ชัวร์ก่อนแชร์ ภัยไซเบอร์ : สายชาร์จดูดเงิน มีจริงหรือ ?

ตามที่มีข่าวที่ทำให้เข้าใจว่า การเสียบชาร์จ หรือ สายชาร์จ มือถือสามารถเจาะขโมยข้อมูลในมือถือ จนนำไปสู่การขโมยเงินไปจากแอปธนาคารออนไลน์ได้นั้น

บทสรุป : ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า การขโมยเงิน เกิดจากสายชาร์จหรือการชาร์จ

เรื่องนี้ตรวจสอบกับ : อ.ปริญญา หอมเอนก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ในคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ

ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง:

สายชาร์จที่ดักขโมยข้อมูลได้ มีจริง โดยมีราคาขายเส้นละประมาณไม่ต่ำกว่า เส้นละห้าพันบาท โดยคนร้ายจะต้องอยู่ในละแวกที่สายนั้นถูกเสียบใช้งาน เพื่อจะดักรับข้อมูลที่ขโมยออกมา
ดังนั้น เมื่อสายชาร์จแบบที่ขโมยข้อมูลได้ดังกล่าว มีต้นทุนสูง จึงไม่มีเหตุผลที่จะมีการนำมาแจกหรือขายในราคาถูก และหากเกิดขึ้นจริง ผู้ถูกกระทำน่าจะอยู่ในละแวกเดียวกัน
ช่องเสียบชาร์จสาธารณะ (เช่นตามสนามบิน ห้าง) มีความเป็นไปได้ ที่อาจมีคนร้ายมาติดอุปกรณ์ดักข้อมูล
ซึ่งหากจำเป็นต้องใช้ เมื่อเสียบแล้วจะต้องกด “ไม่เชื่อถือ” อุปกรณ์เสมอ เพื่อให้ชาร์จไฟได้อย่างเดียว ไม่สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้
ยังคงไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่า กรณีที่เป็นข่าว หรือ มีการร้องเรียน จะเกี่ยวโยงกับการชาร์จ หรือสายชาร์จแต่อย่างใด
ดังนั้น การระวังการชาร์จในที่สาธารณะอาจช่วยลดความเสี่ยง แต่ความเสี่ยงหลักที่ควรระวัง คือ การถูกหลอกให้โหลดแอป หรือ ติดตั้งแอป หรือ กรอกข้อมูล ซึ่งมักกระทำการหลอกลวงโดยคนร้ายที่ปลอมตัวเป็นหน่วยราชการ สายการบิน ธนาคาร หรือหน่วยงานอื่น ๆ

ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : พีรพล อนุตรโสตถิ์