เตือนภัยสายเที่ยว ! เพจปลอม-บัญชีอวตาร หลอกสำรองค่าที่พักดัง ก่อนเชิดเงินหนี | ชัวร์ก่อนแชร์ CyberAlert!🚨

วิธีหลอก : แอบอ้างชื่อที่พักดัง ในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่ง
อุบาย : มีด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ
1. ใช้เพจปลอม มิจฉาชีพจะแอบอ้างเป็นแอดมิน มีการคัดลอกเนื้อหาจากเพจจริง โดยอาศัยการยิงโฆษณาเพื่อสร้างความเข้าใจผิด
2. ใช้บัญชีเฟซบุ๊กอวตารแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มแนะนำโรงแรม หรือที่พักต่าง ๆ เพื่อโพสต์ข้อความในลักษณะ “มีที่พักราคาดีหลุดจองอยู่”
เมื่อเหยื่อสนใจตลอดจนติดต่อเข้าไปก็จะถูกลวงให้โอนเงินสำรองที่พัก ไปยังบัญชีบุคคลธรรมดา แน่นอนว่าการสำรองดังกล่าวไม่เป็นความจริง หากเหยื่อเดินทางไปเข้าพักยังสถานที่จริงย่อมไม่สามารถเข้าพักได้
ช่องทาง : แอปพลิเคชัน Facebook

ตำรวจไซเบอร์เตือนภัย มิจฉาชีพใช้เพจปลอม-บัญชีอวตารแนะนำที่พัก ก่อนแอบอ้างเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ลวงให้โอนเงินสำรองที่พัก ด้าน ‘โฆษก’ ขอให้ประชาชนระมัดระวังมากขึ้น พร้อมแนบวิธีการป้องกัน

กรุงเทพฯ 4 พ.ค. 66 – พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือ ตำรวจไซเบอร์ ออกประชาสัมพันธ์เตือนภัย กรณีมิจฉาชีพปลอมช่องทางการติดต่อของที่พักดัง แอบอ้างเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ลวงเหยื่อให้โอนเงินสำรองค่าที่พักก่อนชิ่งหนีไป

ฉวยโอกาสฤดูกาลท่องเที่ยว ปลอมช่องทางการติดต่อ แอบอ้างชื่อที่พักดัง




มิจฉาชีพอ้างตนเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับที่พัก ซึ่งมีรูปแบบของอุบายที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. กรณีเป็นเพจปลอม มิจฉาชีพจะแอบอ้างเป็นแอดมิน ทั้งนี้อาจสร้างเพจขึ้นมาใหม่ หรือเปลี่ยนชื่อเพจที่มีผู้ติดตามอยู่แล้ว ให้เหมือนกันกับเพจที่พักของจริง แน่นอนว่าต้องคัดลอกภาพ Profile, ภาพหน้าปก, เนื้อหา และส่วนลดต่าง ๆ มาใช้เช่นเดียวกันด้วย สำหรับการเลียนแบบข้างต้นคาดว่า อาจยังไม่เพียงพอที่จะล่อลวงให้ประชาชนเข้าถึงหน้าเพจตลอดจนหลงเชื่อได้ มิจฉาชีพจึงอาศัยเทคนิคการยิงโฆษณาเพิ่มเติม เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และเพิ่มโอกาสการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ซึ่งอันตรายเป็นอย่างยิ่งสำหรับประชาชน ผู้ไม่เคยเข้าถึง หรือรู้จักเพจที่พักของจริงมาก่อน กรณีดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า เพจเฟซบุ๊กที่ดูมีความน่าเชื่อถือ มีการลงทุน เพื่อยิงโฆษณาอาจไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่คิด
2. กรณีเป็นบัญชีอวตาร มิจฉาชีพมักแอบอ้างเป็นเจ้าของที่พัก และแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มแนะนำที่พักต่าง ๆ เพื่อโพสต์ข้อความในลักษณะ “มีที่พักราคาดีหลุดจองอยู่” แม้จะไม่ได้ดูมีความน่าเชื่อถือเท่ากับกรณีก่อนหน้านี้ แต่ในความเป็นจริง การแนะนำที่พักในลักษณะดังกล่าวสามารถนำผู้ที่มีความสนใจไปสู่การสำรองที่พัก ตลอดจนเข้าพักจริงได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจเป็นช่องโหว่สำคัญให้มิจฉาชีพหยิบยืมการหารายได้ของผู้ประกอบการ มาสร้างความเสียหายในสังคมได้

หลงเชื่อ + โอนเงิน = ตกเป็นเหยื่อ
เมื่อประชาชนเกิดความสนใจตลอดจนติดต่อเข้าไป ก็จะถูกลวงให้โอนเงินค่ามัดจำที่พัก หรือเงินสำรองที่พักก่อน หากในขั้นตอนนี้ประชาชนหลงเชื่อ ยอมโอนเงินจริงจะเท่ากับตกเป็นเหยื่อทันที เพราะการสำรองดังกล่าวไม่เป็นความจริง ประกอบกับหลังจากโอนเงินตามขั้นตอนไปแล้ว เพจปลอม หรือบัญชีอวตารนั้น ๆ จะไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย เป็นเหตุให้เหยื่อไม่สามารถเข้าพัก ณ สถานที่จริงตามที่สำรองไว้ได้

โฆษก บช.สอท. ขอให้ประชาชนระมัดระวังเพิ่มขึ้น พร้อมแนบวิธีการป้องกัน
ด้านโฆษก บช.สอท. กล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีดังกล่าวว่า การสำรองที่พัก หรือบริการต่าง ๆ ผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ ประชาชนควรตรวจสอบให้ดี เนื่องจากอาจเป็นช่องทางที่มิจฉาชีพปลอมขึ้นมา เพื่อหลอกเอาทรัพย์สินไป ขอให้ประชาชนระมัดระวัง รู้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพเหล่านี้ อย่าหลงเชื่อเพียงเพราะมีชื่อเหมือนกันกับที่พักของจริง หรือเคยพบเจอบนเว็บไซต์ค้นหาทั่วไป ซึ่งหมายรวมถึงตามกลุ่มท่องเที่ยว และการส่งต่อกันมาตามสื่อสังคมออนไลน์ด้วย โดยวิธีการป้องกันการถูกหลอกลวงในลักษณะดังกล่าว มีดังนี้
1. สำรองที่พักผ่านช่องทางที่เป็นทางการ หรือผ่านผู้ให้บริการสำรองที่พักออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ เช่น Booking.com, Agoda, Traveloka หรือผ่านเว็บไซต์ของที่พักโดยตรง
2. หากต้องการที่จะเข้าสู่เพจเฟซบุ๊กใดควรพิมพ์ชื่อด้วยตนเอง และตรวจสอบให้ดีว่ามีชื่อซ้ำ หรือคล้ายกันหรือไม่ ตลอดจนตรวจสอบว่า เพจใดคือเพจจริง
3. เพจเฟซบุ๊กของจริงจะต้องมีเครื่องหมายยืนยันตัวตน หากไม่มีเครื่องหมายดังกล่าวให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า เป็นเพจปลอม ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
4. โทรศัพท์ไปสอบถามที่พักก่อนโอนเงินว่า เพจที่พักถูกต้องหรือไม่ และเลขบัญชีถูกต้องหรือไม่
5. เพจเฟซบุ๊กของจริงจะมีส่วนร่วมในการโพสต์เนื้อหา รูปภาพ หรือกิจกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการรีวิวที่พักจากผู้เข้าพักจริงด้วย
6. เพจปลอมจะมีผู้ติดตามน้อยกว่าเพจของจริง และมักจะเพิ่งสร้างขึ้นได้ไม่นาน
7. ระมัดระวังการประกาศโฆษณาที่พักราคาถูก หรือที่พักที่อ้างว่าหลุดจอง
8. ตรวจสอบความโปร่งใสของเพจว่า มีการเปลี่ยนชื่อเพจมาก่อนหรือไม่ และผู้จัดการเพจอยู่ในประเทศใด
9. หลีกเลี่ยงการโอนเงินไปยังบัญชีบุคคลธรรมดา โดยบัญชีที่รับโอนควรเป็นบัญชีชื่อที่พัก หรือบัญชีชื่อบริษัท นอกจากนี้ยังควรตรวจสอบหมายเลขบัญชีทุกครั้งว่า มีประวัติการหลอกลวงหรือไม่ ผ่านเว็บไซต์ Google, blacklistseller.com หรือ chaladohn.com เป็นต้น

