กรุงเทพฯ 9 พ.ย. – การกีฬาแห่งประเทศไทยเตรียมปูพรมเดินหน้าวงการกีฬาไทย หลังการปลดล็อกเปิดประเทศเต็มรูปแบบ พร้อมเร่งดำเนินการแก้กฎหมาย เพื่อให้พ้นโทษแบนจากองค์กรต่อต้านสารต้องห้ามโลก
ภายหลังการประกาศปลดล็อกเปิดประเทศของรัฐบาลไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้ทุกภาคส่วนเดินหน้าเต็มกำลัง เพื่อกอบกู้ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ให้กลับมาเหมือนเดิมเร็วที่สุด ซึ่งวงการกีฬาไทยที่มีการกีฬาแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อน ได้เดินหน้าเต็มสูบ เตรียมแผนงานสำหรับกีฬาเพื่อความเป็นเลิศ ส่งสัญญาณไปยังทุกสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาจังหวัด ให้เริ่มวางแผนจัดกิจกรรมและการแข่งขันกีฬาอีกครั้ง ภายใต้ข้อจำกัดทางสาธารณสุขและคู่มือจัดการแข่งขัน ขณะที่กีฬาอาชีพที่ได้จัดแข่งขัน เริ่มทยอยมีผู้ชมมากขึ้นตามลำดับ ทั้งมวยไทย ฟุตบอล และฟุตซอล ส่วนกีฬามวลชน และกีฬาเชิงท่องเที่ยว หรือสปอร์ตทัวริซึ่ม เตรียมกลับจัดแข่งขันเต็มรูปแบบอีกครั้ง ทั้งวิ่งบุรีรัมย์มาราธอน วิ่งเทรลยูทีเอ็มบี ที่จะได้เชิญนักกีฬาต่างชาติร่วมแข่งขันสร้างสีสันด้วย
ขณะที่กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ช่วงกลางเดือนพฤษภาคมปีหน้า ที่ประเทศเวียดนาม ล่าสุดเจ้าภาพยืนยันจะจัดแข่งขันเต็มรูปแบบเหมือนเดิมทั้งกีฬาสากล และกีฬาพื้นบ้าน แต่ในส่วนประเทศไทย การกีฬาแห่งประเทศไทย ได้หารือกับคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ในการเตรียมนักกีฬาที่อาจจะมีการทับซ้อนกับกีฬาเอเชียนเกมส์ โดยจะเน้นกีฬาสากลเป็นหลัก เพื่อต่อยอดสู่เอเชียนเกมส์ และโอลิมปิกเกมส์ โดยขอตั้งเป้าเป็นเจ้าเหรียญทองในกีฬาสากล
ส่วนปัญหาที่ประเทศไทยถูกองค์กรต่อต้านสารต้องห้ามโลก หรือวาดา ห้ามเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ รวมถึงไม่สามารถชักธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดเสาในพิธีเปิด พิธีปิด และพิธีรับเหรียญ ในการแข่งขันระดับนานาชาติ หลังจากไม่สามารถทำตามเงื่อนไขของวาดา เกี่ยวกับกระบวนการต่อต้านการใช้สารต้องห้าม ล่าสุดการกีฬาแห่งประเทศไทยได้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ได้ดำเนินการจนเสร็จร่างแรกเรียบร้อย
การที่ประเทศไทยถูกวาดาแบนครั้งนี้ ถือเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบกับภาพพจน์และชื่อเสียง รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศ ที่ต้องสูญเสียรายได้เป็นจำนวนมากจากการจัดแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องคงต้องรีบช่วยกันแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับสารกระตุ้นต้องห้าม รวมถึงตั้งหน่วยงานควบคุมการใช้สารต้องห้าม แยกเป็นหน่วยงานอิสระ เพื่อให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤตินี้ให้ได้อย่างเร่งด่วน.-สำนักข่าวไทย