[❌] แชร์ว่อนภาษาจีน เตือนห้ามเที่ยวไทย อ้าง 6 แสนคน โดนมอมยาลักพาตัว | ชัวร์ก่อนแชร์ ABOUT🇹🇭Thailand

26 เมษายน 2566
ชัวร์ก่อนแชร์ ABOUT🇹🇭Thailand | ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องเมืองไทย
ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดย พีรพล อนุตรโสตถิ์ | ทำงานร่วมกับ Taiwan FactCheck Center

ตามที่มีการแชร์เป็นภาษาจีน ทั้งแบบข้อความ และ คลิปวิดีโอ เตือนให้อย่าไปเที่ยวประเทศไทย เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวชาวเอเชียกว่า 600,000 คนถูกมอมยาและลักพาตัวไปสังหารและชำแหละอวัยวะนั้น


บทสรุป ไม่จริง ❌ ไม่ควรแชร์ต่อ

  • ตำรวจท่องเที่ยว ยืนยัน ไม่เป็นความจริงและไม่มีความเป็นไปได้
  • ศูนย์ข้อมูลคนหาย ไม่เคยได้รับแจ้งในลักษณะดังกล่าว
  • คลิปวิดีโอที่แชร์กัน เป็นคลิปเก่าที่เคยแชร์ในต่างประเทศ ไม่มีหลักฐานโยงเกี่ยวกับประเทศไทย

ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ได้รับการประสานตรวจสอบจาก Taiwan FactCheck Center หน่วยงานตรวจสอบข้อเท็จจริงในไต้หวัน ระบุว่า พบข้อความแชร์คำเตือนห้ามไปเที่ยวประเทศไทย เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวเอเชีย 600,000 คน ถูกมอมยาด้วยเครื่องดื่มในไทย และลักพาตัวหายไป พร้อมกับคลิปวิดีโอที่มีภาพสยดสยองของพฤติกรรมการชำแหละร่างมนุษย์นั้น


ตรวจสอบข้อเท็จจริง : คดีลักพาตัวนักท่องเที่ยว ?

ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบกับ พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้รับการยืนยันว่า ข้อมูลที่แชร์กันในกลุ่มผู้ใช้ภาษาจีนดังกล่าว ที่ว่ามีนักท่องเที่ยวสูญหายมากกว่า 6 แสนคนนั้นไม่เป็นความจริงและไม่มีความเป็นไปได้

พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว

“อาชญากรรมนั้นไม่ว่าประเภทไหน ชนิดไหน ย่อมเกิดขึ้นได้บ้างไม่ว่าในประเทศไหนก็ตาม ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่อาจคาดเดาหรือคาดการณ์ได้ เพราะคงไม่มีประเทศไหนที่ไม่มีอาชญากรรม แต่ที่ว่า มีคนหายมากกว่า 6 แสนคนเมื่อมาเที่ยวประเทศไทยนั้นเป็นไปไม่ได้เลย” พล.ต.ต.อภิชาติระบุ


กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว จัดพิธีปล่อยแถวสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี พ.ศ.2566 / ที่มา : กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว

ตรวจสอบข้อเท็จจริง : นักท่องเที่ยวหายตัว ?

ด้านนายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา ให้สัมภาษณ์กับ “ชัวร์ก่อนแชร์” กล่าวว่า ในฐานะหน่วยงานรับแจ้งเหตุคนหาย ซึ่งทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ ยืนยันว่า ไม่เคยได้รับแจ้งเหตุการหายตัวไปของนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากอย่างที่แชร์กัน ตัวเลขดังกล่าวเกินความจริงไปมาก หากมีคนหาย ทางมูลนิธิก็มักจะได้รับแจ้งประสานมา

หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย ให้ข้อมูลว่า ในแต่ละปี ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา จะได้รับแจ้งคนหายที่เป็นชาวต่างชาติไม่เกิน 5 ราย และส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรป อเมริกา รวมทั้งแอฟริกาใต้ ที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยแล้วขาดการติดต่อกับครอบครัว มีทั้งพบตัวและไม่พบตัว บางรายติดต่อไม่ได้ บางรายมีการเมาสุรา บางรายไม่ได้เดินทางกลับตามที่วางแผนไว้ หรือเคยมีกรณีผู้สูงอายุที่มีอาการทางสมอง พลัดหลงกับครอบครัว แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ก็มักจะได้รับความช่วยเหลือ

เมื่อเกือบ 5 ปีก่อน มีการแจ้งนักท่องเที่ยวชาวเอเชียหายตัวไป 1 คน เป็นชาวเกาหลีใต้ อย่างไรก็ตาม ทางมูลนิธิไม่สามารถติดต่อกับผู้เกี่ยวข้องได้ จึงยังไม่ทราบว่า ผลการติดตามหาคนหายรายนี้เป็นอย่างไร

เอกลักษณ์ หลุ่มชมแข (เสื้อสีน้ำเงิน-ซ้าย) และ การทำงานของ ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา ที่มา Facebook ศูนย์ข้อมูลคนหาย

ตรวจสอบข้อเท็จจริง : แก๊งชำแหละอวัยวะขาย ?

สำหรับเหตุอาชญากรรมในลักษณะนำร่างกายไปชำแหละขายอวัยวะนั้น โฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ก็ยืนยันว่า ไม่มีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นในประเทศไทย ข้อมูลนี้จึงเป็นไปไม่ได้ และยืนยันด้วยว่า จากการสืบสวนสอบสวนจนถึงปัจจุบัน ไม่มีขบวนการขายอวัยวะมนุษย์เกิดขึ้นในไทย ส่วนที่กล่าวว่าจะมีการปิดข่าวนั้น หากมีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นจริงในยุคนี้ คงจะไม่สามารถปิดข่าวได้แน่นอน

“เท่าที่ผมปฏิบัติหน้าที่ในกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา เพิ่งได้ยินข่าวนักท่องเที่ยวชาวจีนเสียชีวิตที่คาดว่าน่าจะเป็นอาชญากรรมอยู่เรื่องเดียวเท่านั้น ซึ่งจากการตรวจพิสูจน์ศพอวัยวะภายในก็ยังอยู่ครบถ้วน ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตนั้นอยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวน ซึ่งทางตำรวจก็มีการประสานงานระหว่างประเทศกันอยู่” โฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวกล่าว

“แต่ละประเทศ มีปัญหาอาชญากรรมที่แตกต่างกัน ในไทยช่วงหลังมีข่าวลักพาตัว แต่ปริมาณก็ไม่เยอะขนาดนั้น การก่อเหตุเป็นลักษณะที่มีการทำความรู้จักกับเหยื่อ รู้ที่มาที่ไป มีเงิน เข้าถึงง่าย อาจจะเป็นคนรู้จักกันมาก่อน ใกล้ชิดกันมาก่อน ไม่ใช่เป็นลักษณะนักท่องเที่ยวมาเที่ยวไทยแล้วถูกลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่” หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย กล่าว

กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว แนะนำว่า นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบและสอบถามข้อมูลได้จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ผ่านเว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์ แอป Tourist Police I-Lert-U หรือ โทรศัพท์สอบถามโดยตรงที่สายด่วนหมายเลข 1155 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่สื่อสารภาษาอังกฤษ รัสเซีย จีน ญี่ปุ่น และ เกาหลี

ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย Taiwan FactCheck Center

ทั้งนี้ บทความตรวจสอบข้อเท็จจริงของ Taiwan FactCheck Center ซึ่งเผยแพร่ตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน 2566 ได้ตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบด้าน และมีข้อสรุปว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง ไม่มีข้อเท็จจริงรองรับ เมื่อตรวจสอบสถานทูตของประเทศต่าง ๆ ก็ไม่มีการออกคำเตือนเกี่ยวกับการลักพาตัวแต่อย่างใด พร้อมกันนั้น ยังได้อ้างอิงถึงข่าวสารนิเทศของสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง ยืนยันว่า ไทยให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีน

“สำหรับเนื้อหาหรือความคิดเห็นต่อความไม่ปลอดภัยในการท่องเที่ยวที่อาจส่งผลต่อความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนนั้น ขอชี้แจงว่า นับตั้งแต่สาธารณรัฐประชาชนจีนอนุญาตให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ ไทยได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจีน รวมทั้งได้มีการเพิ่มช่องทางการสื่อสารเพื่อให้นักท่องเที่ยวจีนสามารถเข้าถึงข้อมูลและแจ้งเหตุฉุกเฉินต่อตำรวจท่องเที่ยว ที่พร้อมดูแลอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย” เอกสารข่าวระบุ

ตรวจสอบข้อเท็จจริง : คลิปวิดีโอ

ส่วนกรณีคลิปวิดีโอที่มีการแชร์มาพร้อมกันนั้น Taiwan FactCheck Center ได้ดำเนินการวิเคราะห์ตรวจยืนยันอย่างละเอียด พบว่าเป็นคลิปที่มาจาก 3 แหล่ง โดยหนึ่งในนั้นเป็นภาพยนตร์ที่จำลองการลักพาตัว อีกทั้งคลิปดังกล่าวยังเคยแพร่กระจายมาแล้วในหลายประเทศ อาทิ เม็กซิโก สเปน อียิปต์ อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไม่มีหลักฐานใดที่โยงเกี่ยวกับประเทศไทยแต่อย่างใด

บทสรุป

ดังนั้น ข้อมูลที่แชร์เตือนไม่ให้เที่ยวประเทศไทย เนื่องจากมีแก๊งมอมยาสลบลักพาตัวนั้น จึงไม่มีข้อเท็จจริงรองรับ และไม่ควรแชร์ต่อ

26 เมษายน 2566
ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์
สำนักข่าวไทย อสมท
ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดย พีรพล อนุตรโสตถิ์


ข้อความที่แชร์กัน

不要去泰國玩

因有東方人失蹤60萬人被綁架喝泰國飲料麻醉!

然後解剖器官及身體有價值的骨骼,沒有利用價值的全丟到海裡餵魚!

千萬千萬不要去泰國!

泰國政府很壞新聞不報導!

泰國政客為利益與販賣人體器官集團掛勾!

勸勸愛去泰國旅遊的人不要去!

千萬不要去泰國旅遊!

คำแปลโดยสังเขป

อย่าไปเมืองไทย
ผู้คนกว่า 600,000 คนถูกลักพาตัวและถูกดมยาสลบจากการดื่มเครื่องดื่มไทย
เนื่องจากการหายตัวไปของชาวตะวันออก!
จากนั้นผ่าอวัยวะและกระดูกที่มีค่าของร่างกาย
แล้วโยนสิ่งที่ไร้ประโยชน์ทั้งหมดลงทะเลเพื่อให้อาหารปลา!
อย่าไปประเทศไทย!
รัฐบาลไม่รายงานข่าวร้าย!
นักการเมืองไทยโยงเอี่ยวค้าอวัยวะค้ามนุษย์!
แนะคนรักเที่ยวไทยอย่าไป!
อย่าไปเที่ยวเมืองไทย!

