“สุภัค”จ่อแชมป์”สปอร์ต จีพี”เจ็ตสกีเวิลด์ คัพ

มาร์คัส ยอร์เกนเซ่น จากเดนมาร์ก ขึ้นเป็นผู้นำในเจ็ตสกีเรือนั่งรุ่นที่เร็วและแรงที่สุดในโลก ขณะที่สุดยอดเรือยืน เควิน ไรเทอเรอร์ คัมแบ็คมาเป็นผู้นำ ส่วน สุภัค เสร็จธุระ ไม่พลาดใน 2 โมโตแรกของโปร สปอร์ต จีพี ศึกเจ็ตสกีชิงแชมป์โลก ดับเบิลยู จีพี วัน เจ็ตสกี เวิลด์ คัพ และ เวิลด์ ซีรีส์ ประจำฤดูกาล 2021-2022 ที่หาดจอมเทียน พัทยา วันที่ 3 ของการแข่งขันเมื่อวันที่ 15 ม.ค.


ศึกเจ็ตสกีชิงแชมป์โลกรายการ ดับเบิลยู จีพี วัน เจ็ตสกี เวิลด์ คัพ และ เวิลด์ ซีรีส์ ประจำฤดูกาล 2021-2022 ที่หาดจอมเทียน พัทยา รายการเจ็ตสกีชิงแชมป์โลก แกรนด์ สแลม ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีนักกีฬาชิงชัยมากที่สุดในโลกจากทุกทวีปทั่วโลก ชิงเงินรางวัลสูงที่สุดในโลก รวมทั้งหาแชมป์ เวิลด์ ซีรีส์ ฤดูกาลนี้

วันที่ 4 ของการแข่งขันเริ่มแข่งขันในระดับมืออาชีพท็อป 4 ของโลก รวมทั้งตัดสินแชมปโลกประเภทเจ็ตเซิร์ฟ โดยมี พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ประธานอำนวยการกล่าวเปิดการแข่งขันอย่างเป็นทางการรวมทั้ง นายวุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ รองนายกเมืองพัทยา ร่วมชมการแข่งขัน


รุ่นเจ็ตสกีที่แรงและเร็วที่สุดในโลก รุ่นมืออาชีพเรือนั่ง จีพี แต่งเครื่องยนต์ได้เต็มที่ (Pro Runabout GP) จัดเต็มนักแข่งมือดีของโลกมารวมกันครบที่พัทยามี ฮาจิเมะ อิซาไฮ แชมป์เก่าจากญี่ปุ่น ป้องกันแชมป์กับ โมฮัมเหม็ด เบอร์บาย่า จากคูเวตที่ฤดูกาลนี้ฟอร์มแรงกวาดแชมป์แกรนด์ สแลม มาแล้วทั้งแชมป์ยุโรปที่โปแลนด์ และแชมป์เวิลด์ ไฟนอล ที่สหรัฐ นอกจากนี้ยังมี มาร์คัส ยอร์เกนเซน ของเดนมาร์ก, วาลีด อัลชาร์ชานี่ ของกาตาร์ เป็นตัวสอดแทรกลุ้นแชมป์

เมื่อเริ่มการแข่งขันโมโตแรก ธีระ เสร็จธุระ แชมป์ประเทศไทยสร้างความฮือฮาด้วยการออกนำก่อน ขณะที่ตัวเต็งอย่าง เบอร์บาย่า กับ อัลชาร์ชานี เรือมีปัญหาอันดับตกลงไป แต่ก็มี โมฮัมหมัด อัลบาซ จากคูเวต กับ มาร์คัส ยอร์เกนเซน แรงขึ้นมาแซง ธีระได้ อัลบาซ เข้าที่ 1 ตามด้วย ยอร์เกนเซ่น อันดับ 2 และ เฌเรมี เปเรซ จากฝรั่งเศส เข้าที่ 3 ส่วน ธีระ หลุดเป็นที่ 4 อย่างน่าเสียดาย

