิธีการดังกล่าวเป็นการทำให้ปุ่มรับรสทำงานหนักขึ้น เพื่อเบี่ยงเบนระบบประสาทอัตโนมัติ แต่ไม่แนะนำในคนที่เกิดการสะอึกซึ่งมีปัญหาโรคแผลในกระเพาะอาหาร เพราะอาจจะส่งผลให้เกิดความรุนแรงขึ้นได้

👉 3.อาหารไม่ย่อย ให้ผสมแอปเปิ้ลไซเดอร์และน้ำผึ้งอย่างละ 1 ช้อนชาลงในน้ำอุ่น 1 แก้วดื่มก่อนอาหาร 30 นาที

แอปเปิ้ลไซเดอร์เมื่อผสมน้ำแล้วดื่มจะช่วยระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้ดี ฟื้นฟูสุขภาพในช่องท้อง เช่น แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยให้ลำไส้บีบตัวได้ดีขึ้น ป้องกันอาการอาหารไม่ย่อย โดยดื่มก่อนกินอาหารมื้อหนัก ๆ เช่น อาหารที่มีเนื้อสัตว์ซึ่งอาจจะย่อยยากอย่างเช่น สเต๊ก หรือพวกอาหารบุฟเฟ่ต์ต่าง ๆ อย่างน้อย 30 นาที จะช่วยให้การย่อยอาหารเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่ไม่ควรดื่มในขณะท้องว่าง เพราะอาจจะส่งผลให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารได้

👉 4.ไซนัส ผสมแอปเปิ้ลไซเดอร์ 1 ช้อนชาลงในน้ำอุ่น 1 แก้ว ดื่มเพื่อให้จมูกโล่ง

แอปเปิ้ลไซเดอร์มีกรดอินทรีย์ระเหยง่ายที่มีส่วนช่วยสลายและลดเยื่อเมือกในร่างกาย ดังนั้นการนำแอปเปิ้ลไซเดอร์ผสมน้ำอุ่น ดื่มเพื่อให้จมูกโล่งอาจมีส่วนช่วยให้จมูกโล่ง ทั้งนี้ควรมีการเจือจางในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งหากมีปริมาณความเข้มข้นของกรดอะซีติกมากเกินไปอาจส่งผลต่อเยื่อบุจมูกได้เช่นกัน

ดังนั้น จึงควรระมัดระวังการผสมน้ำให้มีความเข้มข้นพอเหมาะในการดื่มและการสูดดม

👉 5.เจ็บคอ ผสมแอปเปิ้ลไซเดอร์ 1 ใน 4 ของแก้ว ลงในน้ำอุ่น 1 ใน 4 ของแก้วเท่ากัน กลั้วคอ เพื่อให้กรดในแอปเปิ้ลไซเดอร์ฆ่าเชื้อในลำคอ

แอปเปิ้ลไซเดอร์มีความเป็นกรดสูง ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าวมีส่วนช่วยในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อโรคที่สะสมอยู่ในช่องปากได้ ทั้งนี้ในการบริโภคควรมีการเจือจางให้เหมาะสมเพื่อลดการเกิดอันตรายของช่องปากและเยื่อบุลำคอ

อย่างไรก็ตาม ก่อนนำแอปเปิ้ลไซเดอร์มาบ้วนปากหรือดื่ม ควรจะต้องทำการเจือจางด้วยน้ำเปล่าในปริมาณที่ระบุไว้บนผลิตภัณฑ์หรือตามคำแนะนำบนฉลาก เนื่องจากแอปเปิ้ลไซเดอร์มีฤทธิ์ที่เป็นกรดสูง หากได้รับปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดอันตรายต่อลำคอและช่องปากได้

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่ามีการใช้แอปเปิ้ลไซเดอร์ทำความสะอาดบาดแผล และมีการระบุเป็นตำรับยารักษาโรคในคัมภีร์ไบเบิ้ล รวมถึงมีงานวิจัยที่รายงานความสามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรียอีโคไล (E. coli) และแบคทีเรียก่อโรคต่าง ๆ ได้อีกด้วย

