ชัวร์ก่อนแชร์: ยอดเสียชีวิตโควิด-19 ในสหรัฐฯ จงใจทำให้สูงเกินจริง จริงหรือ?

14 มีนาคม 2566
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : Science Feedback (สหรัฐอเมริกา)
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ประเภทข่าวปลอม : ข้อมูลเท็จ

บทสรุป:


  1. ข้อมูลทางการแพทย์ยืนยันว่ารายงานการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 น้อยกว่าความเป็นจริง
  2. เครื่องช่วยหายใจไม่ใช่สาเหตุให้ผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิต
  3. ไม่พบหลักฐานว่าโรงพยาบาลในสหรัฐฯ เพิ่มยอดผู้ป่วยโควิด-19 เพื่อหวังเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล

ข้อมูลที่ถูกแชร์:

มีข้อมูลเท็จเผยแพร่ทางเว็บไซต์ในสหรัฐอเมริกา โดย Epoch Times เว็บไซต์ที่มีประวัติเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับโควิด-19 ได้ตีพิมพ์บทความของ โจเซฟ เมอร์โคลา ผู้ที่ศูนย์ Center for Countering Digital Hate ยกให้เป็นผู้เผยแพร่ข้อมูลเท็จเพื่อการต่อต้านวัคซีนที่เลวร้ายที่สุด โดยเขาแสดงความเห็นว่ายอดการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 สูงเกินความเป็นจริง เพราะแพทย์จงใจรวมการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อที่มีโรคประจำตัวให้มีสาเหตุการตายจากการติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมด โดยตั้งข้อสังเกตว่าสาเหตุการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 ส่วนใหญ่ มาจากการทำงานที่บกพร่องของเครื่องช่วยหายใจ และมีความพยายามของโรงพยาบาลในสหรัฐฯ เพื่อเพิ่มยอดผู้ป่วยโควิด-19 เนื่องจากจะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐฯ มากกว่าการรักษาผู้ป่วยทั่วไป

FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:

จากการตรวจสอบโดย Science Feedback พบว่าข้ออ้างดังกล่าวไม่เป็นความจริง และสามารถแยกเป็นประเด็นได้ดังนี้


  1. การแจ้งยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด 19 สูงเกินความเป็นจริง (ข้อมูลเท็จ)

ข้ออ้างของ โจเซฟ เมอร์โคลา นำมาจากคลิปวิดีโอ Freedom of information revelation โดย จอห์น แคมป์เบล อดีตพยาบาลเวชปฏิบัติที่อ้างว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ในสหราชอาณาจักรสูงเกินความเป็นจริง เนื่องจากผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่มีโรคประจำตัวจะถูกนับว่าเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมด ซึ่งจอห์น แคมป์เบลและโจเซฟ เมอร์โคลาต่างมองว่า ผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 โดยไม่มีปัจจัยเสริมอื่น ๆ เท่านั้น ที่ควรจัดว่าเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ส่วนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่มีโรคประจำตัว ไม่ควรจัดอยู่ในกลุ่มผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อเชื้อโควิด-19

แต่การอ้างดังกล่าวขาดซึ่งเหตุและผล เพราะผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่มีโรคประจำตัวส่วนใหญ่ อาจไม่ต้องจากไปหากพวกเขาไม่ติดเชื้อโควิด-19 ยกตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะป่วยหนักหรือเสียชีวิตหากติดเชื้อโควิด-19 ดังนั้นผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 และมีโรคเบาหวานเป็นโรคประจำตัว จะมีสาเหตุการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ไม่ใช่เพราะเป็นโรคเบาหวาน

ในความเป็นจริงแล้ว วงการแพทย์ทั่วโลกต่างประเมินว่ายอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ถูกรายงานต่ำกว่าความเป็นจริง โดยผู้เชี่ยวชาญในสหรัฐฯ ประเมินว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐฯ สูงกว่ารายงานอย่างเป็นทางการประมาณ 20% ส่วนผลวิจัยในอินเดียที่เผยแพร่ทางวารสาร Science ประเมินว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ในอินเดียที่สำรวจจนถึงเดือนกันยายนปี 2021 สูงกว่ารายงานอย่างเป็นทางการ 6-7 เท่า