[ตัวอย่างข้อมูลที่แชร์กัน]

[บทความตรวจสอบข้อเท็จจริง Taiwan FactCheck Center] 【錯誤】網傳影片「不要去泰國玩,失蹤60萬人被綁架」?
https://tfc-taiwan.org.tw/articles/9048

[ข่าวสารนิเทศ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง]
https://weibo.com/3223655791/MyAiUbmxY?pagetype=profilefeed


ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทหารกัมพูชาขุด “คูเลต” ลากยาว 650 เมตร

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- เปิดภาพ! “คูเลต” ทหารกัมพูชาขุดลากยาว 650 เมตร จากต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว จุดปะทะทหารไทย เมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี หลังพบขุดคูเลต จากจุดต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว ระยะทาง 650 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา เพราะเป็นการละเมิด MOU 2543 เป็นครั้งที่ 2 แต่ทางทหารกัมพูชากับยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน โดยช่วงนี้อยู่ระหว่างการเจรจาของผู้นำในพื้นที่ทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายทหารไทยยืนยันว่าให้ทหารกัมพูชา ออกจากพื้นที่อ้างสิทธิพร้อมกัน-313 .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ ทหารไทยเข้าเจรจากลับยิงสวน ลั่นปกป้องอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 เต็มที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึง เหตุปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา กำลังพลของกองกำลังสุรนารีได้ลาดตระเวนและพบว่า ทหารกัมพูชาขุดคูเลต เช่นเดียวกับเนิน 745 ช่องบก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา แต่ทางกัมพูชา ยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน อย่างที่เป็นข่าว สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อจากนี้ ผู้บังคับบัญชาในระดับพื้นที่กำลังพูดคุยเจรจา “ยืนยันว่าทหารไทยทำหน้าที่รักษาอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 ซึ่งในพื้นที่ทับซ้อนของทั้ง 2 ประเทศ จะมีการออกลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายล้ำเข้ามา ซึ่งทุกฝ่ายต้องยึดตาม MOU 2543”.-313.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารกัมพูชา

ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณช่องบก คลี่คลายแล้ว

กองทัพบก 28 พ.ค.-ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยู่ระหว่างรอการเจรจา พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา โดยระบุว่าได้รับรายงานจาก กองกำลังสุรนารีเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.30 น. โดย หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ได้รับการรายงานว่ามีทหารกัมพูชาเข้ามาวางกำลังในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลง ฝ่ายไทยจึงจัดชุดประสานงานเพื่อเข้าพูดคุยเจรจาตามแนวทางการปฏิบัติที่เคยกระทำมา เมื่อถึงบริเวณดังกล่าว กำลังส่วนระวังเหตุของทหารกัมพูชา ได้เข้าใจผิด และเริ่มใช้อาวุธ ฝ่ายไทยจึงใช้อาวุธตอบโต้กลับไป โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ต่อมาเวลา 05.55 น. พลตรี ทล โซะวัน รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ฝ่ายกัมพูชา ได้โทรศัพท์ประสานงานกับ พันเอก บุญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติ โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงหยุดยิงและตรึงกำลังบริเวณจุดปะทะ ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เพื่อจัดการกรณีอ้างสิทธิในพื้นที่ และกำหนดแนวทางร่วมกันในการปฏิบัติอย่างสันติ ตามข้อตกลงที่มีอยู่ […]

มติเอกฉันท์ สภาอนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล”

รัฐสภา 28 พ.ค.- สภาเอกฉันท์อนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล” ให้ธนาคารร่วมชดใช้ค่าเสียหายจาก “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” เร่งคืนเงินผู้เสียหาย ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ วาระการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 และ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ซึ่งแบ่งเวลาในการอภิปรายฝ่ายละ 2 ชั่วโมง รวม 4 ชั่วโมง และจะเป็นการรวมพิจารณา และแยกลงมติทีละฉบับ โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอหลักการว่า เนื่องจากปัจจุบัน มี พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ยังมีมาตรการบังคับทางกฎหมายที่ยังไม่เพียงพอ กับรูปแบบอาชญากรรม กลุ่มมิจฉาชีพ จึงต้องแก้ไขปรับปรุงให้ทันสมัย เช่น การเร่งคืนเงินให้ผู้เสียหาย, การอาญัติบัญชีม้า, การกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ และมาตรการการโอนเงินผิดกฎหมาย ผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล จากนั้น ได้เปิดโอกาสให้ สส.อภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยนายจุติ […]