👉 6.อ่อนเพลียหลังออกกำลังกาย ผสมแอปเปิ้ลไซเดอร์ 1 ช้อนชาในแก้วน้ำผลไม้หรือน้ำเปล่าเย็น ๆ เพราะโพแทสเซียมและเอนไซม์ในแอปเปิ้ลไซเดอร์ช่วยแก้ความอ่อนเพลียได้ชะงัด

การออกกำลังกายนาน ๆ ทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย เนื่องจากการเผาผลาญพลังงานในร่างกายและเกิดการสะสมกรดแล็กติก

คนปกติมีกรดแล็กติกในภาวะพัก 1-2 มิลลิโมลต่อลิตร แต่ถ้าอยู่ในภาวะออกกำลังกายหนัก ๆ ปริมาณกรดแล็กติกจะอยู่ที่ 4-20 มิลลิโมลต่อลิตร เมื่อร่างกายสะสมกรดแล็กติกปริมาณมากจะส่งผลให้กล้ามเนื้อมีอาการเมื่อยล้า

ถ้าร่างกายมีกรดแล็กติกมากจนรับไม่ไหวก็อาจทำให้เป็นตะคริวได้ แต่กรดแล็กติกสามารถสลายตัวได้เมื่อกล้ามเนื้อมีออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงอย่างเพียงพอ

ดังนั้น การลดอาการเมื่อยล้าที่ดีที่สุดจากการออกกำลังกายคือ “การดื่มน้ำ” หรือ “การหายใจสูดออกซิเจน” เข้าไปเพื่อช่วยสลายกรดแล็กติกในร่างกาย

การนำแอปเปิ้ลไซเดอร์ผสมน้ำเจือจางเพื่อดื่มอาจจะช่วยแก้ความอ่อนเพลียได้เช่นกัน แต่การดื่มน้ำเวลาออกกำลังกายเราจำเป็นต้องดื่มปริมาณมาก ดังนั้นอาจจะทำให้ปริมาณกรดน้ำส้มเข้าไปสะสมในกระเพาะอาหารจนเป็นแผลได้ วิธีที่ดีที่สุดคือการดื่มน้ำเปล่า

👉 7.แก้ตะคริวขณะหลับ หากมีอาการนี้ให้ผสมแอปเปิ้ลไซเดอร์ 2 ช้อนโต๊ะและน้ำผึ้งเล็กน้อย ลงในน้ำดื่ม 1 แก้ว จะช่วยหยุดอาการได้

ตะคริวคืออาการหดเกร็งที่ทำให้กล้ามเนื้อปวดและเป็นก้อนแข็ง มักจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน โดยที่เราไม่สามารถบังคับได้ ซึ่งจะเป็นอยู่เพียงช่วงหนึ่งเท่านั้น

ปัจจุบัน ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดตะคริว แต่เชื่อว่าอาจเกิดจากเอ็นและกล้ามเนื้อไม่ได้ยืดตัวบ่อย ๆ จึงทำให้มีการหดรั้งหรือเกร็งได้ง่ายเมื่อมีการใช้กล้ามเนื้อส่วนนั้นมากเกินไป

นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าอาจเกิดจากเซลล์ประสาทและเส้นประสาทที่ควบคุมการหดและคลายตัวของกล้ามเนื้อทำงานผิดปกติ หรืออาจเกิดจากการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อไม่ดี รวมถึงสาเหตุอื่น ๆ เช่น การดื่มน้ำน้อยเกินไป ผู้ที่มีภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ ภาวะเกลือแร่ในร่างกายไม่สมดุล กล้ามเนื้ออ่อนล้าหรืออ่อนแรงจากการใช้งานติดต่อกันเป็นเวลานาน การนอน นั่ง หรือยืน ในท่าที่ไม่สะดวกนาน ๆ

จากสาเหตุที่กล่าวมา การดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์ผสมน้ำผึ้งอาจจะไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาหรือช่วยหยุดอาการดังกล่าวได้

👉 8.ช่วยฟันขาว กลั้วปากด้วยแอปเปิ้ลไซเดอร์ทุกเช้า เพื่อช่วยล้างคราบบนฟันและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย จากนั้นแปรงฟันตามปกติ

การดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์ควรระวังผลเสียจากกรดที่มีผลต่อสารเคลือบฟัน เพราะกรดในแอปเปิ้ลไซเดอร์ที่สูงเกินไป เมื่อกลั้วปากเป็นประจำและเป็นเวลานานอาจทำให้สารเคลือบฟันเสียหาย จะส่งผลต่อสุขภาพฟันและช่องปาก รวมทั้งเยื่อบุในช่องปากและลำคอได้

ดังนั้น การกลั้วปากด้วยแอปเปิ้ลไซเดอร์ทุกเช้า มีส่วนช่วยล้างคราบบนฟันและฆ่าเชื้อแบคทีเรียในช่องปากได้ แต่ทุกครั้งที่กลั้วปากด้วยการดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์ ควรบ้วนปากด้วยทุกครั้ง และไม่ควรใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน รวมถึงขณะที่ดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์ควรใช้หลอดดูดจะดีที่สุด เพื่อเป็นการรักษาสารเคลือบฟัน

👉 คนปกติ ไม่มีอาการเจ็บป่วย ดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์ทุกวัน มีอันตรายต่อร่างกายมั้ย

เนื่องจากแอปเปิ้ลไซเดอร์มีความเป็นกรดสูง ต้องเจือจางก่อนนำมาดื่มทุกครั้ง

การดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์ที่เหมาะสมคือวันละ 2 ช้อนชา สูงสุดไม่เกิน 2 ช้อนโต๊ะหรือน้อยกว่า ด้วยการผสมกับน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้ให้เจือจางมาก ๆ หรือควรดื่มไม่เกินวันละ 237 มิลลิลิตรต่อวัน เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหรืออันตรายต่อร่างกายเช่น เกิดภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ เสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน หรือมีอาการเจ็บกล่องเสียง แสบร้อนในช่องปากและลำคอ

นอกจากนี้ มีรายงานพบว่าผู้ที่ดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์วันละ 250 มิลลิลิตร ดื่มติดต่อกันเป็นเวลา 6 ปี อาจเสี่ยงสูงต่ออาการของโรคกระดูกพรุนและเกิดภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ

👉 เด็กเล็ก เด็กวัยรุ่น ดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์ได้มั้ย อันตรายหรือไม่ อย่างไร

เนื่องมาจากแอปเปิ้ลไซเดอร์มีความเป็นกรดสูง ในกรณีของเด็กเล็ก เด็กวัยรุ่น อาจจะยังไม่เหมาะสม เนื่องจากระบบของอวัยวะและเนื้อเยื่อทางเดินอาหารยังบอบบางเกินไปต่อกรดจากแอปเปิ้ลไซเดอร์ รวมถึงการดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์ที่มีความเป็นกรดสูงโดยไม่ได้เจือจางให้เหมาะสมอาจส่งผลต่อระบบทางเดินอาหาร แสบร้อนในช่องปากและลำคอ และส่งผลต่อกระเพาะและลำไส้รวมถึงสุขภาพโดยรวมได้

นอกจากนี้ ผู้มีปัญหาสุขภาพหรือผู้ป่วยที่กินยาเป็นประจำไม่ควรดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์ เนื่องจากมีรายงานว่าแอปเปิ้ลไซเดอร์ทำปฏิกิริยากับยาบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาระบาย ยารักษาโรคเบาหวาน และโรคหัวใจ ดังนั้น ผู้ที่กินยาดังกล่าวควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์