นักแข่งชั้นนำของโลกกลับมาสู้กันต่อในโมโต 2 คราวนี้ เบอร์บาย่า กลับมาได้ออกนำตั้งแต่รอบแรกจนจบเข้าที่ 1 ขณะที่ อัลบาซ พลาดตกจากเรือในขณะที่เป็นอันดับ 2 ทำให้อันดับตกลงไป และอันดับ 2 เป็นของ อัลชาร์ชานี และ จุน อิโคม่า จากญี่ปุ่นเข้าที่ 3 ทำให้รุ่นนี้สุดสูสึ จบ 2 โมโตแรก ยอร์เกนเซ่น เป็นผู้นำ 96 คะแนน ตามด้วย อัลบาซ 87 คะแนน และ จุน อิโคม่า 75 คะแนน ก่อนจะไปสู้กันอีก 2 โมโตในวันที่ 16 มกราคม


รุ่นที่เป็นสุดยอดของเจ็ตสกีประเภทยืนขับขี่ รุ่นมืออาชีพเรือยืน กรังด์ ปรีซ์ (Pro Ski Grand Prix) คินเตน ฟาน เดน บอสช์ แชมป์เก่าจากเบลเยี่ยมลุ้นคว้าแชมป์แกรนด์ สแลม ที่ 3 ในฤดูกาลนี้หลังจากได้แชมป์ยุโรป และแชมป์เวิลด์ ไฟนอล มา โดยมี ราฟาแอล มอแร็ง จากฝรั่งเศส และ เควิน ไรเทอเรอร์ อดีตแชมป์โลกจากออสเตรีย ของล้างตาจาก 2 ศึกใหญ่ที่ผ่านมา
ฟาน เดน บอสช์ ออกตัวได้ดีในโมโตแรกขึ้นนำตั้งแต่รอบแรก โดยมี ไรเทอเรอร์ ตามไล่จี้ตั้งแต่ต้นจนจบ 10 รอบ ซึ่ง ฟาน เดน บอสช์ ยังเหนียวแน่นแม้จะโดนไล่เหนื่อย เข้าที่ 1 ไรเทอเรอร์ ตามมาเป็นที่ 2 และ มอแร็ง ตามเข้าที่ 3 แบบห่างๆ
แต่โมโต 2 ไรเทอเรอร์ ออกตัวดีขึ้นนำแบบม้วนเดียวจบเข้าที่ 1 ได้บ้างมี มอแร็ง ตามเป็นที่ 2 ขณะที่ ฟาน เดน บอสช์ ที่ออกตัวไม่ดีไล่แซงคู่แข่งมาเข้าที่ 3 ทำให้จบ 2 โมโตแรกนักแข่งจากออสเตรียมีคะแนนนำที่ 113 คะแนน ตามด้วย ฟาน เดน บอสช์ 108 คะแนน และ มอแร็ง 101 คะแนน

รุ่นมืออาชีพเรือนั่งสปอร์ต จีพี (Pro Sport GP) มี “บอม” สุภัค เสร็จธุระ แชมป์ประเทศไทย 10 สมัยและแชมป์เก่าเป็นตัวเต็ง ซึ่งในการแข่งขันครั้งนี้ สุภัค ลงแข่งด้วยเรือสปอร์ต จีทีวันอาร์ เจน ทู เรือสปอร์ตที่ผลิตโดยคนไทย 100 เปอร์เซนต์ ลงป้องกันแชมป์ กับ โจอิชิโร่ คาตาโน่ นักแข่งญี่ปุ่นรองแชมป์เวิลด์ ไฟนอล และไซมอน เบลเชอร์ แชมป์ยุโรปจากสหราชอาณาจักร
สุภัค ไม่ทำให้แฟนเจ็ตสกีไทยผิดหวัง โมโตแรกออกนำตั้งแต่ต้นจบจบเข้าที่ 1 ได้ตามคาด นอกจากนี้นักแข่งไทยคนอื่นๆก็ผลงานดีเช่นกัน ธีรภัทร มีชัย เข้าเป็นที่ 2 และ เอกชล กิ่งชาญศิลป์ เข้าที่ 3 ก่อนที่ สุภัค ยังเข้าที่ 1 สบายๆได้อีกในโมโต 2 มี คาตาโน่ เข้าที่ 2 และ เอกชล เข้าที่ 3 ทำให้ สุภัค เก็บ 120 คะแนนเต็มนำโด่ง ตามด้วย คาตาโน่ กับ เอกชล 96 คะแนนเท่ากัน

