ชัวร์ก่อนแชร์ : “คอมบูชา” สารพัดประโยชน์ ดื่มอย่างไร ?

🎯 ตามที่มีการแชร์ว่า “คอมบูชา ชาหมักที่ไม่เพียงให้ประโยชน์เหมือนชา แต่ยังอุดมด้วยคุณค่า ทั้งโพรไบโอติก สารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันแบคทีเรีย ควบคุมระดับน้ำตาล และป้องกันมะเร็ง”นั้น


📌 บทสรุป :  ❌ จริงบางส่วน ไม่ควรแชร์  ❌

👉 ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ตรวจสอบกับผู้เชี่ยวชาญ ดร.ประมวล ทรายทอง ฝ่ายจุลชีววิทยาประยุกต์ และรองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์


ปัจจุบัน การศึกษาเรื่อง “คอมบูชา” อยู่ในระดับห้องทดลองและสัตว์ทดลอง ยังไม่มีการศึกษาในระดับมนุษย์ แม้จะได้ผลดีในระดับสัตว์ทดลอง ก็ไม่ได้หมายความว่าผลการศึกษาในระดับมนุษย์ จะให้ผลไปในทิศทางเดียวกัน

👉 “คอมบูชา” มีความเป็นมาอย่างไร ?

ประวัติความเป็นมาของเครื่องดื่มชาหมักค่อนข้างยาวนาน มีต้นกำเนิดจากประเทศจีน สมัยของราชวงศ์ฉิน หรือประมาณ 2,000 ปีมาแล้ว


มีความเชื่อว่าคอมบูชาเป็นยาอายุวัฒนะที่ผลิตเพื่อถวายให้กับจิ๋นซีฮ่องเต้ และบันทึกสรรพคุณหลากหลายไว้ในตำรายาจีนแผนโบราณที่มีอายุมากกว่า 5,000 ปี

ถึงแม้ต้นกำเนิดจะมาจากประเทศจีน แต่คอมบูชากลับได้รับความนิยมอย่างมากในญี่ปุ่น เมื่อแพทย์ชาวเกาหลีนำคอมบูชาถวายการรักษาอาการเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารของสมเด็จพระจักพรรดิแห่งญี่ปุ่นจนหายเป็นปกติ

หลังจากเข้าสู่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 คอมบูชาก็ค่อย ๆ ถูกลืมเลือนไป จนกระทั่งมีนักวิทยาศาสตร์จาก​​สวิตเซอร์แลนด์ได้นำคอมบูชามาทำการศึกษาใหม่อีกครั้ง ถึงประโยชน์ที่มีต่อร่างกาย จนกระทั่งในช่วงปี พ.ศ. 2533 คอมบูชาเป็นที่รู้จักอีกครั้งและได้รับความนิยมในหลายประเทศโซนยุโรป อเมริกาเหนือ และออสเตรเลีย รวมถึงประเทศไทยด้วย

👉 “คอมบูชา” เกี่ยวข้องกับใบชา มากน้อยขนาดไหน ?

คนส่วนหนึ่งเข้าใจผิดเกี่ยวกับคอมบูชา (kombucha) ว่าทำมาจากสาหร่ายคอมบุ ที่นิยมนำมาใส่ในซุปต่าง ๆ ของญี่ปุ่น

ความจริงแล้ว “คอมบูชา” หรือเรียกอีกอย่างว่า “ชาหมัก” เกิดจากการนำชาดำหรือชาเขียว ปริมาณไม่เกิน 2% มาต้มให้เป็นน้ำชา จากนั้นเติมน้ำตาลและจุลินทรีย์ SCOBY (symbiotic culture of bacteria and yeast) ซึ่งมีลักษณะเป็นแผ่นวุ้นหนา ๆ ประกอบด้วยแบคทีเรียและยีสต์ ทำการหมักในโหลหรือขวดแก้ว วางในที่ร่ม ประมาณ 7–21 วันก็สามารถนำมาดื่มได้

รสชาติของคอมบูชาเปรี้ยว หวานเล็กน้อย ได้ความซ่าจากคาร์บอนไดออกไซด์ และมีแอลกอฮอล์เล็กน้อย

คอมบูชามีฤทธิ์เป็นกรด องค์ประกอบหลักเป็นกรดน้ำส้ม กรดอินทรีย์ชนิดต่าง ๆ ที่เกิดจากกระบวนการหมักสารสำคัญจากชาและส่วนผสมอื่น ๆ ที่เติมลงไปในการหมัก

👉 คนปกติทั่วไป ดื่มคอมบูชาได้มั้ย ดื่มแล้วเกิดประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร ?

“คอมบูชา” เป็นเครื่องดื่มหมักที่ดื่มได้ทุกเพศวัย ผ่านกระบวนการหมักและใช้ชาเป็นวัตถุดิบในการหมัก ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มีคุณสมบัติช่วยเสริมสุขภาพด้านต่าง ๆ เช่น ปรับสมดุลในร่างกาย ช่วยย่อยอาหาร ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เสริมสร้างการทำงานให้กับตับ ขับสารพิษออกจากตับ และมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ได้จากชา

นอกจากนี้ องค์ประกอบหลักคือกรดอะซีติกหรือกรดน้ำส้ม มีคุณสมบัติยับยั้งการเจริญของเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้อีกด้วย รวมถึงมีสารอาหารที่จำเป็นให้กับร่างกาย

ดังนั้น สามารถดื่มคอมบูชาได้โดยไม่มีข้อจำกัดในคนปกติทั่วไป แต่ไม่แนะนำสำหรับคนที่กำลังตั้งครรภ์ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง และเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ เนื่องจากความเป็นกรดของคอมบูชา กาเฟอีน และแอลกอฮอล์ที่เกิดขึ้นในผลิตภัณฑ์อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพได้

ใครที่กำลังสนใจดื่มคอมบูชา ต้องเลือกซื้อจากแหล่งผลิตที่ไว้ใจได้ มาตรฐานการผลิต สะอาด ปลอดภัย เพราะขั้นตอนการหมักมีความสำคัญคือต้องสะอาด ไม่เกิดการปนเปื้อน ภาชนะบรรจุต้องสะอาด เพราะถ้าดื่มคอมบูชาที่ไม่ได้คุณภาพอาจส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร เช่น ปวดท้อง ท้องเสีย เกิดการติดเชื้อในทางเดินอาหาร หรือเกิดอาการแพ้ จากประโยชน์ที่ได้รับอาจจะกลายเป็นส่งผลเสียต่อร่างกายแทนได้

👉 คนที่มีปัญหาสุขภาพ ดื่มคอมบูชาแล้วช่วยให้อาการดีขึ้น จริงหรือ ?

ยังไม่มีงานวิจัยที่ยืนยันชัดเจนว่าผู้ที่มีปัญหาสุขภาพต่าง ๆ เมื่อดื่มคอมบูชาแล้วจะช่วยให้ร่างกายดีขึ้นหรือหายจากโรคได้ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากความเชื่อ มีความรู้สึกคล้อยตามหรือเกิดอุปาทานชั่วคราวว่าดื่มคอมบูชาแล้วรู้สึกดีขึ้นจากโรคหรืออาการที่เป็นอยู่

คอมบูชาเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีรสเปรี้ยว ขณะดื่มจะทำให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า เหมือนมีเรี่ยวแรงเพิ่มขึ้นนั่นเอง แต่คอมบูชาไม่ได้มีคุณสมบัติรักษาโรคโดยตรง แต่มีส่วนช่วยปรับสมดุลของระบบต่าง ๆ ในร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบย่อยอาหารและลำไส้

👉 ที่บอกว่าคอมบูชามีโพรไบโอติก แก้ได้สารพัดโรค เช่น โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด มะเร็งลำไส้ หอบหืด แพ้ภูมิคุ้มตัวเอง กล้ามเนื้ออักเสบและเพลียเรื้อรัง จริงหรือ ?

คอมบูชาเป็นเครื่องดื่มที่เกิดขึ้นจากการนำชามาหมักด้วยเชื้อจุลินทรีย์กลุ่มที่ดีต่อสุขภาพของผู้บริโภค แต่อาจจะไม่ใช้เชื้อโพรไบโอติกอย่างที่มีการกล่าวอ้าง

ดังนั้น อาจจะพูดได้ว่าคอมบูชาเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพชนิดหนึ่งเท่านั้น ไม่มีคุณสมบัติในการรักษาโรคหรือเป็นยาสารพัดโรค เพียงเเต่ช่วยปรับสมดุลให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะที่สมดุลมากยิ่งขึ้น เมื่อร่างกายเข้าสู่สภาวะสมดุลแล้วก็จะส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันที่ดี และทำให้คนที่ดื่มคอมบูชารู้สึกถึงสุขภาพร่างกายที่เเข็งเเรงขึ้นนั่นเอง

👉 คอมบูชามีสารต้านอนุมูลอิสระ สารโพลีฟีนอล และกรดอะซีติก ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ ช่วยควบคุมและลดระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันการเติบโตและแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง ?

ถึงแม้ว่าคอมบูชาที่หมักจากชา (โดยเฉพาะชาเขียว) อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่ช่วยป้องกันหรือยับยั้งความเสียหายของเซลล์ที่เกิดขึ้นจากอนุมูลอิสระอย่างสารโพลีฟีนอล (polyphenol) ซึ่งปัจจุบันมีผลงานวิจัยที่รายงานประสิทธิภาพของสารสำคัญที่พบในคอมบูชาดังกล่าวนี้ในสัตว์ทดลองเท่านั้น เช่น

– มีงานวิจัยที่ศึกษาคุณสมบัติของคอมบูชาในหนูที่ได้รับสารละลายตะกั่วติดต่อกัน โดยแบ่งหนูทดลองออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่กินคอมบูชาควบคู่กับได้รับสารตะกั่ว กับกลุ่มที่ไม่ได้กินคอมบูชา พบว่าเซลล์ที่ถูกทำลายจากสารตะกั่วของหนูกลุ่มแรกนั้นมีจำนวนลดลง ดังนั้นเครื่องดื่มชนิดนี้มีส่วนลดความเป็นพิษของตับจากการได้รับสารเคมีที่เป็นพิษได้

– มีงานวิจัยที่หนูถูกป้อนอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงเป็นประจำกินคอมบูชาต่อเนื่องติดต่อกัน หลังจากนั้นเปรียบเทียบปริมาณคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) และคอเลสเตอรอลชนิดเลว (LDL) ก่อนและหลังกิน พบว่า LDL มีปริมาณลดลง แต่ HDL มีปริมาณเพิ่มขึ้น ดังนั้นคอมบูชาอาจมีส่วนช่วยลดระดับไขมันเลวได้ และอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดด้วยเช่นกัน

– ให้หนูที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกินคอมบูชาติดต่อกัน พบว่าหนูมีระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ดังนั้นการดื่มคอมบูชาจึงอาจส่งผลดีต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ

นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยอีกหลายชิ้นที่ระบุว่าสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่อยู่ในชาเป็นส่วนผสมหลักของการหมักคอมบูชามีส่วนช่วยป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง รวมถึงยับยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งได้

อย่างไรก็ตาม งานวิจัยดังกล่าวเป็นเพียงการทดลองทางห้องปฏิบัติการ และทดลองในสัตว์เท่านั้น ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจึงอาจแตกต่างกับการทดลองในคน ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยใดที่ศึกษาคุณสมบัติของคอมบูชาในด้านการต้านอนุมูลอิสระ ความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ ช่วยควบคุมและลดระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันการเติบโตและแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งกับคนโดยตรง จึงจำเป็นต้องรองานวิจัยสนับสนุนเพิ่มเติมที่ชัดเจนเพื่อยืนยันอีกครั้ง

👉 เด็กเล็กและวัยรุ่น ดื่มคอมบูชาได้มั้ย ส่งผลอะไรกับร่างกายบ้าง หรือไม่ควรดื่ม ?

คอมบูชาจัดเป็นเครื่องดื่มที่มีรสเปรี้ยวนำและหวานเล็กน้อย และอาจพบแอลกอฮอล์เล็กน้อยในบางผลิตภัณฑ์ รวมถึงมีปริมาณกาเฟอีนเป็นส่วนผสม ถึงแม้จะมีปริมาณกาเฟอีนต่ำกว่ากาแฟราว 1 ใน 3 ของปริมาณที่พบ ขึ้นอยู่กับส่วนผสมและกระบวนการหมัก

อย่างไรก็ตาม การดื่มคอมบูชานั้นควรเริ่มต้นดื่มในปริมาณน้อย ๆ เพื่อทดลองก่อน แล้วค่อย ๆ ดูว่ามีผลอย่างไร ก่อนจะดื่มในปริมาณที่มากขึ้น แต่จากการสืบค้นข้อมูลพบว่าเด็ก ๆ ส่วนใหญ่ดื่มคอมบูชาได้โดยไม่มีปัญหา แต่ไม่เหมาะกับเด็กที่มีอายุต่ำกว่าอายุ 5 ขวบ เนื่องด้วยระบบทางเดินอาหารยังมีความบอบบางหากมีปริมาณกรดสูงอาจมีผลเสียต่อสุขภาพได้

👉 คนสุขภาพดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่มีปัญหาโรคเรื้อรัง ดื่มคอมบูชาได้มั้ย ?

ถึงแม้ความเชื่อเรื่องคุณประโยชน์ต่อสุขภาพของคอมบูชาจะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอยู่เสมอ แต่ปัจจุบันมีงานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับชาหมักชนิดนี้โดยทดลองกับคนโดยตรงค่อนข้างจำกัด จึงไม่สามารถรับรองประสิทธิภาพของเครื่องดื่มชนิดนี้ได้อย่างแน่ชัด ผู้บริโภคจึงควรระมัดระวังในการบริโภคเครื่องดื่มชนิดนี้อยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบวนการหมักที่ไม่สะอาดอาจทำให้คอมบูชาปนเปื้อนจากเชื้อโรค อีกทั้งภาชนะบรรจุที่ไม่เหมาะสม สิ่งเหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้

ดังนั้น การกินอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ ถือเป็นยาวิเศษสุดในวิถีชีวิตปัจจุบัน

ตรวจสอบโดย : พีรพล อนุตรโสตถิ์

เรียบเรียงโดย : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล

สามารถรับชมคลิปรายการ ชัวร์ก่อนแชร์ : 6 ประโยชน์ของคอมบูชา จริงหรือ ? และ คอมบูชา ดื่มอย่างไร ?

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ตร.แจ้ง 2 ข้อหามือมีดทำร้าย “เป๊ก” คาดปมเข้าใจผิด

3 ส.ค.- ตำรวจ สน.หัวหมาก แจ้ง 2 ข้อหา หนุ่มวัย 21 ใช้มีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” นักร้องชื่อดัง บาดเจ็บที่คางเป็นแผลฉกรรจ์ อ้างถูกหาเรื่องก่อน เบื้องต้นคาดปมเข้าใจผิด จ่อสอบปากคำเพิ่มเติม เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 3 ส.ค.68 ร.ต.อ.ชัยนรินทร์ กวีพราหมณ์ รอง.สว.(สอบสวน) สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายโดยใช้อาวุธมีด มีผู้บาดเจ็บ ภายในปั๊มน้ำมัน ซอยรามคำแหง 76 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อมกำลังสายตรวจฝ่ายป้องกันและปราบปราม สน.หัวหมาก และอาสามูลนิธิสยามร่วมใจปู่อินทร์ ที่เกิดเหตุอยู่ภายในปั๊มน้ำมัน พบร่างนายผลิตโชค หรือ เป๊ก อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง มีบาดแผลฉกรรจ์ถูกอาวุธมีดฟันเข้าที่บริเวณใต้คาง 1 แผล ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่จึงเร่งทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนเร่งนำตัวส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลสมิติเวช ส่วนผู้ก่อเหตุไม่หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ […]

เฝ้าระวังตลอดคืน พบโดรนปริศนาบินล้ำเขตแดนอรัญฯ

สระแก้ว 3 ส.ค.- พบโดรนปริศนาไม่ทราบฝ่ายบินล้ำแดนจากกัมพูชาเข้ามาในไทย ชาวบ้าน-ชรบ.ในพื้นที่อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เฝ้าระวังตลอดทั้งคืน คืนที่ผ่านมา เวลา 21.00 น. ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยจุดที่ทีมข่าวเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ห่างจากแนวชายแดนเพียง 2 กิโลเมตร บรรยากาศในพื้นที่ขณะนั้นมีชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ออกมาคอยเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง หลังได้รับแจ้งว่าอาจมีโดรนปริศนาเข้ามาในพื้นที่ ระหว่างที่ทีมข่าวกำลังสัมภาษณ์พูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ พบโดรนลำหนึ่งบินเข้ามาจากเขตชายแดนฝั่งกัมพูชา ล้ำเข้ามาในอาณาเขตประเทศไทยลึกประมาณ 2 กิโลเมตร ขณะที่โดรนลำนั้นลอยอยู่เหนือพื้นที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ใช้ไฟสปอร์ตไลต์กำลังแรงสูงร่วมกับแสงเลเซอร์จากอุปกรณ์ของทหาร ส่องไปยังโดรนปริศนาอย่างชัดเจน ทำให้เห็นลำตัวของโดรนแม้อยู่ในความมืด สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่มีการเปิดเผยว่าโดรนลำนั้นมีเป้าหมายใดหรือเป็นของฝ่ายใด ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงยังคงเพิ่มมาตรการตรวจตราและเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิดหรือภัยคุกคามความมั่นคงในพื้นที่ -สำนักข่าวไทย

เปิดภาพทหารไทยบึ้มบันไดช่องคานม้า สกัดเส้นทางขึ้นภูมะเขือ

3 ส.ค. – เปิดภาพทหารไทยบึ้มบันไดช่องคานม้า จ.ศรีสะเกษ สกัดเส้นทางขึ้นภูมะเขือ ห้วงปะทะวันที่ 24-28 ก.ค.ที่ผ่านมา วันนี้ (3 ส.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานเหตุปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 24-28 ก.ค.ที่ผ่านมา ทหารได้ทำลายบันไดช่องคานม้า จ.ศรีสะเกษ ซึ่งสามารถขึ้นมาถึงภูมะเขือได้ หลังทหารไทยเข้ายึดพื้นที่ภูมะเขือ ผลักดันทหารกัมพูชาอยู่บนจะงอยหน้าผาออกไปทั้งหมด พร้อมทำลายกระเช้า และฐานทหารกัมพูชาด้านล่างภูมะเขือ โดยการใช้โดรนติดระเบิด ล่าสุดมีการเผยแพร่ภาพทหารทำลายบันไดช่องคานม้า ในระหว่างยึดพื้นที่ได้จากการเหตุปะทะช่วง 5 วันที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

ชาวเชียงใหม่ร่วมจุดเทียนสดุดี 15 วีรบุรุษชายแดน

3 ส.ค.- ชาวเชียงใหม่ ร่วมกันจุดเทียน แสดงความไว้อาลัย สดุดี 15 วีรบุรุษทหารที่พลีชีพปกป้องแผ่นดินไทยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บริเวณ หน้าลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ตัวเมืองเชียงใหม่ ประชาชนได้รวมตัวทำกิจกรรมร้องเพลง เขียนข้อความ พร้อมโบกธงชาติไทย เพื่อส่งกำลังใจให้กับทหารที่อยู่แนวหน้า ชายแดนไทย-กัมพูชา และร่วมกันร้องเพลงชาติไทย เพื่อเป็นการสดุดีทหาร 15 นายที่พลีชีพในการสู้รบปกป้องอธิปไตย อีกทั้งอ่านรายชื่อทหาร วางพวงหรีดและจุดเทียน แสดงความไว้อาลัยพร้อมทั้งยืนสงบนิ่ง อธิฐานขอให้เจ้าหน้าที่ที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ชายแดนไทย-กัมพูชา ปลอดภัยทุกนาย นอกจากนี้ บริเวณย่านถนนท่าแพ หน้าอาคารพุทธสถานเชียงใหม่ มีการนำภาพทหารที่เสียชีวิตทั้ง 15 นายติดไว้ริมถนนและมีการตั้งโต๊ะเพื่อให้ประชาชน มาวางดอกไม้ แสดงความอาลัย -สำนักข่าวไทย