👉 แอปเปิ้ลไซเดอร์ คืออะไร ทำจากแอปเปิ้ลหรือ มีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง

แอปเปิ้ลไซเดอร์ หรือ Apple cider vinegar คือน้ำส้มสายชูที่ได้จากการหมักจากแอปเปิ้ล

ผลไม้อีกหลายชนิดที่ไม่ใช่แอปเปิ้ลสามารถนำมาผลิตแอปเปิ้ลไซเดอร์ได้ อย่างผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น ราสเบอร์รี่ (raspberry) บลูเบอร์รี่ (blueberry) มัลเบอร์รี่ (mulberry) รวมถึงผลไม้ในเมืองไทย เช่น สับปะรด กล้วย มะม่วง มังคุด ลิ้นจี่ น้ำมะพร้าว เป็นต้น

กระบวนการหมัก cider vinegar มี 2 ขั้นตอน โดยเริ่มจากนำผลไม้หรือน้ำผลไม้มาหมักด้วยยีสต์เพื่อเปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นแอลกอฮอล์ ขั้นตอนต่อมาคือการเปลี่ยนแอลกอฮอล์ที่ได้ไปเป็นกรดอะซีติกหรือกรดน้ำส้มโดยเชื้อแบคทีเรีย

โดยปกติแล้วการหมักที่ดีและมีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีปริมาณกรดน้ำส้มมากกว่า 4% และต้องมีแอลกอฮอล์ตกค้างไม่เกิน 0.5% ซึ่งจากลักษณะดังกล่าวทำให้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม cider vinegar มีรสเปรี้ยวจัด จึงนิยมนำไปใช้ประกอบอาหาร ใช้เป็นส่วนผสมในอาหารและถนอมอาหาร รวมถึงปัจจุบันมีการนำมาเจือจางดื่มตามที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในปัจจุบันนี้

👉 แอปเปิ้ลไซเดอร์ มีสารอาหารอะไรบ้าง ที่ทำให้เชื่อกันว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย

แอปเปิ้ลไซเดอร์มีแร่ธาตุคล้ายคลึงกับน้ำแอลเปิ้ล โดยเฉพาะมีโพแทสเซียมสูง มีแร่ธาตุต่าง ๆ มากกว่า 30 ชนิด มีเพ็กทินที่เป็นไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ เป็นสารสำคัญทางพฤกษเคมีที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระมีประโยชน์ต่อผู้บริโภค

แร่ธาตุและสารสำคัญในแอปเปิ้ลไซเดอร์อาจมีปริมาณแตกต่างกันตามกระบวนการบ่มหรือการเติมส่วนผสมของแต่ละผู้ผลิต จึงยากที่จะบอกส่วนประกอบที่แน่นอนของแอปเปิ้ลไซเดอร์ที่ขายอยู่ทั่วไปมีปริมาณเท่าไหร่

ทั้งนี้ คุณสมบัติหลักของแอปเปิ้ลไซเดอร์ประกอบด้วยน้ำ กรดอะซีติก และกรดอินทรีย์อื่น ๆ อีกเล็กน้อย จึงอาจจะพูดได้ว่าสารอาหารที่เชื่อว่ามีประโยชน์จากการบริโภคแอปเปิ้ลไซเดอร์น่าจะมาจากกรดอินทรีย์ที่เกิดขึ้นในในกระบวนการหมักมากกว่าแร่ธาตุ วิตามิน และสารสำคัญจากแอปเปิ้ล

ตรวจสอบโดย : พีรพล อนุตรโสตถิ์

เรียบเรียงโดย : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล

สามารถรับชมคลิปรายการ ชัวร์ก่อนแชร์ : แอปเปิลไซเดอร์ บำบัด 8 อาการได้ จริงหรือ ?