รุ่นมืออาชีพเรือนั่ง 1,100 ซีซี โอเพ่น (Pro Runabout 1100 Open) “พูล” เพิ่มพล ธีระพัฒน์พณิชย์ แชมป์เก่าและแชมป์เวิลด์ ซีรีส์ ฤดูกาลที่แล้วลงมาป้องกันแชมป์ โดยมี สุภทัต ฟูตระกูล ยอดนักแข่งไทยอีกคนที่เพิ่งคว้าแชมป์ประเทศไทยคนล่าสุด กับ วาเลนติน่า เลซคาโน่ นักแข่งสาวอเมริกันผู้มีคะแนนำเวิลด์ ซีรีส์ เป็นผู้ท้าชิง
รุ่นนี้เริ่มโมโตแรกกันอย่างดุเดือด เมื่อบรรดาตัวเต็งทะยานความเร็วกันอย่างเต็มที่ และน่าเสียดายที่ สุภทัต เร่งเร็วเกินไปทำให้ตกเรือ เป็นโอกาสให้ เพิ่มพล เข้าเส้นชัยเป็นที่ 1 ตามด้วย บุ๊ค เสริมสุวรรณ และอันดับ 3 ทศวนนท์ เผือกผ่อง
โมโต 2 บุ๊ค เป็นคนขึ้นนำได้ก่อน แต่ เพิ่มพล ก็ไล่จนแซงเข้าที่ 1 บุ๊ค เข้าที่ 2 และ ทศวนนท์ ตามมาเป็นที่ 3 รวมคะแนน 2 โมโตแรก เพิ่มพล นำห่าง 120 คะแนนเต็ม บุ๊ค ตามมาที่ 106 คะแนน และ ทศวนนท์ 96 คะแนน

ด้านผลการแข่งขันเจ็ตเซิร์ฟ กีฬาทางน้ำชนิดใหม่ที่กำลังได้ความนิยมมากขึ้นนำการแข่งขัน 2 โมโต ปรากฏว่าแชมป์โลกเป็นของ ธรรมศักดิ์ เติมจิตอารีย์ 120 คะแนนเต็ม รองแชมป์ วัชรศักดิ์ จันทร 106 คะแนน และอันดับ 3 นิภาพร อุตราช 91 คะแนน ขณะที่(น้องฝ้าย BNK) สุมิตรา ดวงแก้ว ที่มาสร้างสีสันให้การแข่งขันจบที่อันดับ 6

แฟนเจ็ตสกีทั่วโลกที่ไม่ได้เข้าไปชมในสนามแข่งขัน สามารถติดตามการแข่งขันได้ทางการถ่ายทอดสด. ซึ่งช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30 จะถ่ายทอดสดด้วยในวันที่ 16 มกราคม ตั้งแต่เวลา 13.30 – 15.30 น.

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ลิณธิภรณ์” แจงปมสะกดคำผิด ยอมรับผิดพลาดพร้อมแก้ไข

กระทรวงวัฒนธรรม 4 ก.ค.- “ลิณธิภรณ์” ยอมรับดรามาใช้ภาษาไทยสะกดคำผิด พร้อมแก้ไขปรับปรุงตัว รับปากจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก บอก บางครั้งรีบพิมพ์ไม่ได้ตรวจทาน ทำเกิดผลเสียทุกวันนี้ แจงมีปัญหาสุขภาพ อาจทำให้ออกเสียงควบกล้ำไม่ได้ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ถึงดรามาเรื่องการใช้ภาษาไทยในโซเชียลมีเดีย ว่า ตนขอยอมรับอย่างซื่อตรง ว่าบางครั้งในการสะกดคำของตนเองก็มีความผิดพลาด ซึ่งบางครั้งใช้การพิมพ์ด้วยเสียงผ่านโทรศัพท์มือถือ และได้โพสต์ข้อความไปแล้ว ก่อนจะมารู้ตัวอีกทีก็ผ่านไป 2-3 ชั่วโมง มันเป็นความผิดพลาด อันนี้ตนยอมรับด้วยความจริงใจ และวันนี้ตนก็เข้าใจดีว่าเมื่อมานั่งตำแหน่งตรงนี้ สิ่งที่จำเป็นต้องทำ คือต้องปรับปรุง และคิดว่าหลังจากนี้ความผิดพลาดเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะตนก็อยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน ของประเทศเหมือนกัน รวมถึงอีกสิ่งที่ตนอยากจะบอกคือการออกเสียงควบกล้ำ ซึ่งเป็นผลกระทบ จากปัญหาสุขภาพ แต่ส่วนหนึ่งตนก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า วันนี้ตนเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในภาพนโยบายใหญ่ คงต้องขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยใน รายละเอียดที่ชัดเจน และจะเข้ากระทรวงพร้อมกันในวันที่ 8 กรกฎาคม สำหรับตนหากใครที่เคยติดตาม ก็เคยเป็นคนหนึ่งที่ พูดเรื่องการศึกษาในส่วนของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด ตั้งแต่เป็นโฆษกพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเรื่องการลดค่าสอบทีแคส (TCAS) รวมถึงเรื่องการทำโครงการ ด้านสุขภาพภาวะจิต และอาจจะเป็นโครงการหนึ่งที่ตนจะสานต่อ […]

มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ที่บราซิล

ทำเนียบ 3 ก.ค.-มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ครั้งที่ 17 ที่บราซิล 6-7 ก.ค.นี้ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS ครั้งที่ 17 ระหว่างวันที่ 6 – 7 กรกฎาคม 2568 ร่วมกับผู้นำจาก 10 ประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS และประเทศหุ้นส่วนจากหลากหลายประเทศ ที่นครรีโอเดจาเนโร สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล โดยไทยเข้าร่วมในฐานะประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS (Partner Country) สำหรับการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS จะจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “เสริมสร้างความร่วมมือโลกใต้เพื่อการสร้างธรรมาภิบาลที่ครอบคลุมและยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยบราซิลในฐานะประธานกลุ่ม BRICS ปีนี้ ให้ความสำคัญกับประเด็นหลัก 6 ด้าน ได้แก่ (1) สาธารณสุข (2) การค้า การลงทุน และการเงิน (3) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (4) ธรรมาภิบาลของปัญญาประดิษฐ์ […]

Hun Sen, at event marking ruling party's 74th founding anniversary

ฮุน เซน เรียกร้องปั๊ม ปตท. งดนำเข้าน้ำมันจากไทย

พนมเปญ 3 ก.ค.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเรียกร้องให้เจ้าของปั๊ม ปตท.เลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าจากประเทศอื่นแทน สื่อของกัมพูชารายงานว่า นายฮุน เซน พูดถึงเรื่องนี้ในระหว่างการประชุมกับครูและนักเรียนที่ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมในจังหวัดไพรแวงในวันนี้ เรียกร้องให้เจ้าของปั๊มน้ำมัน ปตท.ทุกแห่งในกัมพูชาเลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าน้ำมันจากประเทศอื่น ๆ แทน ไม่ว่าจะเป็นจากเวียดนาม  มาเลเซีย หรือสิงคโปร์ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อปั๊ม แม้ว่า ปตท.จะเป็นรัฐวิสาหกิจของไทยก็ตาม นอกจากนี้นายฮุน เซนยังพูดถึงเรื่องที่ไทยเคยขู่ว่าจะตัดไฟฟ้า ตัดอินเทอร์เน็ต ห้ามขายเชื้อเพลิง และอื่นๆ ให้กัมพูชาด้วยว่า เมื่อไทยขู่มากัมพูชาก็ตอบโต้ทันที กัมพูชาต้องพึ่งพาตนเองให้ได้เพื่อรับมือกับภัยคุกคามในอนาคตเหมือนกับที่กำลังเผชิญจากไทยในเวลานี้ แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากไทย แต่กัมพูชาก็ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ของกัมพูชา ประธานวุฒิสภากัมพูชาเน้นย้ำว่า มาตรการทั้งหมดที่กัมพูชาได้ดำเนินไปนั้นเป็นการตอบโต้โดยตรงกับภัยคุกคามจากฝ่ายไทย รวมทั้งการที่ไทยปิดด่านพรมแดนแต่เพียงฝ่ายเดียว เขาแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า การเจรจากับไทยจะเริ่มขึ้นได้ ต่อเมื่อฝ่ายไทยจะต้องยอมเปิดด่านทุกจุดอย่างเต็มรูปแบบเหมือนที่เคยทำก่อนวันที่ 7 มิถุนายนแล้วเท่านั้น.-816(814).-สำนักข่าวไทย

เปิด 7 จุดยืน “ปชน.” ทางออกประเทศหาก “แพทองธาร” พ้นเก้าอี้

กรุงเทพฯ 4 ก.ค. – พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “แพทองธาร” พ้นตำแหน่ง เปิดเงื่อนไขโหวตนายกฯ คนใหม่ พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “นายกฯ แพทองธาร” พ้นจากตำแหน่ง เพื่อนำพาประเทศไปสู่ทางออกที่จะเป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับประชาชนทุกคน ดังนี้ 1.สิ่งที่ประเทศต้องการมากที่สุด คือรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีความชอบธรรม และสามารถตั้งทีมบริหารจากความรู้ความสามารถ ไม่ใช่จากการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง2.รัฐบาลที่จะมีคุณสมบัติดังกล่าวจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากสภาชุดปัจจุบัน ทางออกสำหรับประเทศจึงเป็นการจัดให้มี “การเลือกตั้งใหม่” โดยเร็ว3.รักษาการนายกฯ ควรประกาศให้ชัดเจนว่าจะใช้อำนาจที่ตนเองมี ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนผ่านคูหาเลือกตั้ง4.หากรักษาการนายกฯ ไม่ทำ และมีเหตุใดที่ทำให้นายกรัฐมนตรีแพทองธาร พ้นจากตำแหน่ง กระบวนการในการเลือกนายกฯ คนใหม่ จะต้องนำไปสู่การได้มาซึ่งนายกฯ ที่พร้อมเดินหน้าสู่การยุบสภา5.เพื่อให้ประเทศไม่ถูกบีบไปสู่ทางตันหรือการใช้อำนาจนอกครรลองประชาธิปไตย เราพร้อมจะพิจารณาลงมติให้กับผู้เสนอตัวเป็นนายกฯ คนใหม่คนใดก็ตาม ที่ยอมรับ “เงื่อนไข” ในการเป็นรัฐบาลชั่วคราว โดยทางพรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลและจะไม่มีใครจากพรรคประชาชนไปเป็นรัฐมนตรี 6.“เงื่อนไข” ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา สำหรับนายกฯ คนใหม่ จะต้องประกอบไปด้วยอย่างน้อย6.1 การประกาศเส้นตายว่าจะยุบสภาภายในสิ้นปี6.2 การยืนยันภารกิจเฉพาะหน้าที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว (เช่น การดำเนินการให้มีการจัดประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง เพื่อถามประชาชนเรื่องการมี […]

ข่าวแนะนำ

ทลายบ่อนกลางกรุง พบเจ้ามือเป็นชาวกัมพูชา

กทม. 4 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เอาจริง สั่งจัดระเบียบสังคมทันที หลังรับตำแหน่ง มท.1 ประเดิมงานแรก สั่งการชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกทลายบ่อนพนันกลางกรุง หลังมีประชาชนร้องเรียน พบเจ้ามือเป็นชาวกัมพูชา วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 เวลา 15.30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง เปิดปฏิบัติการ “ปิดบ่อนสะพานใหม่” จับกุมบ่อนการพนันกลางกรุง โดยชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง พร้อมด้วย นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดีกรมการปกครอง นายเรืองลักษณ์ เรืองยังมี ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ นายอิสรา เจริญศรี ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการกองอาสารักษาดินแดน และนายศักดิ์ชัย โรจนรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สนธิกำลังพนักงานฝ่ายปกครอง พร้อมด้วยสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ทลายบ่อนการพนันขนาดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนสะพานใหม่ เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร […]

ทบ.ยันไม่รุนแรง เหตุทหารไทยเจอทหารเขมร

กองทัพบก 4 ก.ค.-ทบ.ยันไม่รุนแรง เหตุทหารไทยเจอทหารเขมร หลังลาดตระเวนพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บ่อยขึ้น จากกรณีเฟซบุ๊กเพจ “Army Military Force” โพสต์คลิปทหารพรานของไทยปะทะคารมกับทหารกัมพูชา ที่กำลังพยายามรุกลํ้าเข้ามาในดินแดนไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีอาวุธปืนครบมือนั้น พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารีว่า ชุดลาดตระเวนของกองร้อยทหารพรานที่ 2304 ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ได้ทำการลาดตระเวนพื้นที่ ตรวจพบความเคลื่อนไหวของกำลังทหารกัมพูชา ในบริเวณจุดชมวิวภูผี ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดน ใกล้บริเวณปราสาทโดนตวล และเขาพระวิหาร และบริเวณเส้นทางลาดตระเวนใกล้เคียง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายไทยมีการลาดตระเวนตรวจตราอย่างต่อเนื่อง จึงได้เข้าทักทายเจรจากัน และแยกย้ายกันไป ไม่มีเหตุความรุนแรงใด พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมา หลายจุดพบกำลังทหารกัมพูชามาลาดตระเวนในพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บ่อยขึ้น และบางครั้งมีเจ้าหน้าที่ระดับผู้บังคับหน่วยของกัมพูชาร่วมลงพื้นที่ด้วยตนเอง เมื่อมาพบเจอกับฝ่ายทหารไทยก็จะมีพูดทักทายกัน และบางครั้งก็อาจจะมีแสดงออกทางอารมณ์ในลักษณะเหมือนถกเถียงกันบ้าง แต่ทั้งหมดไม่ถึงขั้นตั้งใจจะใช้ความรุนแรงต่อกัน เพราะต่างฝ่ายต่างระมัดระวังไม่ให้มีการละเมิดข้อตกลง และต้องยึดมั่นในแนวทางสันติวิธี ตามแนวทางผู้บังคับบัญชา.-313.-สำนักข่าวไทย

นักธรณีวิทยา​ย้ำไม่มีสัญญาณ​สึนามิ​เข้าไทย​ ไม่ต้องตระหนก

กรุงเทพฯ​ 4 ก.ค. – ผู้เชี่ยวชาญทางธรณีวิทยา ย้ำขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณทางวิทยาศาสตร์​บ่งชี้ว่า​จะเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่อาจทำให้เกิดคลื่นสึนามิซัดเข้าสู่ประเทศไทย​ จากกรณีเกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่องบริเวณหมู่เกาะนิโคบาร์และสุมาตรา ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก แนะติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง ศ.ดร.สันติ ภัยหลบลี้ อาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้แจงว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในช่วง​ 1-2​ สัปดาห์ที่ผ่านมา บริเวณใกล้หมู่เกาะนิโคบาร์และสุมาตรา เป็นการเลื่อนตัวในแนวราบ ไม่ใช่แนวดิ่ง จึงไม่เข้าลักษณะที่จะทำให้เกิดคลื่นสึนามิได้ ขณะเดียวกัน จากการติดตามข้อมูลยังไม่พบสัญญาณทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ ที่บ่งชี้ว่า​ จะมีการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกในแนวดิ่ง ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเกิดคลื่นสึนามิ ศ.ดร.สันติ กล่าว​ว่า​ ก่อนหน้านี้​เรารู้​จักแนวมุดตัวของเปลือก​โลก​บริเวณ​หมู่เกาะ​นิโคบาร์​-สุมาตรา ที่หากมีการเคลื่อนตัวจะมีโอกาส​เกิดสึนามิ​ แต่ล่าสุด​พบ​ว่า​ มีแนวภูเขาไฟ​ใต้น้ำ​บริเวณ​หมู่เกาะ​สุมาตรา​ที่​ไม่เคยปะทุมาก่อนและบอกไม่ได้​ว่าจะปะทุ​เมื่อ​ใด ซึ่งนักธรณีวิทยา​และหน่วยงาน​ด้านภัยพิบัติ​จะต้องติดตาม​อย่างต่อเนื่อง​ต่อไป​ ทั้งนี้ แม้ในอดีตจะเคยเกิดสึนามิจากรอยเลื่อนสุมาตราที่เกิดการมุดตัวของเปลือกโลก​ แต่ย้ำว่า​ เหตุการณ์ปัจจุบันไม่มีตัวชี้วัดในลักษณะเดียวกัน จึงขอให้ประชาชนอย่ากังวลเกินควร อย่างไรก็ตาม การตื่นรู้ต่อภัยพิบัติเป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะการใช้เครื่องมือสื่อสาร เช่น แอปพลิเคชันกรมอุตุนิยมวิทยา การติดตามข้อมูลจากภาครัฐ และระบบแจ้งเตือนภัยในท้องถิ่นเช่น Cell Broadcast​ ที่​ภาครัฐ​เร่งดำเนินการ​สำหรับ​แจ้ง​เตือน​ภัยพิบัติ​ต่าง​ ๆ ให้​ครอบคลุม​ทั่วประเทศ​ ทั้งนี้ ​การเตรียมความพร้อมคือเรื่องสำคัญ รัฐเองก็พยายามส่งสัญญาณให้ถึงประชาชนโดยเร็ว […]

“แพทองธาร” หารือผู้บริหาร ก.วัฒนธรรม

ก.วัฒนธรรม 4 ก.ค.-“แพทองธาร” หารือผู้บริหาร ก.วัฒนธรรม แจงข่าวปลอมไทยคืนวัตถุโบราณ 20 รายการ ให้กัมพูชาไม่จริง ชี้ทำตั้งแต่ “รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์” พร้อมสั่งเบรกจัดสรรงบฯ คืนวัตถุโบราณกัมพูชา จ่อแจ้งความคนปล่อยเฟกนิวส์ ปลุกปั่น “กลุ่มปราสาทตาเมือน” ยันอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยไทย ช่วงบ่ายวันนี้ (4 ก.ค.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการประชุมครั้งแรก มีข้อที่อยากจะฝากเอาไว้ และอยากจะให้ช่วยกันผลักดัน รวมถึงอยากจะอัปเดตข้อมูลให้ฟัง ซึ่งวันนี้ตนได้ทำการบ้านมาเล็กน้อย และรู้สึกดีใจที่จะได้ฟังจากทุกคนว่า แต่ละหน่วยงานแต่ละฝ่ายทำอะไรกันอยู่บ้าง และในกระทรวงฯ มีอะไรที่อยากให้ดำเนินการเพิ่มเติมบ้าง ประเด็นแรก อยากจะขอชี้แจงเรื่องข่าวปลอม เรื่องการส่งคืนวัตถุโบราณ จำนวน 20 รายการ ให้กับประเทศกัมพูชา ตนขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะการคืนวัตถุโบราณให้กับประเทศกัมพูชา มีมาตั้งแต่สมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2558 ซึ่งประเทศไทยได้คืนไปแล้ว […]