ชัวร์ก่อนแชร์: ยอดเสียชีวิตโควิด-19 ในสหรัฐฯ จงใจทำให้สูงเกินจริง จริงหรือ?

14 มีนาคม 2566
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : Science Feedback (สหรัฐอเมริกา)
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ประเภทข่าวปลอม : ข้อมูลเท็จ

บทสรุป:


  1. ข้อมูลทางการแพทย์ยืนยันว่ารายงานการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 น้อยกว่าความเป็นจริง
  2. เครื่องช่วยหายใจไม่ใช่สาเหตุให้ผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิต
  3. ไม่พบหลักฐานว่าโรงพยาบาลในสหรัฐฯ เพิ่มยอดผู้ป่วยโควิด-19 เพื่อหวังเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล

ข้อมูลที่ถูกแชร์:

มีข้อมูลเท็จเผยแพร่ทางเว็บไซต์ในสหรัฐอเมริกา โดย Epoch Times เว็บไซต์ที่มีประวัติเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับโควิด-19 ได้ตีพิมพ์บทความของ โจเซฟ เมอร์โคลา ผู้ที่ศูนย์ Center for Countering Digital Hate ยกให้เป็นผู้เผยแพร่ข้อมูลเท็จเพื่อการต่อต้านวัคซีนที่เลวร้ายที่สุด โดยเขาแสดงความเห็นว่ายอดการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 สูงเกินความเป็นจริง เพราะแพทย์จงใจรวมการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อที่มีโรคประจำตัวให้มีสาเหตุการตายจากการติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมด โดยตั้งข้อสังเกตว่าสาเหตุการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 ส่วนใหญ่ มาจากการทำงานที่บกพร่องของเครื่องช่วยหายใจ และมีความพยายามของโรงพยาบาลในสหรัฐฯ เพื่อเพิ่มยอดผู้ป่วยโควิด-19 เนื่องจากจะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐฯ มากกว่าการรักษาผู้ป่วยทั่วไป

FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:

จากการตรวจสอบโดย Science Feedback พบว่าข้ออ้างดังกล่าวไม่เป็นความจริง และสามารถแยกเป็นประเด็นได้ดังนี้


  1. การแจ้งยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด 19 สูงเกินความเป็นจริง (ข้อมูลเท็จ)

ข้ออ้างของ โจเซฟ เมอร์โคลา นำมาจากคลิปวิดีโอ Freedom of information revelation โดย จอห์น แคมป์เบล อดีตพยาบาลเวชปฏิบัติที่อ้างว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ในสหราชอาณาจักรสูงเกินความเป็นจริง เนื่องจากผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่มีโรคประจำตัวจะถูกนับว่าเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมด ซึ่งจอห์น แคมป์เบลและโจเซฟ เมอร์โคลาต่างมองว่า ผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 โดยไม่มีปัจจัยเสริมอื่น ๆ เท่านั้น ที่ควรจัดว่าเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ส่วนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่มีโรคประจำตัว ไม่ควรจัดอยู่ในกลุ่มผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อเชื้อโควิด-19

แต่การอ้างดังกล่าวขาดซึ่งเหตุและผล เพราะผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่มีโรคประจำตัวส่วนใหญ่ อาจไม่ต้องจากไปหากพวกเขาไม่ติดเชื้อโควิด-19 ยกตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะป่วยหนักหรือเสียชีวิตหากติดเชื้อโควิด-19 ดังนั้นผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 และมีโรคเบาหวานเป็นโรคประจำตัว จะมีสาเหตุการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ไม่ใช่เพราะเป็นโรคเบาหวาน

ในความเป็นจริงแล้ว วงการแพทย์ทั่วโลกต่างประเมินว่ายอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ถูกรายงานต่ำกว่าความเป็นจริง โดยผู้เชี่ยวชาญในสหรัฐฯ ประเมินว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐฯ สูงกว่ารายงานอย่างเป็นทางการประมาณ 20% ส่วนผลวิจัยในอินเดียที่เผยแพร่ทางวารสาร Science ประเมินว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ในอินเดียที่สำรวจจนถึงเดือนกันยายนปี 2021 สูงกว่ารายงานอย่างเป็นทางการ 6-7 เท่า

  1. ผู้ป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 เสียชีวิตเป็นจำนวนมากเพราะเครื่องช่วยหายใจทำงานบกพร่อง (ข้อมูลเท็จ)

โจเซฟ เมอร์โคลา อ้างบทความจากเว็บไซต์ข่าวสุขภาพ STAT News เมื่อวันที่ 8 เมษายนปี 2020 ที่พบว่าผู้ป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่ใช้เครื่องช่วยหายใจในโรงพยาบาลในนครนิวยอร์กซิตี้เสียชีวิตถึง 80%

อย่างไรก็ดี รายงานของ STAT News ไม่ได้บอกว่าผู้ป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 เสียชีวิตเพราะการใช้เครื่องช่วยหายใจ แต่รายงานว่า เมื่อแพทย์มีความเข้าใจเกี่ยวกับโควิด-19 มากขึ้น จึงลงความเห็นว่า ไม่จำเป็นต้องให้ผู้ป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่มีค่าออกซิเจนในกระแสเลือดในระดับ 93% ใช้เครื่องช่วยหายใจเสมอไป และมีการกำหนดค่าออกซิเจนในกระแสเลือดที่เหมาะสมต่อการใช้เครื่องช่วยหายใจให้ต่ำลงกว่าเดิม

แม้ในรายงานข่าวจะกล่าวถึงประเด็นที่พบว่า เครื่องช่วยหายใจไม่มีผลต่อการยื้อชีวิตของผู้จากการติดเชื้อป่วยโควิด-19 ระยะสุดท้าย และอาจส่งผลเสียต่อผู้ป่วยบางราย แต่ในรายงานข่าวไม่ได้บอกว่าเครื่องช่วยหายใจคือสาเหตุของการเสียชีวิตของผู้ป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด

ข้ออ้างที่บอกว่า ผู้ป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่ใช้เครื่องช่วยหายใจในโรงพยาบาลในนครนิวยอร์กซิตี้เสียชีวิตถึง 80% นำมาจากงานวิจัยที่เผยแพร่ทางวารสารงานวิจัย JAMA เมื่อวันที่ 22 เมษายนปี 2020 ที่พบว่าผู้ป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่ใช้เครื่องช่วยหายใจในโรงพยาบาล Northwell Health ในนครนิวยอร์กซิตี้เสียชีวิตถึง 88%

อย่างไรก็ดี หลังงานวิจัยเผยแพร่ไปเพียง 2 วัน ก็มีการแก้ไขจำนวนผู้เสียชีวิตที่ใช้เครื่องช่วยหายใจจาก 88% เหลือเพียง 24.5%

สอดคล้องกับงานวิจัยที่เผยแพร่ทางวารสารงานวิจัย ATS เมื่อเดือนเมษายนปี 2020 ที่พบว่าผู้ป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่ใช้เครื่องช่วยหายใจในโรงพยาบาล Massachusetts General Hospital ในเมืองบอสตันเสียชีวิตไม่ถึง 17%

แม้เครื่องช่วยหายใจจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยชีวิตผู้ป่วยโควิด-19 ที่ไม่สามารถหายใจด้วยตัวเองได้ แต่หน้าที่ของเครื่องช่วยหายใจคือการช่วยให้ผู้ป่วยมีออกซิเจนเพียงพอระหว่างการรักษาตัว ไม่ได้มีหน้าที่ช่วยให้ผู้ป่วยหายจากการติดเชื้อโควิด-19

  1. โรงพยาบาลพยายามเพิ่มยอดผู้ป่วยโควิด-19 เพื่อหวังเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล (ทำให้เข้าใจผิด)

โจเซฟ เมอร์โคลา อ้างว่าโรงพยาบาลหลายแห่งในสหรัฐฯ พยายามเพิ่มยอดการตรวจหาเชื้อโควิด-19, ยอดการพบเชื้อโควิด-19, ยอดการรับผู้ป่วยโควิด-19, ยอดการใช้ยารักษาผู้ป่วยโควิด-19, ยอดการใช้เครื่องช่วยหายใจ และยอดการเสียชีวิตจากโควิด-19 เพื่อหวังเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐฯ

ศูนย์บริการด้านประกันสุขภาพของสหรัฐ (CMS) จะจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 มากกว่าผู้ป่วยอื่น ๆ ประมาณ 20% และให้เงินช่วยเหลือผู้ป่วยใช้เครื่องช่วยหายใจมากกว่าผู้ป่วยทั่วไปถึง 3 เท่า และยังสนับสนุนค่าใช้จ่ายสำหรับยารักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ทั้ง Remdesivir, Molnupiravir, Baricitinib, Paxlovid รวมถึงพลาสม่าจากผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19

แม้จะเป็นจริงที่ว่า โรงพยาบาลในสหรัฐฯ จะทำเงินจากระบบประกันสุขภาพได้มากกว่า หากรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 แต่ไม่หลักฐานว่ามีโรงพยาบาลบิดเบือนยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ให้สูงเกินจริงเพื่อหวังกำไร เพราะการรายงานยอดผู้ป่วยและเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ ยังคาดว่ายอดผู้ป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐฯ ต่ำกว่าความเป็นจริงจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น การไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจหาเชื้อ

ข้อมูลอ้างอิง:

https://healthfeedback.org/claimreview/claim-covid-19-deaths-vastly-overcounted-baseless-evidence-suggests-the-opposite-joseph-mercola-epoch-times/

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

“บิ๊กเต่า” สยบข่าวลือพาดพิงพระชั้นผู้ใหญ่

กทม. 19 ก.ค. – รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สยบข่าวลือพาดพิงพระชั้นผู้ใหญ่ ระบุข้อมูลคดีใหม่ เป็นพระในพื้นที่ต่างจังหวัด และไม่เกี่ยวกับคดี “กอล์ฟ” พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า เพิ่งรับทราบจากสื่อมวลชนเกี่ยวกับกระแสข่าวลือพาดพิงถึงพระชั้นผู้ใหญ่บางรูป ซึ่งไม่ต้องการให้มีการเผยแพร่ข่าวลือจนสร้างความเสียหาย โดยยืนยันว่าที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า ยังมีพระชั้นผู้ใหญ่มีความเกี่ยวข้องสีกาอีก แต่ไม่เกี่ยวข้องกับกอล์ฟ เป็นพระที่มีสมณศักดิ์สูงกว่าพระในคดีกอล์ฟ แต่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด ไม่ใช่ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีการกระทำเข้าข่ายผิดวินัยสงฆ์ โดยไม่เกี่ยวข้องกับคดีกอล์ฟ และยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ขอเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ได้หลักฐานชัดเจนก่อน ส่วนการตั้งศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เพื่อรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพระโดยเฉพาะ ขณะนี้ มีประชาชนแจ้งเบาะแสมาแล้วหลายร้อยสาย ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังคัดแยกข้อมูล จึงยังไม่สามารถตอบได้ว่า จะมีเรื่องที่เกี่ยวกับกอล์ฟอีกหรือไม่.-412-สำนักข่าวไทย

กัมพูชา ทำหนังสือส่งถึงไทย ปฏิเสธวางกับระเบิดช่องบก

กัมพูชา 19 ก.ค.-กัมพูชาทำหนังสือส่งถึงไทย ปฏิเสธวางกับระเบิดช่องบก ลั่นยึดมั่นอนุสัญญาออตตาวา ประณามคัดค้าน การผลิต และแสดงความเสียใจผู้ได้รับผลกระทบ พร้อมผลักดันสู่กระบวนการพิสูจน์ เพื่อรักษามิตรภาพ ความปลอดภัย ไม่กล่าวหาซึ่งกัน เมื่อวันที่ 19 ก.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราชอาณาจักรกัมพูชา ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้ทำหนังสือ ถึงทางการไทย เรื่อง การปฏิเสธต่อการนําเสนอของสื่อมวลชนไทยจำนวนหนึ่ง กรณีทหารไทย 3 นาย ได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดในพื้นที่มุมเบ็ย (ช่องบก) สำานักงานปฏิบัติการทุ่นระเบิคและช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากทุ่นระเบิดแห่งชาติกัมพูชา (สํานักงานทุ่นระเบิด) ขอแจ้งว่า เมื่อไม่นานมานี้ มีสื่อมวลชนไทยจํานวนหนึ่งได้อ้างอิงแหล่งข้อมูลจากข้าราชการระดับสูงของไทย และเผยแพร่เกี่ยวกับทหารไทย 3 นายได้รับบาดเจ็บจากระเบิด เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 บริเวณพิกัด WA 220861 (ยืนยันโดยฝ่ายไทย) อยู่ในพื้นที่มุมเบ็ย (ช่องบก) การเผยแพร่ดังกล่าว มีเจตนา กล่าวหาโดยไม่มีมูลความจริงและไม่มีการตรวจสอบที่ชัดเจนว่ากัมพูชาได้วางทุ่นระเบิดใหม่ ในการนี้สํานักงานทุ่นระเบิด ขอชี้แจงดังนี้ 1.สํานักงานทุ่นระเบิดขอปฏิเสธและปัดตกทั้งหมดต่อเนื้อหาข่าวที่เผยแพร่โดยมีเจตนากล่าวหาว่า กัมพูชาได้วางทุ่นระเบิดใหม่ 2.กัมพูชา […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมาก

กทม. 19 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก คลื่นลมทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 5 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย คลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 19-24 กรกฎาคม 2568) ประเทศไทยจะมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน ประเทศลาวตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มจังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักถึงหนักมากมีดังนี้ วันที่ 19 กรกฎาคม 2568ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานีภาคกลาง: จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และสระบุรีภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราดภาคใต้: จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี […]

รวบแล้ว “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – สืบนครบาลจับ “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง พร้อมสมุน หลังหนีซุกบ้านเช่าย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี เร่งล่าอีก 1 ยังหลบหนี กรณีคนร้าย 7 คน แก๊งเสือปุ่น ใช้อาวุธปืนและมีด ก่อเหตุปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท จากผู้มาซื้อคริปโตฯ เหตุเกิดที่ลานจอดรถชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.) และตำรวจ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุม นายวรวัฒน์ หรือ เสือปุ่น อายุ 43 ปี […]