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทหารกัมพูชาขุด “คูเลต” ลากยาว 650 เมตร

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- เปิดภาพ! “คูเลต” ทหารกัมพูชาขุดลากยาว 650 เมตร จากต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว จุดปะทะทหารไทย เมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี หลังพบขุดคูเลต จากจุดต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว ระยะทาง 650 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา เพราะเป็นการละเมิด MOU 2543 เป็นครั้งที่ 2 แต่ทางทหารกัมพูชากับยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน โดยช่วงนี้อยู่ระหว่างการเจรจาของผู้นำในพื้นที่ทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายทหารไทยยืนยันว่าให้ทหารกัมพูชา ออกจากพื้นที่อ้างสิทธิพร้อมกัน-313 .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ ทหารไทยเข้าเจรจากลับยิงสวน ลั่นปกป้องอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 เต็มที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึง เหตุปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา กำลังพลของกองกำลังสุรนารีได้ลาดตระเวนและพบว่า ทหารกัมพูชาขุดคูเลต เช่นเดียวกับเนิน 745 ช่องบก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา แต่ทางกัมพูชา ยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน อย่างที่เป็นข่าว สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อจากนี้ ผู้บังคับบัญชาในระดับพื้นที่กำลังพูดคุยเจรจา “ยืนยันว่าทหารไทยทำหน้าที่รักษาอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 ซึ่งในพื้นที่ทับซ้อนของทั้ง 2 ประเทศ จะมีการออกลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายล้ำเข้ามา ซึ่งทุกฝ่ายต้องยึดตาม MOU 2543”.-313.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารกัมพูชา

ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณช่องบก คลี่คลายแล้ว

กองทัพบก 28 พ.ค.-ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยู่ระหว่างรอการเจรจา พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา โดยระบุว่าได้รับรายงานจาก กองกำลังสุรนารีเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.30 น. โดย หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ได้รับการรายงานว่ามีทหารกัมพูชาเข้ามาวางกำลังในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลง ฝ่ายไทยจึงจัดชุดประสานงานเพื่อเข้าพูดคุยเจรจาตามแนวทางการปฏิบัติที่เคยกระทำมา เมื่อถึงบริเวณดังกล่าว กำลังส่วนระวังเหตุของทหารกัมพูชา ได้เข้าใจผิด และเริ่มใช้อาวุธ ฝ่ายไทยจึงใช้อาวุธตอบโต้กลับไป โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ต่อมาเวลา 05.55 น. พลตรี ทล โซะวัน รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ฝ่ายกัมพูชา ได้โทรศัพท์ประสานงานกับ พันเอก บุญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติ โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงหยุดยิงและตรึงกำลังบริเวณจุดปะทะ ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เพื่อจัดการกรณีอ้างสิทธิในพื้นที่ และกำหนดแนวทางร่วมกันในการปฏิบัติอย่างสันติ ตามข้อตกลงที่มีอยู่ […]

มติเอกฉันท์ สภาอนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล”

รัฐสภา 28 พ.ค.- สภาเอกฉันท์อนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล” ให้ธนาคารร่วมชดใช้ค่าเสียหายจาก “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” เร่งคืนเงินผู้เสียหาย ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ วาระการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 และ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ซึ่งแบ่งเวลาในการอภิปรายฝ่ายละ 2 ชั่วโมง รวม 4 ชั่วโมง และจะเป็นการรวมพิจารณา และแยกลงมติทีละฉบับ โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอหลักการว่า เนื่องจากปัจจุบัน มี พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ยังมีมาตรการบังคับทางกฎหมายที่ยังไม่เพียงพอ กับรูปแบบอาชญากรรม กลุ่มมิจฉาชีพ จึงต้องแก้ไขปรับปรุงให้ทันสมัย เช่น การเร่งคืนเงินให้ผู้เสียหาย, การอาญัติบัญชีม้า, การกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ และมาตรการการโอนเงินผิดกฎหมาย ผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล จากนั้น ได้เปิดโอกาสให้ สส.อภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยนายจุติ […]

