สรุปไทม์ไลน์ “ยุบสภา” 14 ครั้ง แห่งประวัติศาสตร์การเมืองไทย | FACTSHEET

สรุปไทม์ไลน์ “ยุบสภา” 14 ครั้ง แห่งประวัติศาสตร์การเมืองไทย | ชัวร์ก่อนแชร์ เลือกตั้ง 66
ชัวร์ก่อนแชร์ เลือกตั้ง 66 โดย ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ | กัญญาลักษณ์ ยอดเยี่ยมแกร, ปพิชยา นัยเนตร, พีรพล อนุตรโสตถิ์


การยุบสภาในวันที่ 20 มีนาคม 2566 นับเป็นการยุบสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 14 ของประวัติศาสตร์การเมืองไทย หลังเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา ซึ่งการยุบสภาในแต่ละครั้ง มีสาเหตุและบริบทแวดล้อมที่แตกต่างกันไป ดังข้อมูลและข้อเท็จจริงที่รวบรวมมานำเสนอในบทความนี้

รู้จัก “ยุบสภา”

         “ยุบสภา” หรือคำเต็มคือ การยุบสภาผู้แทนราษฎร ตรงกับคำในภาษาอังกฤษว่า Dissolution of Parliament หมายถึง การทำให้การดำรงสภาพของสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงพร้อมกันก่อนครบกำหนดตามวาระ โดยพระมหากษัตริย์ทรงตราพระราชกฤษฎีกาตามคำกราบบังคมทูลของนายกรัฐมนตรี มีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสภาพ้นจากตำแหน่งพร้อมกัน เพื่อนำไปสู่จัดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่
         ประเทศไทย เคยมีการประกาศ “ยุบสภา” มาแล้ว 15 ครั้ง โดยแบ่งเป็น การยุบสภาผู้แทนราษฎร 14 ครั้ง และ การยุบสภานิติบัญญัติแห่งชาติ 1 ครั้ง


การยุบสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2516

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2516 ราชกิจจานุเบกษาประกาศ พระราชกฤษฎีกายุบสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมีเหตุผลว่า สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติจำนวนมากได้แสดงความจำนงขอลาออกจากสมาชิกภาพ และประกอบกับสมาชิกที่เหลืออยู่มีจำนวนไม่เพียงพอที่จะเป็นองค์ประชุม จึงยุบสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อจะได้แต่งตั้งขึ้นใหม่ ทั้งนี้ นับเป็นการยุบสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว



ยุบสภา กับ การกำหนดวันเลือกตั้ง

         รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 103 ระบุว่า การยุบสภาผู้แทนราษฎรให้กระทำโดยพระราชกฤษฎีกา และให้กระทำได้เพียงครั้งเดียวในเหตุการณ์เดียวกัน และภายใน 5 วันนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกายุบสภาใช้บังคับ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน ขณะที่มาตรา 102 ระบุว่า หากอายุของสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง (ตามวาระ) จะต้องมีการกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปภายใน 45 วัน


เหตุผลในการ “ยุบสภา”

         ในการยุบสภาแต่ละครั้ง มักจะมีองค์ประกอบของมูลเหตุ เหตุการณ์ และสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป ซึ่งในบางครั้งอาจจะสอดคล้องกับเหตุผลที่ระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ใน “พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร” แต่ละฉบับ ในปัจจุบันสามารถค้นหาและเข้าถึงพระราชกฤษฎีกาทุกฉบับได้ผ่านทางเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา


ไทม์ไลน์ การยุบสภาผู้แทนราษฎร ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

พ.ศ. 2481 / ค.ศ. 1938
การยุบสภาครั้งที่ 1

• นายกรัฐมนตรี : พระยาพหลพลหยุหเสนา
• วันประกาศพระราชกฤษฎีกา : 11 กันยายน พ.ศ. 2481
• กำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป : ไม่ระบุในพระราชกฤษฎีกา
• ประกาศจากราชกิจจานุเบกษา : https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/1106068.pdf
• สาเหตุและรายละเอียดการยุบสภา : ความขัดแย้งภายในรัฐสภา


เหตุผลที่ระบุในแถลงการณ์โดยสังเขป : เนื่องจากรัฐบาลรู้สึกว่าไม่สามารถจะบริหารราชการของประเทศในความไว้วางใจของสภาฯ ได้ โดยเฉพาะจากกรณีที่มีการเสนอญัตติขอแก้ไขข้อบังคับการประชุม และการปรึกษาของสภาผู้แทนราษฎร ข้อ 68 เกี่ยวกับการเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ โดยเสนอขอให้รัฐบาลจัดทำรายละเอียดของงบประมาณประจำปีในเวลาเสนองบต่อรัฐสภา ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถปฏิบัติตามได้ เนื่องจากเห็นว่าในการพิจารณารับหลักการขั้นต้นไม่มีความจำเป็นต้องจัดทำรายละเอียดจำนวนหลายร้อยหน้า และก็ได้มีการพิจารณาข้อมูลจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและปรับแก้มาหลายขั้นแล้ว รวมทั้งรายละเอียดบางข้อก็ไม่อาจเปิดเผยได้ ซึ่งปรากฏว่า มีการรวบรัดลงมติรับหลักการ โดยที่รัฐบาลไม่มีโอกาสแถลงชี้แจงอีก คณะรัฐมนตรีจึงมีความประสงค์จะขอลาออก แต่คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เห็นว่าสถานการณ์โลกยังปั่นป่วนคับขัน และประกอบกับจะต้องเตรียมการรับเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จสู่พระนคร รัฐบาลคณะนี้จึงควรบริหารราชการต่อไป นายกรัฐมนตรีจึงยุบสภาเพื่อให้เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่


พ.ศ. 2488 / ค.ศ. 1945
การยุบสภาครั้งที่ 2
• นายกรัฐมนตรี : ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช
• วันประกาศพระราชกฤษฎีกา : 15 ตุลาคม พ.ศ. 2488
• กำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป : ไม่ระบุในพระราชกฤษฎีกา
• ประกาศจากราชกิจจานุเบกษา : https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/1121780.pdf
• สาเหตุและรายละเอียดการยุบสภา : หาทางออกหรือแก้ปัญหาและวิกฤตการณ์ทางการเมือง

เหตุผลที่ระบุในแถลงการณ์โดยสังเขป : ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง รัฐบาลเห็นว่า เนื่องจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบันได้รับเลือกตั้งมาตั้งแต่ พ.ศ. 2481 เพราะมีพระราชบัญญัติขยายกำหนดเวลาให้อยู่ในตำแหน่งต่ออีก 2 ครั้ง นับว่าเป็นเวลานานเกินควร ย่อมเป็นเหตุให้จิตใจและความคิดเห็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรส่วนมากเหินห่างจากเจตนาและความประสงค์อันแท้จริงของราษฎร โดยเฉพาะกรณีที่ สภาฯ ลงมติไม่เห็นชอบและให้ตัดร่างพระราชบัญญัติอาชญากรสงครามที่รัฐบาลเสนอ รัฐบาลจึงนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาให้พระมหากษัตริย์ทรงยุบสภา เพื่อเปิดโอกาสให้ราษฎรได้เลือกตั้งผู้แทนของตนใหม่


พ.ศ. 2519 / ค.ศ. 1976
การยุบสภาครั้งที่ 3

• นายกรัฐมนตรี : หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช
• วันประกาศพระราชกฤษฎีกา : 12 มกราคม พ.ศ. 2519
• กำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป : 4 เมษายน พ.ศ. 2519
• ประกาศจากราชกิจจานุเบกษา : https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/1330006.pdf
• สาเหตุและรายละเอียดการยุบสภา : ความขัดแย้งภายในพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล

เหตุผลที่ระบุในพระราชกฤษฎีกาโดยสังเขป : เนื่องจากสภาผู้แทนราษฎรปัจจุบันประกอบด้วยพรรคการเมืองต่าง ๆ หลายพรรค แต่ไม่มีพรรคใดมีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับเลือกตั้งมากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ จำเป็นต้องอาศัยพรรคการเมืองหลายพรรคเข้ามาจัดรัฐบาล เป็นเหตุให้เกิดอุปสรรคในการบริหารราชการแผ่นดิน และถึงแม้ว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลขึ้นใหม่ก็ตามปัญหาดังกล่าวก็ไม่สามารถยุติลงได้ จึงเห็นสมควรให้มีการยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วไปขึ้นใหม่


พ.ศ. 2526 / ค.ศ. 1983
การยุบสภาครั้งที่ 4

• นายกรัฐมนตรี : พลเอก เปรม ติณสูลานนท์
• วันประกาศพระราชกฤษฎีกา : 19 มีนาคม พ.ศ. 2526
• กำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป : 18 เมษายน พ.ศ. 2526
• ประกาศจากราชกิจจานุเบกษา : https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/1517361.pdf
• สาเหตุและรายละเอียดการยุบสภา : ความขัดแย้งภายในรัฐสภา

เหตุผลที่ระบุในพระราชกฤษฎีกาโดยสังเขป : ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาคณะรัฐบาลได้เสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเปลี่ยนแปลงวิธีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรถึง 4 ครั้ง ประชาชนและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีความคิดเห็นก้ำกึ่งกัน หากมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามวิธีการใหม่อาจนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองได้ จึงสมควรยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขึ้นใหม่


พ.ศ. 2529 / ค.ศ. 1986
การยุบสภาครั้งที่ 5

• นายกรัฐมนตรี : พลเอก เปรม ติณสูลานนท์
• วันประกาศพระราชกฤษฎีกา : วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2529
• กำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป : 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2529
• ประกาศจากราชกิจจานุเบกษา : https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/1566887.pdf
• สาเหตุและรายละเอียดการยุบสภา : ความขัดแย้งภายในรัฐสภา

เหตุผลที่ระบุในพระราชกฤษฎีกาโดยสังเขป : เนื่องจากรัฐบาลได้ออกพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 พ.ศ. 2529 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร และสภาผู้แทนราษฎรลงมติไม่อนุมัติ เป็นเหตุให้พระราชกำหนดนั้นตกไป ซึ่งรัฐบาลเห็นว่าเกิดจากความขัดแย้งทางการเมืองของพรรคการเมืองบางพรรค หากให้สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ทำหน้าที่ต่อไปอาจเกิดผลกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ตลอดจนประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ


พ.ศ. 2531 / ค.ศ. 1988
การยุบสภาครั้งที่ 6

• นายกรัฐมนตรี : พลเอก เปรม ติณสูลานนท์
• วันประกาศพระราชกฤษฎีกา : 29 เมษายน พ.ศ. 2531
• กำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป : 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2531
• ประกาศจากราชกิจจานุเบกษา : https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/1584784.pdf
• สาเหตุและรายละเอียดการยุบสภา : ความขัดแย้งภายในรัฐสภา

เหตุผลที่ระบุในพระราชกฤษฎีกาโดยสังเขป : นับตั้งแต่ได้มีการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม
พ.ศ. 2529 เป็นต้นมา พรรคการเมืองหลายพรรคไม่สามารถที่จะดำเนินการในระบอบพรรคการเมืองได้อย่างมีเอกภาพ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสังกัดพรรคการเมืองยังไม่ยอมรับความคิดเห็นข้างมากของสมาชิกในพรรคของตน อันขัดต่อวิถีประชาธิปไตย และก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการบริหารราชการแผ่นดิน จึงเห็นสมควรให้มีการยุบสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ และจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่


พ.ศ. 2535 / ค.ศ. 1992
การยุบสภาครั้งที่ 7

• นายกรัฐมนตรี : นายอานันท์ ปันยารชุน
• วันประกาศพระราชกฤษฎีกา : 30 มิถุนายน พ.ศ. 2535
• กำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป : 13 กันยายน พ.ศ. 2535
• ประกาศจากราชกิจจานุเบกษา : https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/1625398.pdf
• สาเหตุและรายละเอียดการยุบสภา : หาทางออกหรือแก้ปัญหาและวิกฤตการณ์ทางการเมือง

เหตุผลที่ระบุในพระราชกฤษฎีกาโดยสังเขป : ภายหลังจากประธานสภาผู้แทนราษฎรได้กราบบังคมทูลฯ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ.2535 ขอให้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี เพื่อให้มีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีเป็นการเฉพาะกิจ ในขณะที่ประเทศอยู่ในภาวะวิกฤตทางการเมือง เพื่อจะได้ใช้กระบวนการทางรัฐสภาและรัฐธรรมนูญ คืนอำนาจการตัดสินใจทางการเมืองกลับไปให้ประชาชน จึงเป็นเวลาอันสมควรที่จะยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขึ้นใหม่


พ.ศ. 2538 / ค.ศ. 1995
การยุบสภาครั้งที่ 8
• นายกรัฐมนตรี : นายชวน หลีกภัย
• วันประกาศพระราชกฤษฎีกา : 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2538
• กำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป : 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2538
• ประกาศจากราชกิจจานุเบกษา : https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/1658096.pdf
• สาเหตุและรายละเอียดการยุบสภา : ความขัดแย้งภายในพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล

เหตุผลที่ระบุในพระราชกฤษฎีกาโดยสังเขป : สภาผู้แทนราษฎร ณ ขณะนั้นประกอบด้วยพรรคการเมืองหลายพรรค แต่ไม่มีพรรคการเมืองใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพียงพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ จำเป็นต้องอาศัยพรรคการเมืองหลายพรรคเข้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาล จากภาวการณ์ที่ผ่านมา พรรคการเมืองเกิดความแตกแยกจนไม่สามารถดำเนินการทางการเมืองได้อย่างมีเอกภาพ ทำให้เกิดอุปสรรคต่อการบริหารราชการแผ่นดินและการพัฒนาประเทศ แม้จะมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ขึ้นอีกก็ตามก็ไม่ ปัญหาและอุปสรรคดังกล่าวก็ไม่สามารถสิ้นสุดลง จึงเห็นสมควรให้ยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วไปขึ้นใหม่


พ.ศ. 2539 / ค.ศ. 1996
การยุบสภา ครั้งที่ 9

• นายกรัฐมนตรี : นายบรรหาร ศิลปอาชา
• วันประกาศพระราชกฤษฎีกา : 27 กันยายน พ.ศ. 2539
• กำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป : 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539
• ประกาศจากราชกิจจานุเบกษา : https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/1670492.pdf
• สาเหตุและรายละเอียดการยุบสภา : ความขัดแย้งภายในพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล

เหตุผลที่ระบุในพระราชกฤษฎีกาโดยสังเขป : สภาผู้แทนราษฎรขณะนั้นประกอบด้วยพรรคการเมืองหลายพรรค แต่ไม่มีพรรคการเมืองใดที่มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากพอจะจัดตั้งรัฐบาลเพียงลำพังได้ จำเป็นต้องอาศัยพรรคการเมืองอีกหลายพรรคเข้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาล ถึงแม้จะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงคณะรัฐมนตรีเพื่อให้มีการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่และจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ แต่ก็ไม่สามารถทำได้โดยง่าย อีกทั้งยังเกิดความขัดแย้งระหว่างพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล แม้รัฐบาลจะพยายามแก้ไขความขัดแย้งดังกล่าวแต่ยังไม่เป็นผลสำเร็จ ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการบริหารราชการแผ่นดิน และกระทบต่อประโยชน์ส่วนรวมจึงเห็นควรที่จะมีการยุบสภา


พ.ศ. 2543 / ค.ศ. 2000
การยุบสภาครั้งที่ 10
• นายกรัฐมนตรี : นายชวน หลีกภัย
• วันประกาศพระราชกฤษฎีกา : 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543
• กำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป : 6 มกราคม พ.ศ. 2544
• ประกาศจากราชกิจจานุเบกษา : https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/19429.pdf
• สาเหตุและรายละเอียดการยุบสภา : เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้ง

เหตุผลที่ระบุในพระราชกฤษฎีกาโดยสังเขป : หลังคณะรัฐมนตรีที่ได้รับการแต่งตั้งเข้ามาเพื่อเร่งดำเนินการทั้งหลายให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนด และเร่งแก้ไขภาวะวิกฤติของประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองลุล่วงไปในระดับหนึ่ง ทางด้านนิติบัญญัติ ก็ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาและจัดให้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรปีละสองสมัย ครบทั้งแปดสมัยประชุม ตลอดระยะเวลาสี่ปีของอายุสภาผู้แทนราษฎร และรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม จนสามารถตราขึ้นใช้บังคับเพื่อให้การจัดการเลือกตั้งทั่วไปเป็นไปโดยเรียบร้อย จึงเห็นสมควรที่จะคืนอำนาจการตัดสินใจทางการเมืองกลับไปให้ประชาชนด้วยการยุบสภาผู้แทนราษฎร


พ.ศ. 2549 / ค.ศ. 2006
การยุบสภาครั้งที่ 11

• นายกรัฐมนตรี : พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร
• วันประกาศพระราชกฤษฎีกา : 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549
• กำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป : 2 เมษายน พ.ศ. 2549
• ประกาศจากราชกิจจานุเบกษา : https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/182649.pdf
• สาเหตุและรายละเอียดการยุบสภา : เพื่อแก้ปัญหาและวิกฤตการณ์ทางการเมือง

เหตุผลที่ระบุในพระราชกฤษฎีกาโดยสังเขป : เมื่อวันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ มีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีตามมติเห็นชอบข้างมากเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ลงคะแนนโดยเปิดเผยในสภาผู้แทนราษฎร และได้มีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีขึ้นบริหารราชการแผ่นดินแล้วนั้น ต่อมาเกิดการชุมนุมสาธารณะตั้งข้อเรียกร้องในทางการเมือง ขยายตัวไปในทางที่กว้างขวางและอาจรุนแรงขึ้น รวมทั้งส่อเค้าว่าจะมีการเผชิญหน้าจนอาจปะทะกับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย และอาจมีการสอดแทรกฉวยโอกาสจากผู้ที่ประสงค์จะเห็นความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง จนลุกลามถึงขั้นก่อการจลาจลวุ่นวายสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน แม้รัฐบาลพยายามดำเนินการขอเปิดอภิปรายทั่วไปฯ แล้วก็ยังไม่อาจแก้ปัญหาได้ดังนั้นจึงคืนอำนาจการตัดสินใจทางการเมืองกลับไปสู่ประชาชนด้วยการยุบสภา เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นใหม่ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป


พ.ศ. 2554 / ค.ศ. 2011
การยุบสภาครั้งที่ 12

• นายกรัฐมนตรี : นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
• วันประกาศพระราชกฤษฎีกา : 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
• กำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป : 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
• ประกาศจากราชกิจจานุเบกษา : https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/1877734.pdf
• สาเหตุและรายละเอียดการยุบสภา : เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้ง

เหตุผลที่ระบุในพระราชกฤษฎีกาโดยสังเขป : จากวิกฤติการณ์ภายในประเทศทั้งในด้านผลกระทบจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจโลกตกต่ำและเกิดปัญหาความขัดแย้งและความแตกแยกของชนในชาติ รัฐบาลได้เข้ามาคลี่คลายปัญหาดังกล่าว กระทั่งสามารถฟื้นฟูสภาวะเศรษฐกิจของประเทศให้พ้นจากภาวะวิกฤตและกลับคืนสู่ภาวะปกติ ด้านปัญหาความขัดแย้งและความแตกแยกในสังคมก็ได้รับการแก้ไขโดยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจนผ่อนคลายความรุนแรงลงแล้ว กอปรกับรัฐสภาได้พิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ของบ้านเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงเห็นสมควรยุบสภาผู้แทนราษฎรและจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป


พ.ศ. 2556 / ค.ศ. 2013
การยุบสภาครั้งที่ 13

• นายกรัฐมนตรี : นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
• วันประกาศพระราชกฤษฎีกา : 9 ธันวาคม พ.ศ. 2556
• กำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป : 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
• ประกาศจากราชกิจจานุเบกษา : https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/1992975.pdf
• สาเหตุและรายละเอียดการยุบสภา : เพื่อแก้ปัญหาและวิกฤตการณ์ทางการเมือง

เหตุผลที่ระบุในพระราชกฤษฎีกาโดยสังเขป : เนื่องจากเกิดปัญหาความขัดแย้งและความแตกแยกของชนในชาติ ส่งผลกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ตลอดจนชื่อเสียงของประเทศชาติ ทั้งนี้ รัฐบาลได้พยายามคลี่คลายปัญหาด้วยสันติวิธีและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและวิถีทางของรัฐธรรมนูญแล้วก็ตาม แต่ไม่อาจยุติปัญหาดังกล่าวได้ จึงเห็นสมควรยุบสภา และจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป เพื่อคืนอำนาจการตัดสินใจทางการเมืองให้แก่ประชาชนทั้งประเทศ และให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง


พ.ศ. 2566 / ค.ศ. 2023
การยุบสภาครั้งที่ 14

• นายกรัฐมนตรี : พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
• วันประกาศพระราชกฤษฎีกา : 20 มีนาคม พ.ศ. 2566
• กำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป : ไม่ระบุในพระราชกฤษฎีกา มอบหมายให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกำหนด
• ประกาศจากราชกิจจานุเบกษา : https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/140A022N0000000000100.pdf
• สาเหตุและรายละเอียดการยุบสภา : สภาผู้แทนราษฎรปฏิบัติหน้าที่ครบ 4 ปี

เหตุผลที่ระบุในพระราชกฤษฎีกาโดยสังเขป : เนื่องจากสภาผู้แทนราษฎรได้ปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ พ.ศ. 2562 และปิดสมัยประชุมสามัญประจำปีสุดท้ายของอายุสภาผู้แทนราษฎรแล้ว จึงสมควรยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป เพื่อคืนอำนาจการตัดสินใจทางการเมืองให้แก่ประชาชนโดยเร็วและเพื่อให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง


การยุบสภาแต่ละครั้ง เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย และยังเป็นการส่งสัญญาณแจ้งเตือนประชาชนให้เตรียมความพร้อมเดินหน้าเข้าสู่การใช้อำนาจการตัดสินใจทางการเมืองผ่านการเลือกตั้งทั่วไปในอีกไม่ถึง 2 เดือนข้างหน้า

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง

ทำเนียบ 2 ส.ค.-รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง ด้วยพยานหลักฐานทุกมิติ ต่อประชาคมโลกผ่าน OSCE-เวทีระดับสูงด้านความมั่นคงของยุโรป ยืนยันหลักสันติวิธี ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ และตอกย้ำว่าการปกป้องประชาชนจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาเป็นสิทธิโดยชอบตามกฎหมายสากล พร้อมใช้โอกาสนี้ขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงในระดับภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ ศบ.ทก. เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าบทบาทของประเทศไทย ในเวทีระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อสื่อสารข้อเท็จจริงและแสดงท่าทีอย่างตรงไปตรงมาต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ถึงวานนี้ (1 สิงหาคม 2568) ที่ผ่านมา ไทยได้เข้าร่วมการประชุม Helsinki+50 ในกรอบองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe: OSCE) ณ กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยมี นางครองขนิษฐ รักษ์เจริญ อธิบดีกรมยุโรป เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม โดยในช่วงของการกล่าวถ้อยแถลง หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้ย้ำท่าทีของไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า “ไทยยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ หลักมนุษยธรรมสากล และหลักการของ Helsinki Final […]

EOD เก็บกู้ระเบิดฝังอยู่ใกล้ปั๊มที่ถูกกัมพูชายิงใส่

ศรีสะเกษ 2 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายหัวระเบิด HE ของจรวด BM 21 ที่ฝังอยู่บนถนนกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ใกล้กับปั๊มน้ำมันที่ถูกกัมพูชายิงใส่ร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD เริ่มเตรียมความพร้อมเพื่อทำลายระเบิดที่ฝังอยู่ในถนน บ้านน้ำเย็น-บ้านผือ ฝั่งมุ่งหน้าเขาพระวิหาร ในพื้นที่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นระเบิดที่ฝั่งกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือน โดยจุดที่ระเบิดถูกฝังบนถนนอยู่ห่างจากปั๊ม ปตท. บ้านผือ ไม่ถึง 1 กิโลเมตร เป็นระเบิดที่ถูกยิงมาในวันที่ 24 กรกฎาคม พร้อมกับเหตุการณ์ยิงกัมพูชายิงจรวดใส่ร้านสะดวกซื้อภายในปั๊ม จนมีผู้เสียชีวิต 8 ราย เจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายมาทำเป็นบังเกอร์ล้อมรอบจุดที่ระเบิดฝังอยู่ในถนน เจ้าหน้าที่ชุดจากตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ตำรวจ ตชด.ที่ 22 อุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย หรือ TMAC โดยมีการปิดถนนรัศมี 1 กิโลเมตร […]

กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธไฮเทคสำหรับยิงโดรน

นครราชสีมา 2 ส.ค.-กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้ทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เรียบร้อยแล้ว ด้านชาวอุดรธานี แห่บริจาคหนังสติ๊กพร้อมลูกแก้ว ตามที่ทหารขอมาจำนวนมาก หลังทหารกัมพูชายังก่อกวน ยั่วยุ ทั้งขว้างก้อนหินใส่ และมีโดรนปริศนามาบินอีก จากกรณีที่ช่วงนี้ มีการตรวจพบโดรนไม่ทราบฝ่าย เข้ามาบินตรวจการณ์ในพื้นที่ที่ตั้งทางทหาร ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวล และสงสัยว่าอาจเป็นภัยคุกคามร้ายแรงจากประเทศเพื่อบ้าน ที่กำลังมีปัญหาระหว่างประเทศกับประเทศไทย ทำให้เมื่อวานเพจกองทัพภาคที่ 2 ได้แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้มีการทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวานนี้ (1 ส.ค.68) เฟซบุ๊กเพจ กองทัพภาคที่2 ได้แชร์ข้อมูลเพจ SMART Soldiers Strong ARMY พร้อมระบุข้อความว่า “หากศัตรูซ่อนตัวในเงามืด เราจะเป็นแสงที่มองเห็นมันก่อนใคร”เลเซอร์พร้อมยิง — ทหารไทยพร้อมรบโดยอาวุธชนิดนี้ คือ Directed Energy Weapon หรือ (DEW) เป็นอาวุธยุคใหม่ที่กองทัพอากาศไทยพัฒนาขีดความสามารถอย่างต่อเนื่อง […]

โฆษก ทบ. ซัดเขมรบิดเบือน กล่าวหาไทยทำร้าย 2 ทหารเขมร

2 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก ซัด เขมรบิดเบือน กล่าวหาไทยทำร้าย 2 ทหารเขมรจนพิการและมีปัญหาทางจิต ยันมีหลักฐานชัดทำทุกอย่างภายใต้กติกาสากล จากกรณี สื่อกัมพูชาปั่นข่าวหนักโจมตีกล่าวหาไทย อ้างว่าปฏิบัติโหดกับ 2 ทหารกัมพูชาที่ถูกส่งกลับ จนพิการและมีปัญหาทางจิต พร้อมจะยื่นเรื่องถึงยูเอ็นนั้น ล่าสุดเมื่อเวลา 11.08 น. วันที่ 2 ส.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กรณีที่ทหารไทยจับกุม และควบคุมตัว ทหารกัมพูชา ภายหลังจากข้อตกลงหยุดยิง โดยกล่าวหาว่าไทยทำร้ายร่างกายอย่างไม่เป็นธรรมทำก่อนส่งกลับนั้น เป็นเพียงคำกล่าวหา บิดเบือนจากฝ่ายกัมพูชา และการหยุดยิงแบบฉับพลัน แต่สถานการณ์ความขัดแย้งที่มีการใช้อาวุธต่อกัน ยังไม่สิ้นสุดลงอย่างแท้จริงตามกฎหมายสากล กระบวนการฝ่ายทหารในการควบคุมตัวไว้ก่อน จึงยังสามารถทำได้ตามอนุสัญญาเจนีวา พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ในส่วนของกองทัพบก มีแผนและพร้อมที่จะเชิญองค์กรระหว่างประเทศ เช่น ICRC มาดูความเป็นอยู่ของเชลยศึกที่ถูกควบคุมตัว ซึ่งอยู่ในกรอบการดำเนินการตามขั้นตอนของอนุสัญญาเจนีวาอย่างสมบูรณ์ และชัดเจน หากกังวลเรื่องความเป็นอยู่ เพราะรู้เท่าทันว่าฝ่ายกัมพูชาจะนำเรื่องนี้ไปบิดเบือนทำลายความน่าเชื่อถือฝ่ายทหารไทย ทางผู้แทน UNHCR และ ICRC จึงสามารถขอเข้ามาดูได้ […]