ข่าวแนะนำ

ปิดเส้นทางงดให้ชาวบ้านขึ้น “ช่องบก” หลังเหตุปะทะไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 29 พ.ค. – บรรยากาศภายในจุดเฝ้าระวัง ภจ12 (ฐานมรกต) อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย ในหมู่บ้านโนนสูง หมู่ 3 ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นทางขึ้นสู่ช่องบก ยังคงตึงเครียดต่อเนื่อง หลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาเมื่อวานนี้ (28 พ.ค.68) เช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้ปิดเส้นทางไม่ให้ชาวบ้านขึ้นไปยังพื้นที่ด้านบน พร้อมมีการตรึงกำลังทหารเพื่อดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกัน มีรถพยาบาลทยอยขึ้นไปยังพื้นที่เกิดเหตุอย่างต่อเนื่อง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้มีการบันทึกภาพบริเวณที่ตั้งกำลังของทหารไทย นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งจุดอำนวยการฉุกเฉิน โดยขนย้ายเต็นท์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ขึ้นไปเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ ชาวบ้านในพื้นที่แสดงความกังวลต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายสิทธิ์ อายุ 73 ปี กล่าวว่า ปกติจะขึ้นป่าเป็นประจำ แต่ตอนนี้เจ้าหน้าที่ห้ามเข้าพื้นที่ ทำให้ขาดรายได้ ขณะที่นางพวย อายุ 61 ปี เล่าว่า นี่เป็นครั้งที่ 3 ที่พบเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ก่อนหน้านี้เคยมีกระสุนตกลงมาในหมู่บ้าน แม้รู้สึกกลัว แต่ก็พอทำใจได้ เพราะเคยผ่านเหตุการณ์คล้ายกันมาแล้ว ในช่วงบ่ายวันนี้ นายอำเภอน้ำยืนเตรียมเรียกประชุมหน่วยงานราชการในพื้นที่ เพื่อวางแนวทางรับมือและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะที่เวลา […]

นายกฯ ยันศาลฯ เบรกภาษี “ทรัมป์” ไม่กระทบแผนเจรจาไทย

กรุงเทพฯ 29 พ.ค. – นายกฯ ยันศาลการค้ารัฐบาลกลางเบรกภาษี “ทรัมป์” ไม่ส่งผลกระทบแผนเจรจาไทย ทีมงานยังเดินหน้าต่อ จนถึงวันนี้ยังไม่ได้วันนัดชัดเจน รู้สึกสบายใจหลายประเทศอาเซียนก็อยู่ระดับเดียวกับไทย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ มีคำวินิจฉัยว่า ทรัมป์ ไม่สามารถใช้อำนาจฉุกเฉินในการกำหนดภาษีศุลกากรทั่วโลกได้ เรื่องนี้จะส่งผลกับประเทศไทยที่กำลังรอเจรจาเรื่องภาษีสหรัฐอเมริกาอยู่หรือไม่ ว่า ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการไปตกลงจะมีผลอย่างไร ซึ่งตนเองก็ไม่แน่ใจแต่เราก็ต้องทำต่อ เตรียมความพร้อมต่อไป จะหยุดชะงักเลยก็คงไม่ได้และไม่แน่ใจว่ารับฟังหรือยัง เพราะระหว่างที่ไปประชุมที่มาเลเซียได้มีโอกาสได้คุยกับทุกประเทศ ได้คุยกันเรื่องของภาษีสหรัฐอเมริกา ทุกคนพูดเหมือนกันว่าหลายประเทศอยู่ในระดับเดียวกับประเทศไทย คือส่งรายงานเข้าไปและรอวันที่จะตอบกลับมาว่าจะได้ไปคุยวันไหน ยืนยันว่าเราไม่ได้ช้าและอยู่ในขั้นตอนของการรอวันที่จะไปคุยเช่นกันตามกรอบ 90 วัน จึงขอให้สบายใจได้ และจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้วันชัดเจนว่าจะได้คุยวันไหนต้องรอให้ทางสหรัฐอเมริกานัดมา แต่ในทีมทำงานไม่เป็นทางการยังติดต่อกันได้ ยังได้คุยและอัพเดทสถานการณ์กันอยู่ และก็เป็นสัญญาณบวก และย้ำอีกครั้งว่า ตนเองไม่ได้ถูกแบนวีซ่าสหรัฐอเมริกาขอให้สบายใจได้. -420-สำนักข่าวไทย