ข่าวแนะนำ

ปิดเส้นทางงดให้ชาวบ้านขึ้น “ช่องบก” หลังเหตุปะทะไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 29 พ.ค. – บรรยากาศภายในจุดเฝ้าระวัง ภจ12 (ฐานมรกต) อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย ในหมู่บ้านโนนสูง หมู่ 3 ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นทางขึ้นสู่ช่องบก ยังคงตึงเครียดต่อเนื่อง หลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาเมื่อวานนี้ (28 พ.ค.68) เช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้ปิดเส้นทางไม่ให้ชาวบ้านขึ้นไปยังพื้นที่ด้านบน พร้อมมีการตรึงกำลังทหารเพื่อดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกัน มีรถพยาบาลทยอยขึ้นไปยังพื้นที่เกิดเหตุอย่างต่อเนื่อง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้มีการบันทึกภาพบริเวณที่ตั้งกำลังของทหารไทย นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งจุดอำนวยการฉุกเฉิน โดยขนย้ายเต็นท์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ขึ้นไปเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ ชาวบ้านในพื้นที่แสดงความกังวลต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายสิทธิ์ อายุ 73 ปี กล่าวว่า ปกติจะขึ้นป่าเป็นประจำ แต่ตอนนี้เจ้าหน้าที่ห้ามเข้าพื้นที่ ทำให้ขาดรายได้ ขณะที่นางพวย อายุ 61 ปี เล่าว่า นี่เป็นครั้งที่ 3 ที่พบเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ก่อนหน้านี้เคยมีกระสุนตกลงมาในหมู่บ้าน แม้รู้สึกกลัว แต่ก็พอทำใจได้ เพราะเคยผ่านเหตุการณ์คล้ายกันมาแล้ว ในช่วงบ่ายวันนี้ นายอำเภอน้ำยืนเตรียมเรียกประชุมหน่วยงานราชการในพื้นที่ เพื่อวางแนวทางรับมือและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะที่เวลา […]

นายกฯ ยันศาลฯ เบรกภาษี “ทรัมป์” ไม่กระทบแผนเจรจาไทย

กรุงเทพฯ 29 พ.ค. – นายกฯ ยันศาลการค้ารัฐบาลกลางเบรกภาษี “ทรัมป์” ไม่ส่งผลกระทบแผนเจรจาไทย ทีมงานยังเดินหน้าต่อ จนถึงวันนี้ยังไม่ได้วันนัดชัดเจน รู้สึกสบายใจหลายประเทศอาเซียนก็อยู่ระดับเดียวกับไทย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ มีคำวินิจฉัยว่า ทรัมป์ ไม่สามารถใช้อำนาจฉุกเฉินในการกำหนดภาษีศุลกากรทั่วโลกได้ เรื่องนี้จะส่งผลกับประเทศไทยที่กำลังรอเจรจาเรื่องภาษีสหรัฐอเมริกาอยู่หรือไม่ ว่า ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการไปตกลงจะมีผลอย่างไร ซึ่งตนเองก็ไม่แน่ใจแต่เราก็ต้องทำต่อ เตรียมความพร้อมต่อไป จะหยุดชะงักเลยก็คงไม่ได้และไม่แน่ใจว่ารับฟังหรือยัง เพราะระหว่างที่ไปประชุมที่มาเลเซียได้มีโอกาสได้คุยกับทุกประเทศ ได้คุยกันเรื่องของภาษีสหรัฐอเมริกา ทุกคนพูดเหมือนกันว่าหลายประเทศอยู่ในระดับเดียวกับประเทศไทย คือส่งรายงานเข้าไปและรอวันที่จะตอบกลับมาว่าจะได้ไปคุยวันไหน ยืนยันว่าเราไม่ได้ช้าและอยู่ในขั้นตอนของการรอวันที่จะไปคุยเช่นกันตามกรอบ 90 วัน จึงขอให้สบายใจได้ และจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้วันชัดเจนว่าจะได้คุยวันไหนต้องรอให้ทางสหรัฐอเมริกานัดมา แต่ในทีมทำงานไม่เป็นทางการยังติดต่อกันได้ ยังได้คุยและอัพเดทสถานการณ์กันอยู่ และก็เป็นสัญญาณบวก และย้ำอีกครั้งว่า ตนเองไม่ได้ถูกแบนวีซ่าสหรัฐอเมริกาขอให้สบายใจได้. -420-สำนักข่าวไทย

