🎯 ตามที่มีการแชร์ว่า “แอปเปิ้ลไซเดอร์ สามารถบำบัดได้สารพัดโรค ทั้งแก้ท้องเสีย สะอึก อาหารไม่ย่อย ไซนัส เจ็บคอ อ่อนเพลีย ตะคริว และฟันขาว”นั้น
📌 บทสรุป : ❌ ไม่ควรแชร์ ❌
👉 ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ตรวจสอบกับผู้เชี่ยวชาญ ดร.ประมวล ทรายทอง ฝ่ายจุลชีววิทยาประยุกต์ และรองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ที่มีการแชร์ว่าแอปเปิ้ลไซเดอร์สามารถบำบัดอาการต่าง ๆ หลายอย่าง บางส่วนก็เป็นเรื่องจริง บางส่วนก็จริงเพียงบางส่วน หรือบางข้อความ และบางส่วนก็ไม่เป็นความจริง
👉 1.ท้องเสีย ให้จิบแอปเปิ้ลไซเดอร์ผสมน้ำสุกเย็นเจือจางทั้งวัน เพราะแอนตี้ไบโอติกในแอปเปิ้ลไซเดอร์จะช่วยฆ่าเชื้อในลำไส้ได้
ท้องเสียอาจจะเกิดมาจากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อหรืออาหารเป็นพิษจากเชื้อจุลินทรีย์หรือไวรัส หรืออาจเกิดจากกระเพาะหรือลำไล้เป็นแผลแล้วส่งผลให้เกิดอาการท้องเสีย
ดังนั้น หากท้องเสียจากการติดเชื้อหรืออาหารเป็นพิษ สามารถดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์ผสมน้ำเจือจางเพื่อช่วยในการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ เนื่องจากมีรายงานพบว่าแอปเปิ้ลไซเดอร์มีส่วนยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์บางชนิดได้
ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์ทั้งวันแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาและหาสาเหตุของอาการท้องเสีย จะได้แก้อาการให้ตรงจุด เพราะหากดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์เป็นระยะเวลานาน อาจส่งผลต่อการเกิดแผลในกระเพาะได้
👉 2.สะอึก กินแอปเปิ้ลไซเดอร์ 1 ช้อนชา เพราะรสเปรี้ยวจี๊ดถึงใจของแอปเปิ้ลไซเดอร์ช่วยหยุดอาการได้
การสะอึกเป็นภาวะการหายใจผิดปกติชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดจากการกระตุ้นระบบประสาทบริเวณกล้ามเนื้อกะบังลมในขณะที่หายใจออก ทำให้กะบังลมหดตัวผิดจังหวะ ดันลมจากปอดขึ้นไปกระทบกับกล่องเสียง จึงเกิดเป็นเสียงสะอึก
สาเหตุที่ไปกระตุ้นระบบประสาทให้เกิดการสะอึก เช่น กินอาหารรสจัด กินอาหารเร็วเกินไป ดื่มเครื่องดื่มหรืออาหารที่ทำให้เกิดก๊าซมากเกินไป อุณหภูมิในกระเพาะมีการเปลี่ยนแปลงฉับพลัน
ทั้งนี้ การดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์เจือจางสามารถช่วยลดอาการสะอึกได้ โดยวิธีการดังกล่าวเป็นการทำให้ปุ่มรับรสทำงานหนักขึ้น เพื่อเบี่ยงเบนระบบประสาทอัตโนมัติ แต่ไม่แนะนำในคนที่เกิดการสะอึกซึ่งมีปัญหาโรคแผลในกระเพาะอาหาร เพราะอาจจะส่งผลให้เกิดความรุนแรงขึ้นได้
👉 3.อาหารไม่ย่อย ให้ผสมแอปเปิ้ลไซเดอร์และน้ำผึ้งอย่างละ 1 ช้อนชาลงในน้ำอุ่น 1 แก้วดื่มก่อนอาหาร 30 นาที
แอปเปิ้ลไซเดอร์เมื่อผสมน้ำแล้วดื่มจะช่วยระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้ดี ฟื้นฟูสุขภาพในช่องท้อง เช่น แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยให้ลำไส้บีบตัวได้ดีขึ้น ป้องกันอาการอาหารไม่ย่อย โดยดื่มก่อนกินอาหารมื้อหนัก ๆ เช่น อาหารที่มีเนื้อสัตว์ซึ่งอาจจะย่อยยากอย่างเช่น สเต๊ก หรือพวกอาหารบุฟเฟ่ต์ต่าง ๆ อย่างน้อย 30 นาที จะช่วยให้การย่อยอาหารเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่ไม่ควรดื่มในขณะท้องว่าง เพราะอาจจะส่งผลให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารได้