ทีมข่าวไซเบอร์ ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์
ผู้สื่อข่าว : สุวัชรียา จันทร์บัว
พิสูจน์อักษร : จิรัชยา นวลนิ่มน้อย

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Taiwanese actress Barbie Hsu, who died of influenza at 48 sepia

“ซันไช่” นางเอกจาก F4 ซีรีส์ดังไต้หวันเสียชีวิตแล้ว

ไทเป 3 ก.พ.- ต้าเอส หรือที่ผู้ชมรู้จักในบทบาท “ซันไช่” นางเอกจากเรื่องรักใสใส หัวใจสี่ดวง (Meteor Garden) ซีรีส์ดังของไต้หวันในช่วงปี 2544 เสียชีวิตในวัย 48 ปี เพราะอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสหรือบาร์บี สวี มีชื่อจริงว่า สวี ซีหยวน เป็นที่รู้จักไปทั่วเอเชียจากซีรีส์ดังที่คนมักเรียกกันสั้น ๆ เอฟ 4 (F4) มีข่าวลือแพร่สะพัดในโลกออนไลน์เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ว่า เธอเสียชีวิตแล้ว และยิ่งเป็นกระแสหนักขึ้นไปอีกเมื่อนายหวัง เสี่ยวเฟย อดีตสามีที่เป็นนักธุรกิจได้เปลี่ยนรูปโพรไฟล์ในสื่อสังคมออนไลน์เป็นสีดำ และในเช้าวันนี้น้องสาวของเธอ สวี ซีตี้ ที่รู้จักในวงการบันเทิงว่า เสี่ยวเอส ยืนยันด้วยการส่งถ้อยแถลงถึงสถานีโทรทัศน์ทีวีบีเอส นิวส์ (TVBS News) ว่าพี่สาวของเธอถึงแก่กรรมเพราะปอดอักเสบที่เป็นอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสเกิดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 เริ่มเข้าวงการในฐานะศิลปินคู่กับเสี่ยวเอสในชื่อวง เอสโอเอส  “S.O.S” เมื่อปี 2537 เธอมีลูก 2 คนกับอดีตสามี […]

“เต้ มงคลกิตติ์” หอบกล้องวงจรปิด 34 จุดคดี “แตงโม” มอบดีเอสไอ

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เพื่อมอบหลักฐานและให้ข้อมูลดีเอสไอ หลังรับเป็นเลขสืบสวนที่ 20/2568

“อนุทิน” ยังไม่รู้ ปม “โจ้มหาเฮง” แจ้งความเอาผิดคุณนายผู้ว่าฯ เบี้ยวค่าสลาก

“อนุทิน” บอกยังไม่รู้ ปม “โจ้มหาเฮง” แจ้งความเอาผิดคุณนายผู้ว่าฯ เบี้ยวเงินค่าสลาก ชี้หากจริง ผู้ว่าฯ เหนื่อยแน่

ข่าวแนะนำ

ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์

PEA ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา 5 จุด

เริ่มแล้ว การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) รับนโยบาย สมช.สั่งตัดไฟฟ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมียนมา 5 จุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้

สมช.เคาะพรุ่งนี้ 9 โมง! ตัดไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมัน 5 จุด

สมช.เคาะตัดไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมัน 5 จุดในเมียนมา โยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พรุ่งนี้ 09.00 น. เชื่อ เข้าใจหลังมีการหารือแจ้งให้เตรียมความพร้อมแล้ว ย้ำ ไม่แทรกแซงเรื่องภายใน

ผบช.ภ.2 สั่งย้าย ผกก.สภ.องครักษ์ เซ่นปม จนท.บุกทลายบ่อน

รมว.มหาดไทย ชื่นชมชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกทลายบ่อนนครนายก ขณะที่ ผบช.ภ.2 สั่งย้ายผู้กำกับการ สภ.องครักษ์ เซ่นปมบ่อน พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ใครบกพร่อง-รับผลประโยชน์ ยืนยันเอาผิดไม่มีละเว้น