หุ้นบวก-บาทอ่อน-ทองลง รับข่าวที่ศาลฯ ระงับมาตรการภาษีตอบโต้ของ “ทรัมป์”

กรุงเทพฯ 29 พ.ค. – หุ้นไทยบวก-บาทอ่อนค่า-ทองลง รับข่าวที่ศาลฯ ระงับมาตรการภาษีตอบโต้ของ “ทรัมป์” ขณะ บล.กรุงศรี คาด SET จะกลับเหนือ 1,200-1,210 จุด ใน 1-3 วัน เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.84-32.86 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (เวลา 09.56 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.62 บาทต่อดอลลาร์ฯ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุเงินบาทอ่อนค่าลงสอดคล้องกับสกุลเงินเอเชียอื่นๆ เงินเยน และเงินฟรังก์ สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่แข็งค่าขึ้น รับข่าวที่ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ในนิวยอร์กระงับการใช้มาตรการภาษีศุลกากรของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ออกมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต ในการเก็บภาษีแบบครอบคลุมจากประเทศที่ส่งออกสินค้ามายังสหรัฐฯ มากกว่าที่นำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ด้านทำเนียบขาวได้ยื่นอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าว และอาจยื่นเรื่องต่อไปจนถึงศาลสูงหากจำเป็น แต่ในระหว่างนี้ ตลาดมองว่าเป็นสัญญาณบวกว่าทรัมป์อาจยอมถอยจากการกำหนดภาษีในระดับสูงสุดที่เคยขู่ไว้ นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับการปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก และสัญญาณสะท้อนสถานะ outflows ของนักลงทุนต่างชาติออกจากตลาดพันธบัตรไทยในวันนี้ด้วยเช่นกัน สมาคมค้าทองคำ […]

“วันนอร์” ชมการอภิปรายงบฯ 69 วันแรก ไม่น่าเบื่อ ประเด็นไม่ซ้ำ

รัฐสภา 29 พ.ค.-“วันนอร์” ชมการอภิปรายงบฯ 69 วันแรก ทุกคนเตรียมตัวมาดี ข้อมูลเป็นประโยชน์ ไม่น่าเบื่อ ประเด็นไม่ซ้ำ ระบุแม้ สส. – รมต. – นายกฯ ไม่อยู่ห้องประชุม แต่รับฟังจากทีวี – วิทยุ ด้านนอกได้ บอก “กุสุมาลวตี” ยื่นสอบจริยธรรม “อนุทิน” ทำได้ โยนฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงภาพรวมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 วันแรก ว่า ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีได้เสนอรายละเอียดในทุกแง่มุม ซึ่งสภา และประชาชนที่ได้รับฟัง น่าจะเข้าใจว่ารัฐบาลมีความตั้งใจในการใช้งบประมาณในปีนี้ ส่วนผู้นำฝ่ายค้าน ก็อยากให้รัฐบาล และผู้ใช้งบประมาณปรับปรุงแนวทางในการทำงาน เพื่อให้งบประมาณเกิดประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด ซึ่งทุกคนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน อภิปรายอย่างมีคุณค่าสำหรับประชาชน และผู้ที่จะใช้งบประมาณทุกภาคส่วน ก็จะนำข้อคิดเห็นนี้ไปดูแลงบประมาณ โดยหลังจากวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 จะมีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญ 72 คน […]