หุ้นบวก-บาทอ่อน-ทองลง รับข่าวที่ศาลฯ ระงับมาตรการภาษีตอบโต้ของ “ทรัมป์”

กรุงเทพฯ 29 พ.ค. – หุ้นไทยบวก-บาทอ่อนค่า-ทองลง รับข่าวที่ศาลฯ ระงับมาตรการภาษีตอบโต้ของ “ทรัมป์” ขณะ บล.กรุงศรี คาด SET จะกลับเหนือ 1,200-1,210 จุด ใน 1-3 วัน เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.84-32.86 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (เวลา 09.56 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.62 บาทต่อดอลลาร์ฯ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุเงินบาทอ่อนค่าลงสอดคล้องกับสกุลเงินเอเชียอื่นๆ เงินเยน และเงินฟรังก์ สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่แข็งค่าขึ้น รับข่าวที่ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ในนิวยอร์กระงับการใช้มาตรการภาษีศุลกากรของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ออกมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต ในการเก็บภาษีแบบครอบคลุมจากประเทศที่ส่งออกสินค้ามายังสหรัฐฯ มากกว่าที่นำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ด้านทำเนียบขาวได้ยื่นอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าว และอาจยื่นเรื่องต่อไปจนถึงศาลสูงหากจำเป็น แต่ในระหว่างนี้ ตลาดมองว่าเป็นสัญญาณบวกว่าทรัมป์อาจยอมถอยจากการกำหนดภาษีในระดับสูงสุดที่เคยขู่ไว้ นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับการปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก และสัญญาณสะท้อนสถานะ outflows ของนักลงทุนต่างชาติออกจากตลาดพันธบัตรไทยในวันนี้ด้วยเช่นกัน สมาคมค้าทองคำ […]

“วันนอร์” ชมการอภิปรายงบฯ 69 วันแรก ไม่น่าเบื่อ ประเด็นไม่ซ้ำ

รัฐสภา 29 พ.ค.-“วันนอร์” ชมการอภิปรายงบฯ 69 วันแรก ทุกคนเตรียมตัวมาดี ข้อมูลเป็นประโยชน์ ไม่น่าเบื่อ ประเด็นไม่ซ้ำ ระบุแม้ สส. – รมต. – นายกฯ ไม่อยู่ห้องประชุม แต่รับฟังจากทีวี – วิทยุ ด้านนอกได้ บอก “กุสุมาลวตี” ยื่นสอบจริยธรรม “อนุทิน” ทำได้ โยนฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงภาพรวมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 วันแรก ว่า ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีได้เสนอรายละเอียดในทุกแง่มุม ซึ่งสภา และประชาชนที่ได้รับฟัง น่าจะเข้าใจว่ารัฐบาลมีความตั้งใจในการใช้งบประมาณในปีนี้ ส่วนผู้นำฝ่ายค้าน ก็อยากให้รัฐบาล และผู้ใช้งบประมาณปรับปรุงแนวทางในการทำงาน เพื่อให้งบประมาณเกิดประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด ซึ่งทุกคนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน อภิปรายอย่างมีคุณค่าสำหรับประชาชน และผู้ที่จะใช้งบประมาณทุกภาคส่วน ก็จะนำข้อคิดเห็นนี้ไปดูแลงบประมาณ โดยหลังจากวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 จะมีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญ 72 คน […]