👉 4.ไซนัส ผสมแอปเปิ้ลไซเดอร์ 1 ช้อนชาลงในน้ำอุ่น 1 แก้ว ดื่มเพื่อให้จมูกโล่ง
แอปเปิ้ลไซเดอร์มีกรดอินทรีย์ระเหยง่ายที่มีส่วนช่วยสลายและลดเยื่อเมือกในร่างกาย ดังนั้นการนำแอปเปิ้ลไซเดอร์ผสมน้ำอุ่น ดื่มเพื่อให้จมูกโล่งอาจมีส่วนช่วยให้จมูกโล่ง ทั้งนี้ควรมีการเจือจางในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งหากมีปริมาณความเข้มข้นของกรดอะซีติกมากเกินไปอาจส่งผลต่อเยื่อบุจมูกได้เช่นกัน
ดังนั้น จึงควรระมัดระวังการผสมน้ำให้มีความเข้มข้นพอเหมาะในการดื่มและการสูดดม
👉 5.เจ็บคอ ผสมแอปเปิ้ลไซเดอร์ 1 ใน 4 ของแก้ว ลงในน้ำอุ่น 1 ใน 4 ของแก้วเท่ากัน กลั้วคอ เพื่อให้กรดในแอปเปิ้ลไซเดอร์ฆ่าเชื้อในลำคอ
แอปเปิ้ลไซเดอร์มีความเป็นกรดสูง ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าวมีส่วนช่วยในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อโรคที่สะสมอยู่ในช่องปากได้ ทั้งนี้ในการบริโภคควรมีการเจือจางให้เหมาะสมเพื่อลดการเกิดอันตรายของช่องปากและเยื่อบุลำคอ
อย่างไรก็ตาม ก่อนนำแอปเปิ้ลไซเดอร์มาบ้วนปากหรือดื่ม ควรจะต้องทำการเจือจางด้วยน้ำเปล่าในปริมาณที่ระบุไว้บนผลิตภัณฑ์หรือตามคำแนะนำบนฉลาก เนื่องจากแอปเปิ้ลไซเดอร์มีฤทธิ์ที่เป็นกรดสูง หากได้รับปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดอันตรายต่อลำคอและช่องปากได้
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่ามีการใช้แอปเปิ้ลไซเดอร์ทำความสะอาดบาดแผล และมีการระบุเป็นตำรับยารักษาโรคในคัมภีร์ไบเบิ้ล รวมถึงมีงานวิจัยที่รายงานความสามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรียอีโคไล (E. coli) และแบคทีเรียก่อโรคต่าง ๆ ได้อีกด้วย
👉 6.อ่อนเพลียหลังออกกำลังกาย ผสมแอปเปิ้ลไซเดอร์ 1 ช้อนชาในแก้วน้ำผลไม้หรือน้ำเปล่าเย็น ๆ เพราะโพแทสเซียมและเอนไซม์ในแอปเปิ้ลไซเดอร์ช่วยแก้ความอ่อนเพลียได้ชะงัด
การออกกำลังกายนาน ๆ ทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย เนื่องจากการเผาผลาญพลังงานในร่างกายและเกิดการสะสมกรดแล็กติก
คนปกติมีกรดแล็กติกในภาวะพัก 1-2 มิลลิโมลต่อลิตร แต่ถ้าอยู่ในภาวะออกกำลังกายหนัก ๆ ปริมาณกรดแล็กติกจะอยู่ที่ 4-20 มิลลิโมลต่อลิตร เมื่อร่างกายสะสมกรดแล็กติกปริมาณมากจะส่งผลให้กล้ามเนื้อมีอาการเมื่อยล้า
ถ้าร่างกายมีกรดแล็กติกมากจนรับไม่ไหวก็อาจทำให้เป็นตะคริวได้ แต่กรดแล็กติกสามารถสลายตัวได้เมื่อกล้ามเนื้อมีออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงอย่างเพียงพอ
ดังนั้น การลดอาการเมื่อยล้าที่ดีที่สุดจากการออกกำลังกายคือ “การดื่มน้ำ” หรือ “การหายใจสูดออกซิเจน” เข้าไปเพื่อช่วยสลายกรดแล็กติกในร่างกาย
การนำแอปเปิ้ลไซเดอร์ผสมน้ำเจือจางเพื่อดื่มอาจจะช่วยแก้ความอ่อนเพลียได้เช่นกัน แต่การดื่มน้ำเวลาออกกำลังกายเราจำเป็นต้องดื่มปริมาณมาก ดังนั้นอาจจะทำให้ปริมาณกรดน้ำส้มเข้าไปสะสมในกระเพาะอาหารจนเป็นแผลได้ วิธีที่ดีที่สุดคือการดื่มน้ำเปล่า
👉 7.แก้ตะคริวขณะหลับ หากมีอาการนี้ให้ผสมแอปเปิ้ลไซเดอร์ 2 ช้อนโต๊ะและน้ำผึ้งเล็กน้อย ลงในน้ำดื่ม 1 แก้ว จะช่วยหยุดอาการได้
ตะคริวคืออาการหดเกร็งที่ทำให้กล้ามเนื้อปวดและเป็นก้อนแข็ง มักจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน โดยที่เราไม่สามารถบังคับได้ ซึ่งจะเป็นอยู่เพียงช่วงหนึ่งเท่านั้น
ปัจจุบัน ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดตะคริว แต่เชื่อว่าอาจเกิดจากเอ็นและกล้ามเนื้อไม่ได้ยืดตัวบ่อย ๆ จึงทำให้มีการหดรั้งหรือเกร็งได้ง่ายเมื่อมีการใช้กล้ามเนื้อส่วนนั้นมากเกินไป
นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าอาจเกิดจากเซลล์ประสาทและเส้นประสาทที่ควบคุมการหดและคลายตัวของกล้ามเนื้อทำงานผิดปกติ หรืออาจเกิดจากการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อไม่ดี รวมถึงสาเหตุอื่น ๆ เช่น การดื่มน้ำน้อยเกินไป ผู้ที่มีภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ ภาวะเกลือแร่ในร่างกายไม่สมดุล กล้ามเนื้ออ่อนล้าหรืออ่อนแรงจากการใช้งานติดต่อกันเป็นเวลานาน การนอน นั่ง หรือยืน ในท่าที่ไม่สะดวกนาน ๆ
จากสาเหตุที่กล่าวมา การดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์ผสมน้ำผึ้งอาจจะไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาหรือช่วยหยุดอาการดังกล่าวได้
👉 8.ช่วยฟันขาว กลั้วปากด้วยแอปเปิ้ลไซเดอร์ทุกเช้า เพื่อช่วยล้างคราบบนฟันและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย จากนั้นแปรงฟันตามปกติ
การดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์ควรระวังผลเสียจากกรดที่มีผลต่อสารเคลือบฟัน เพราะกรดในแอปเปิ้ลไซเดอร์ที่สูงเกินไป เมื่อกลั้วปากเป็นประจำและเป็นเวลานานอาจทำให้สารเคลือบฟันเสียหาย จะส่งผลต่อสุขภาพฟันและช่องปาก รวมทั้งเยื่อบุในช่องปากและลำคอได้
ดังนั้น การกลั้วปากด้วยแอปเปิ้ลไซเดอร์ทุกเช้า มีส่วนช่วยล้างคราบบนฟันและฆ่าเชื้อแบคทีเรียในช่องปากได้ แต่ทุกครั้งที่กลั้วปากด้วยการดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์ ควรบ้วนปากด้วยทุกครั้ง และไม่ควรใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน รวมถึงขณะที่ดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์ควรใช้หลอดดูดจะดีที่สุด เพื่อเป็นการรักษาสารเคลือบฟัน
👉 คนปกติ ไม่มีอาการเจ็บป่วย ดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์ทุกวัน มีอันตรายต่อร่างกายมั้ย
เนื่องจากแอปเปิ้ลไซเดอร์มีความเป็นกรดสูง ต้องเจือจางก่อนนำมาดื่มทุกครั้ง
การดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์ที่เหมาะสมคือวันละ 2 ช้อนชา สูงสุดไม่เกิน 2 ช้อนโต๊ะหรือน้อยกว่า ด้วยการผสมกับน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้ให้เจือจางมาก ๆ หรือควรดื่มไม่เกินวันละ 237 มิลลิลิตรต่อวัน เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหรืออันตรายต่อร่างกายเช่น เกิดภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ เสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน หรือมีอาการเจ็บกล่องเสียง แสบร้อนในช่องปากและลำคอ
นอกจากนี้ มีรายงานพบว่าผู้ที่ดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์วันละ 250 มิลลิลิตร ดื่มติดต่อกันเป็นเวลา 6 ปี อาจเสี่ยงสูงต่ออาการของโรคกระดูกพรุนและเกิดภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ
👉 เด็กเล็ก เด็กวัยรุ่น ดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์ได้มั้ย อันตรายหรือไม่ อย่างไร
เนื่องมาจากแอปเปิ้ลไซเดอร์มีความเป็นกรดสูง ในกรณีของเด็กเล็ก เด็กวัยรุ่น อาจจะยังไม่เหมาะสม เนื่องจากระบบของอวัยวะและเนื้อเยื่อทางเดินอาหารยังบอบบางเกินไปต่อกรดจากแอปเปิ้ลไซเดอร์ รวมถึงการดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์ที่มีความเป็นกรดสูงโดยไม่ได้เจือจางให้เหมาะสมอาจส่งผลต่อระบบทางเดินอาหาร แสบร้อนในช่องปากและลำคอ และส่งผลต่อกระเพาะและลำไส้รวมถึงสุขภาพโดยรวมได้
นอกจากนี้ ผู้มีปัญหาสุขภาพหรือผู้ป่วยที่กินยาเป็นประจำไม่ควรดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์ เนื่องจากมีรายงานว่าแอปเปิ้ลไซเดอร์ทำปฏิกิริยากับยาบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาระบาย ยารักษาโรคเบาหวาน และโรคหัวใจ ดังนั้น ผู้ที่กินยาดังกล่าวควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์
👉 แอปเปิ้ลไซเดอร์ คืออะไร ทำจากแอปเปิ้ลหรือ มีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง
แอปเปิ้ลไซเดอร์ หรือ Apple cider vinegar คือน้ำส้มสายชูที่ได้จากการหมักจากแอปเปิ้ล
ผลไม้อีกหลายชนิดที่ไม่ใช่แอปเปิ้ลสามารถนำมาผลิตแอปเปิ้ลไซเดอร์ได้ อย่างผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น ราสเบอร์รี่ (raspberry) บลูเบอร์รี่ (blueberry) มัลเบอร์รี่ (mulberry) รวมถึงผลไม้ในเมืองไทย เช่น สับปะรด กล้วย มะม่วง มังคุด ลิ้นจี่ น้ำมะพร้าว เป็นต้น
กระบวนการหมัก cider vinegar มี 2 ขั้นตอน โดยเริ่มจากนำผลไม้หรือน้ำผลไม้มาหมักด้วยยีสต์เพื่อเปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นแอลกอฮอล์ ขั้นตอนต่อมาคือการเปลี่ยนแอลกอฮอล์ที่ได้ไปเป็นกรดอะซีติกหรือกรดน้ำส้มโดยเชื้อแบคทีเรีย
โดยปกติแล้วการหมักที่ดีและมีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีปริมาณกรดน้ำส้มมากกว่า 4% และต้องมีแอลกอฮอล์ตกค้างไม่เกิน 0.5% ซึ่งจากลักษณะดังกล่าวทำให้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม cider vinegar มีรสเปรี้ยวจัด จึงนิยมนำไปใช้ประกอบอาหาร ใช้เป็นส่วนผสมในอาหารและถนอมอาหาร รวมถึงปัจจุบันมีการนำมาเจือจางดื่มตามที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในปัจจุบันนี้
👉 แอปเปิ้ลไซเดอร์ มีสารอาหารอะไรบ้าง ที่ทำให้เชื่อกันว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย
แอปเปิ้ลไซเดอร์มีแร่ธาตุคล้ายคลึงกับน้ำแอลเปิ้ล โดยเฉพาะมีโพแทสเซียมสูง มีแร่ธาตุต่าง ๆ มากกว่า 30 ชนิด มีเพ็กทินที่เป็นไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ เป็นสารสำคัญทางพฤกษเคมีที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระมีประโยชน์ต่อผู้บริโภค
แร่ธาตุและสารสำคัญในแอปเปิ้ลไซเดอร์อาจมีปริมาณแตกต่างกันตามกระบวนการบ่มหรือการเติมส่วนผสมของแต่ละผู้ผลิต จึงยากที่จะบอกส่วนประกอบที่แน่นอนของแอปเปิ้ลไซเดอร์ที่ขายอยู่ทั่วไปมีปริมาณเท่าไหร่
ทั้งนี้ คุณสมบัติหลักของแอปเปิ้ลไซเดอร์ประกอบด้วยน้ำ กรดอะซีติก และกรดอินทรีย์อื่น ๆ อีกเล็กน้อย จึงอาจจะพูดได้ว่าสารอาหารที่เชื่อว่ามีประโยชน์จากการบริโภคแอปเปิ้ลไซเดอร์น่าจะมาจากกรดอินทรีย์ที่เกิดขึ้นในในกระบวนการหมักมากกว่าแร่ธาตุ วิตามิน และสารสำคัญจากแอปเปิ้ล
ตรวจสอบโดย : พีรพล อนุตรโสตถิ์
เรียบเรียงโดย : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล
สามารถรับชมคลิปรายการ ชัวร์ก่อนแชร์ : แอปเปิลไซเดอร์ บำบัด 8 อาการได้ จริงหรือ ?
หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter