สิงคโปร์ 31 ธ.ค. – กุนซือทีมชาติไทยกำชับให้นักเตะมุ่งมั่นกับเกมนัดที่ 2 กับอินโดนีเซีย ในวันพรุ่งนี้ เพื่อเป้าหมายแชมป์สมัยที่ 6 ส่วนวงการกีฬาไทยมีเฮ หลังประกาศพระราชกำหนดแก้ไขพระราชบัญญัติควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา
ความเคลื่อนไหวของ “ขุนพลช้างศึก” ทีมชาติไทย ก่อนลงทำศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 รอบชิงชนะเลิศ นัดที่ 2 พบอินโดนีเซีย ที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ คืนวันพรุ่งนี้ หลังจากนัดแรกทีมไทยถล่มเอาชนะ 4-0 ล่าสุด มาโน โพลกิ้ง กุนซือทีมชาติไทย พร้อมด้วย วีระเทพ ป้อมพันธุ์ นักเตะทีมชาติไทย ร่วมแถลงข่าวยืนยันความพร้อม ก่อนจะลงฝึกซ้อมเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ซึ่งมาโน โพลกิ้ง ให้นักเตะซ้อมเบาๆ เน้นทบทวนแท็กติก เพื่อให้ทุกคนพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้ หลังจากทำได้ดีในเกมแรก แต่มันยังไม่จบ ยังต้องทำให้ดีอีกเกม พร้อมชื่นชมชนาธิปที่แสดงความเป็นผู้นำที่ดี หวังว่านักเตะทุกคนจะพยายามทำแบบชนาธิป ที่คว้าโอกาสจนกลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในเจลีก
ส่วนเรื่องสัญญาคุมทีมยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน เพราะเป้าหมายตอนนี้คือการคว้าแชมป์รายการนี้ โดยรายการนี้นักเตะดาวรุ่งทำผลงานได้ดีทั้ง กฤษดา กาแมน ที่เพิ่งอายุ 22 ปี และเล่นเกือบทุกนัด ในตำแหน่งที่ไม่ถนัด กับวีระเทพ ป้อมพันธุ์ วัย 25 ปี ที่ถือเป็นอนาคตที่ดีของทีมชาติไทยต่อไปแน่นอน
ส่วน วีระเทพ ป้อมพันธุ์ กองกลางทีมชาติไทย ยอมรับว่า เป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับการลงเล่นในนามทีมชาติไทยครั้งแรก ที่ได้เรียนรู้ประสบการณ์จากนักเตะรุ่นพี่ในทีม เพื่อต่อยอดความสำเร็จของตัวเองในอนาคต
สำหรับเกมรอบชิงชนะเลิศ นัดที่ 2 จะเตะในวันพรุ่งนี้ (1 ม.ค.) เวลา 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย
ขณะที่ประเด็นดราม่าวงการกีฬาไทย หลังถูกองค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก หรือวาดา ห้ามไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพและจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ รวมถึงห้ามเชิญธงชาติไทยในทุกการแข่งขันเป็นเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา เนื่องจากบทบัญญัติบางประการแห่งพระราชบัญญัติควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ. 2555 ไม่สอดคล้องกับประมวลกฎหมายการต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก
ล่าสุดเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ. 2555 พ.ศ. 2564 ได้ประกาศออกมาและมีผลบังคับใช้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะบทบัญญัติเกี่ยวกับสำนักงานควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา ที่ต้องเป็นหน่วยงานอิสระ ไม่ขึ้นตรงกับภาครัฐ, บทลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้สารต้องห้าม รวมถึงการตรวจสารต้องห้ามที่สามารถทำได้ตลอดเวลาโดยเฉพาะยามวิกาล
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เปิดเผยกับทีมข่าวกีฬาสำนักข่าวไทยว่า รัฐบาล, การกีฬาแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย เตรียมทำเรื่องถึงวาดา ในต้นเดือนมกราคม 65 เพื่อให้ถอดถอนข้อห้ามต่างๆ ที่ไทยถูกลงโทษ ทั้งห้ามเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬา และห้ามใช้ธงชาติในการแข่งขัน โดยวาดาจะมีการประชุมใหญ่ปลายเดือนมกราคม เพื่อพิจารณาปลดล็อก โดยทุกข้อที่แก้ไขได้ทำงานร่วมกับวาดาอย่างใกล้ชิด ซึ่งคาดว่าไม่น่ามีปัญหา
ส่วนศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2020 ที่ประเทศสิงคโปร์ ผู้ว่าการ กกท. เปิดเผยว่า รายการนี้ไม่มีการเชิญธงชาติขึ้นเสาในการรับเหรียญเหมือนการแข่งขันในมหกรรมกีฬาอื่นๆ ส่วนเสื้อแข่งขันของทีมไทย สามารถติดธงชาติไทยที่หน้าอกได้ แต่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยได้เปลี่ยนมาใช้โลโก้ช้างศึกหลายปีแล้ว และการร้องเพลงชาติก็ทำได้ปกติ ซึ่งต้องมาลุ้นกันว่าวาดาจะปลดล็อกให้ประเทศไทยกลับมาเสนอตัวเป็นเจ้าภาพและจัดการแข่งขันกีฬา รวมถึงเชิญธงชาติไทยในการแข่งขันระดับนานาชาติได้เร็วที่สุดเมื่อไร เพื่อศักดิ์ศรีและชื่อเสียงของประเทศไทย รวมถึงเม็ดเงินที่ต้องสูญเสียไปจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้น .-สำนักข่าวไทย