  1. ผู้ป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 เสียชีวิตเป็นจำนวนมากเพราะเครื่องช่วยหายใจทำงานบกพร่อง (ข้อมูลเท็จ)

โจเซฟ เมอร์โคลา อ้างบทความจากเว็บไซต์ข่าวสุขภาพ STAT News เมื่อวันที่ 8 เมษายนปี 2020 ที่พบว่าผู้ป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่ใช้เครื่องช่วยหายใจในโรงพยาบาลในนครนิวยอร์กซิตี้เสียชีวิตถึง 80%

อย่างไรก็ดี รายงานของ STAT News ไม่ได้บอกว่าผู้ป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 เสียชีวิตเพราะการใช้เครื่องช่วยหายใจ แต่รายงานว่า เมื่อแพทย์มีความเข้าใจเกี่ยวกับโควิด-19 มากขึ้น จึงลงความเห็นว่า ไม่จำเป็นต้องให้ผู้ป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่มีค่าออกซิเจนในกระแสเลือดในระดับ 93% ใช้เครื่องช่วยหายใจเสมอไป และมีการกำหนดค่าออกซิเจนในกระแสเลือดที่เหมาะสมต่อการใช้เครื่องช่วยหายใจให้ต่ำลงกว่าเดิม

แม้ในรายงานข่าวจะกล่าวถึงประเด็นที่พบว่า เครื่องช่วยหายใจไม่มีผลต่อการยื้อชีวิตของผู้จากการติดเชื้อป่วยโควิด-19 ระยะสุดท้าย และอาจส่งผลเสียต่อผู้ป่วยบางราย แต่ในรายงานข่าวไม่ได้บอกว่าเครื่องช่วยหายใจคือสาเหตุของการเสียชีวิตของผู้ป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด

ข้ออ้างที่บอกว่า ผู้ป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่ใช้เครื่องช่วยหายใจในโรงพยาบาลในนครนิวยอร์กซิตี้เสียชีวิตถึง 80% นำมาจากงานวิจัยที่เผยแพร่ทางวารสารงานวิจัย JAMA เมื่อวันที่ 22 เมษายนปี 2020 ที่พบว่าผู้ป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่ใช้เครื่องช่วยหายใจในโรงพยาบาล Northwell Health ในนครนิวยอร์กซิตี้เสียชีวิตถึง 88%

อย่างไรก็ดี หลังงานวิจัยเผยแพร่ไปเพียง 2 วัน ก็มีการแก้ไขจำนวนผู้เสียชีวิตที่ใช้เครื่องช่วยหายใจจาก 88% เหลือเพียง 24.5%

สอดคล้องกับงานวิจัยที่เผยแพร่ทางวารสารงานวิจัย ATS เมื่อเดือนเมษายนปี 2020 ที่พบว่าผู้ป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่ใช้เครื่องช่วยหายใจในโรงพยาบาล Massachusetts General Hospital ในเมืองบอสตันเสียชีวิตไม่ถึง 17%

แม้เครื่องช่วยหายใจจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยชีวิตผู้ป่วยโควิด-19 ที่ไม่สามารถหายใจด้วยตัวเองได้ แต่หน้าที่ของเครื่องช่วยหายใจคือการช่วยให้ผู้ป่วยมีออกซิเจนเพียงพอระหว่างการรักษาตัว ไม่ได้มีหน้าที่ช่วยให้ผู้ป่วยหายจากการติดเชื้อโควิด-19

  1. โรงพยาบาลพยายามเพิ่มยอดผู้ป่วยโควิด-19 เพื่อหวังเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล (ทำให้เข้าใจผิด)

โจเซฟ เมอร์โคลา อ้างว่าโรงพยาบาลหลายแห่งในสหรัฐฯ พยายามเพิ่มยอดการตรวจหาเชื้อโควิด-19, ยอดการพบเชื้อโควิด-19, ยอดการรับผู้ป่วยโควิด-19, ยอดการใช้ยารักษาผู้ป่วยโควิด-19, ยอดการใช้เครื่องช่วยหายใจ และยอดการเสียชีวิตจากโควิด-19 เพื่อหวังเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐฯ

ศูนย์บริการด้านประกันสุขภาพของสหรัฐ (CMS) จะจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 มากกว่าผู้ป่วยอื่น ๆ ประมาณ 20% และให้เงินช่วยเหลือผู้ป่วยใช้เครื่องช่วยหายใจมากกว่าผู้ป่วยทั่วไปถึง 3 เท่า และยังสนับสนุนค่าใช้จ่ายสำหรับยารักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ทั้ง Remdesivir, Molnupiravir, Baricitinib, Paxlovid รวมถึงพลาสม่าจากผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19

แม้จะเป็นจริงที่ว่า โรงพยาบาลในสหรัฐฯ จะทำเงินจากระบบประกันสุขภาพได้มากกว่า หากรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 แต่ไม่หลักฐานว่ามีโรงพยาบาลบิดเบือนยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ให้สูงเกินจริงเพื่อหวังกำไร เพราะการรายงานยอดผู้ป่วยและเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ ยังคาดว่ายอดผู้ป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐฯ ต่ำกว่าความเป็นจริงจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น การไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจหาเชื้อ

ข้อมูลอ้างอิง:

https://healthfeedback.org/claimreview/claim-covid-19-deaths-vastly-overcounted-baseless-evidence-suggests-the-opposite-joseph-mercola-epoch-times/

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” นำค้นวัดไร่ขิง 3 จุด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด

นครปฐม 16 พ.ค.-“บิ๊กเต่า” นำกำลังตำรวจกองปราบบุกค้นวัดไร่ขิง 3 จุด หาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอี่ยวคดียักยอกเงินวัด 300 ล้าน พร้อมนำหมายค้นบ้านประชาชน 1 จุด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่วัด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด เวลา 07.00 น. พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ตรวจค้นภายในวัดไร่ขิงพระอารามหลวง มีทั้งหมด 3 จุด และบริเวณโดยรอบอีก 1 จุด ซึ่งจุดแรกในวัดไร่ขิงคือกุฏิของพระธรรมวชิรานุวัตร หรือเจ้าคุณแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงและเจ้าคณะภาค 14 โดยมีผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงเป็นผู้ที่นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในกุฎิ พร้อมสังเกตการณ์ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการถึงบริเวณหน้ากุฎิเจ้าอาวาส ได้ให้ตำรวจอ่านหมายค้น เพื่อเข้าตรวจสอบและยึดสิ่งของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการกระทำความผิด ทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้ประกอบหลักฐานการสอบสวนไต่สวนมูลฟ้องในการพิจารณาความผิด ขณะที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการอ่านหมายค้น ว่า วันนี้เป็นการตรวจค้นเกี่ยวกับเส้นเงินที่ไหลไปตามบัญชีต่างๆ มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ต้องมีการเรียกสอบรายบุคคลพร้อมกับการตรวจค้น โดยหลักๆ ส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมุ่งเน้นไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ […]

2 ผู้ต้องหามอบตัว คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์ม

ตรัง 16 พ.ค. – หัวหน้าแก๊ง พร้อมลูกน้องอีก 1 คน ก่อเหตุเผานั่งยาง 3 ศพในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ติดต่อขอมอบตัว หวั่นถูกวิสามัญ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังไล่ล่า เช้านี้ ตำรวจ สภ.โคกนา เจ้าของพื้นที่คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ได้รับการประสานจากอดีตสมาชิกสภาจังหวัด ในพื้นที่อำเภอสิเกาว่า จะนำตัว 2 ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว คือ นายศุภกรณ์ หรือบิน อายุ 37 ปี ชาวตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง และนายจรณชัย หรือแต้ม อายุ 32 ปี ชาวหมู่ 7 ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองคน กังวลเรื่องความปลอดภัย หากหลบหนีต่อไป เกรงถูกวิสามัญฆาตกรรม หลังเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ระดมปิดล้อมบ้านเขาหลัก […]

ลงนามถอดถอน “เจ้าคุณแย้ม” จากทุกตำแหน่ง

15 พ.ค.- เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ลงนามถอดถอน “เจ้าคุณแย้ม” จากหน้าที่ทุกตำแหน่ง เหตุถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ลงนามในหนังสือ คำสั่งถอดถอนพระสังมาธิการ พระธรรมวชิรานุวัตร พักจากตำแหน่งหน้าที่ทุกตำแหน่ง ทั้งเจ้าคณะภาค 14 และ เจ้าอาวาสวัดไร่ชิงพระอารามหลวง หลังจากทราบเรื่องว่าถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา จึงได้อาศัยอำนาจตามความในข้อ 56 แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2553) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังมาธิการ ออกตามความในพระราชบัญญัติคุณะสูงณ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเดิมโดยพระราชบัญญัติคณะสงน์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ให้เหตุผลว่า ถ้าจะให้คงอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ในระหว่างการสอบสวนจะเป็นการเสียหายแก่การคณะสงฆ์ .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงยอมสึก คำให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี

15 พ.ค.- เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงยอมลาสิกขาด้วยตัวเอง หลังถูกเค้นสอบนานกว่า 8 ชม. เบื้องต้นยอมให้การแล้ว คำให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ช่วงหนึ่งของการสอบปากคำ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้อุ้มพระพุทธรูป ปางสมาธิองค์สีดำ ถือเข้าไปไปยังห้องสอบสวนที่สอบปากคำพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม เจ้าคณะภาค 14 สังเกตพบว่ามีการนำพระพุทธรูปวางไว้บนโต๊ะบริเวณด้านหน้าของ พระธรรมวชิรานุวัตร โดยมีรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่า พระธรรมวชิรานุวัตร ยอมทำพิธีลาสิกขาบทด้วยตัวเอง แต่ยังไม่เริ่มพิธีเนื่องจากรอชุดเสื้อผ้าเปลี่ยนหลังทำพิธีลาสิกขาบทแล้วเสร็จ ส่วนการสอบปากคำ เบื้องต้นทางพระธรรมวชิรานุวัตร ยอมให้การกับพนักงานสอบสวนแล้ว และให้การไปในทิศทางที่ดี ซึ่งปรากฏว่าทางพระธรรมวชิรานุวัตร ได้โอนเงินไปให้กับผู้ต้องหาที่ 2 เป็นจำนวนเงินหลักร้อยล้านบาท ในช่วงปี 2564 ซึ่งข้อมูลนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบปากคำหาข้อเท็จจริง ว่ามีการทำธุรกรรมด้วยสาเหตุใด แต่พบบางส่วนเข้าไปพัวพันกับเว็บการพนัน .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

2 ผู้ต้องหามอบตัว คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์ม

ตรัง 16 พ.ค. – หัวหน้าแก๊ง พร้อมลูกน้องอีก 1 คน ก่อเหตุเผานั่งยาง 3 ศพในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ติดต่อขอมอบตัว หวั่นถูกวิสามัญ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังไล่ล่า เช้านี้ ตำรวจ สภ.โคกนา เจ้าของพื้นที่คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ได้รับการประสานจากอดีตสมาชิกสภาจังหวัด ในพื้นที่อำเภอสิเกาว่า จะนำตัว 2 ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว คือ นายศุภกรณ์ หรือบิน อายุ 37 ปี ชาวตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง และนายจรณชัย หรือแต้ม อายุ 32 ปี ชาวหมู่ 7 ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองคน กังวลเรื่องความปลอดภัย หากหลบหนีต่อไป เกรงถูกวิสามัญฆาตกรรม หลังเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ระดมปิดล้อมบ้านเขาหลัก […]

นายกฯ ร่วมพิธีวางพวงมาลาอนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน

เวียดนาม 16 พ.ค.-นายกฯ ร่วมพิธีวางพวงมาลาอนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน รวมทั้งสุสานโฮจิมินห์ เน้นย้ำไทยให้ความสำคัญประวัติศาสตร์และมิตรภาพกับเวียดนาม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมพิธีวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานสำคัญที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมของนักปฏิวัติผู้เสียสละชีวิต เมื่อปี ค.ศ. 1940 ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของขบวนการต่อสู้ของเวียดนามภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์ โดยตั้งอยู่บนถนนบั๊กเซิน (Bạch Sơn Street) ในพื้นที่ใกล้กับจัตุรัสบาดิ่งห์ โดยออกแบบในสไตล์ศิลปะสังคมนิยม ที่ประกอบด้วยกลุ่มรูปปั้นนักรบปฏิวัติ แสดงถึงความกล้าหาญและความสามัคคีของนักต่อสู้เพื่อเอกราชของเวียดนาม หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทางต่อไปยังสุสานโฮจิมินห์ ตั้งอยู่ที่จัตุรัสบาดิ่งห์ สถานที่ซึ่งอดีตผู้นำโฮจิมินห์เคยอ่านคำประกาศเอกราชของเวียดนามในปี ค.ศ.1945 ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมทรงอนุสรณ์สถาน โดยใช้หินอ่อนและหินแกรนิตคุณภาพสูง ผสมผสานระหว่างศิลปะสังคมนิยม กับเอกลักษณ์เวียดนาม โดยโฮจิมินห์เป็นบุคคลสำคัญของเวียดนาม ผู้ได้รับการยกย่องในฐานะ “บิดาแห่งชาติ” ที่นำพาประเทศสู่การประกาศเอกราช และเป็นผู้ประกาศก่อตั้งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ทั้งนี้ การเข้าร่วมพิธีวางพวงมาลา ณ สถานที่สำคัญของเวียดนามครั้งนี้ แสดงถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและเวียดนาม ตลอดจนการให้ความสำคัญต่อประวัติศาสตร์และการเมืองของประเทศพันธมิตรที่สำคัญของไทยอย่างเวียดนาม จากนั้น เวลา 10.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะจะเข้าร่วมประชุมหารือทวิภาคีกลุ่มเล็ก กับนายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ณ ทำเนียบรัฐบาล.-314.-สำนักข่าวไทย

“เปรมชัย” นั่งวีลแชร์ เข้ามอบตัว กรณีตึกกำลังสร้าง สตง. ถล่ม

กทม. 16 พ.ค.-“เปรมชัย” ผู้บริหารบริษัทอิตาเลียนไทย นั่งวีลแชร์ เข้ามอบตัวพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ กรณีตึกกำลังสร้าง สตง. ถล่ม ด้านวิศวกร ผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง ทยอยเข้ามอบตัวเช่นกัน เวลา 08.00 น. นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประมูลโครงการก่อสร้างหลัก อาคาร สตง.แห่งใหม่ ซึ่งพังถล่มเมื่อวันที่ 28 มีนาคม จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว และตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ฐาน “เป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม หรือทำการก่อสร้าง ซ่อมแซมหรือรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ หรือวิธีการอันพึงกระทำการนั้นๆ โดยประการที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 227 , 238 นายเปรมชัย นั่งวีลแชร์ มีพยาบาลส่วนตัวประกบ เดินทางมาที่ สน.บางซื่อ พร้อมทนายความและญาติ เพื่อเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้บริหารบริษัทกิจการร่วมค้า รวมถึงกลุ่มวิศวกร อีก 13 […]

“บิ๊กเต่า” นำค้นวัดไร่ขิง 3 จุด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด

นครปฐม 16 พ.ค.-“บิ๊กเต่า” นำกำลังตำรวจกองปราบบุกค้นวัดไร่ขิง 3 จุด หาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอี่ยวคดียักยอกเงินวัด 300 ล้าน พร้อมนำหมายค้นบ้านประชาชน 1 จุด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่วัด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด เวลา 07.00 น. พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ตรวจค้นภายในวัดไร่ขิงพระอารามหลวง มีทั้งหมด 3 จุด และบริเวณโดยรอบอีก 1 จุด ซึ่งจุดแรกในวัดไร่ขิงคือกุฏิของพระธรรมวชิรานุวัตร หรือเจ้าคุณแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงและเจ้าคณะภาค 14 โดยมีผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงเป็นผู้ที่นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในกุฎิ พร้อมสังเกตการณ์ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการถึงบริเวณหน้ากุฎิเจ้าอาวาส ได้ให้ตำรวจอ่านหมายค้น เพื่อเข้าตรวจสอบและยึดสิ่งของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการกระทำความผิด ทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้ประกอบหลักฐานการสอบสวนไต่สวนมูลฟ้องในการพิจารณาความผิด ขณะที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการอ่านหมายค้น ว่า วันนี้เป็นการตรวจค้นเกี่ยวกับเส้นเงินที่ไหลไปตามบัญชีต่างๆ มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ต้องมีการเรียกสอบรายบุคคลพร้อมกับการตรวจค้น โดยหลักๆ ส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมุ่งเน้นไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ […]