WHO เชื่อมั่น ไอโอซี และ ญี่ปุ่น ป้องโควิดเข้ม ช่วยโอลิมปิก ปลอดภัย

21 ก.ค.64-โธมัส บาค ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) เป็นประธานการประชุมใหญ่ไอโอซี ครั้งที่ 138 วันที่ 2 ที่โรงแรมโอกุระ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่  21 กรกฎาคม 2564 โดยมี คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูลไอโอซีเมมเบอร์หญิงไทย ซึ่งเดินทางถึงประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้เข้าร่วมประชุมใหญ่ไอโอซีครั้งที่ 138 พร้อม ๆ กับคณะกรรมการบริหารคนอื่น ๆ ด้วย ซึ่งการประชุมครั้งนี้ จัดในรูปแบบนิวนอร์มอล ตั้งโต๊ะแยกอิสระ เป็นรายบุคคล


คุณหญิงปัทมา กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก ทีโดรส อัดฮานอม กรีเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) มากล่าวเปิดในช่วงต้นของการประชุม โดยผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก แสดงความยินดีกับนักกีฬา เจ้าหน้าที่ ที่ได้รับโอกาสเข้าร่วมในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก โตเกียว 2020 และแสดงความชื่นชม ทั้งไอโอซีและเจ้าภาพญี่ปุ่น ที่ทำงานหนักร่วมกันมาตลอดในช่วงก่อนหน้านี้ โดยมีองค์การอนามัยโลก คอยให้คำแนะนำ เพื่อวางมาตรการป้องกัน สู้กับวิกฤติโควิด-19 ร่วมกัน

ในโอกาสนี้ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ระบุว่า ญี่ปุ่นได้มอบความกล้าให้คนทั่วโลก ขอแสดงความเคารพให้ในเรื่องนี้ และขอแสดงความเคารพ ต่อนายกรัฐมนตรี โยชิฮิเดะ ซูกะ และชาวญี่ปุ่นทุกคน ที่จัดโตเกียว 2020 ซึ่งให้ความหวังและแสงสว่างกับผู้คนทั่วโลก โอลิมปิกเกมส์ สามารถนำคนทั่วโลกมารวมกัน และทำให้คนทั่วโลกเกิดความสนใจร่วมกันได้


ผู้คนทั่วโลกถามว่า โรคระบาดนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อใด มีคนเสียชีวิตไปแล้ว 4 ล้านกว่าคน และยังคงมีคนเสียชีวิตเพิ่ม ซึ่งยอดผู้เสียชีวิตปีนี้มากขึ้นเป็นเท่าตัวจากปีที่แล้ว และจะยังคงมีผู้เสียชีวิตอีกนับแสน ผู้คนเหนื่อยหน่ายกับหลาย ๆเรื่อง ตอนนี้โรคระบาดเกิดขึ้นมา 19 เดือนแล้ว แต่เราเพิ่งมีวัคซีนได้ 7 เดือน ทั้งๆ ที่วัคซีนคือเครื่องมือที่ดีในการป้องกันโรคระบาด แต่เราไม่ได้ใช้วัคซีนอย่างที่ควรจะเป็น เพราะวัคซีนกระจุกอยู่กับคนที่มีอภิสิทธิ์ ในขณะที่ยังมีผู้คนอีกมากในโลกที่ไม่สามารถเข้าถึงวัคซีน โดย 75 เปอร์เซ็นต์ ของวัคซีนถูกฉีดให้กับคนใน 10 ประเทศเท่านั้น บางประเทศ ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ในขณะที่บุคลากรทางการแพทย์ในประเทศอื่น ๆ ยังไม่ได้รับวัคซีน

สถานการณ์โรคระบาด เป็นเรื่องที่ทำลายสังคมและเศรษฐกิจ ยิ่งโรคระบาดอยู่นานส่ิงต่าง ๆ ก็จะยิ่งแย่ลง ทั้งการกลายพันธุ์ก็จะมีมากขึ้น และรุนแรงกว่าสายพันธุ์เดลต้าในเวลานี้ แม้แต่ในที่ที่สถานการณ์โรคระบาดจะดีขึ้นแล้ว แต่ในที่อื่นทั่วโลกสถานการณ์ยังแย่อยู่ และตราบใดที่โรคระบาดยังไม่หายไป ไม่มีทางที่เราจะปลอดภัย

ไอซีเมมเบอร์หญิงของไทย กล่าวต่อว่า องค์การอนามัยโลก มีเป้าหมายให้ทุกประเทศฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ ภายในเดือนกันยายนนี้ แต่นอกเหนือจากวัคซีนแล้ว ระบบสาธารณสุขในแต่ละประเทศก็มีความสำคัญมาก โดยเฉพาะมาตรการต่าง ๆ เพื่อรับมือกับโควิด เพราะมาตรการเหล่านี้ ชี้ความเป็นความตายได้เลย


การที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันให้ปลอดภัยไม่ใช่เรื่องง่าย หากแต่เราเชื่อมั่นและหวังว่ามาตรการต่าง ๆ ที่ทั้งไอโอซี และญี่ปุ่น วางแผนร่วมกันมาอย่างดีจะได้ผล ไม่มีอะไรที่ไม่เป็นความเสี่ยง ซึ่งการตัดสินใจของเรา ถ้าไม่เพิ่มก็ลดความเสี่ยง แต่ไม่มีทางทำให้ความเสี่ยงหายไปได้ และเราไม่สามารถทำให้การติดเชื้อเป็นศูนย์ได้ สิ่งที่เราทำได้คือเมื่อพบผู้ติดเชื้อแล้วสามารถตอบสนองได้รวดเร็วและติดตามการแพร่ระบาดของเชื้อ เป้าหมายของทุกประเทศไม่ใช่ศูนย์ราย แต่คือการตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว

รัฐบาลแต่ละประเทศต้องให้ความสำคัญกับเรื่องการปกป้องชีวิตผู้คน และจัดระบบสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพ โดยเรามีโครงการ โคแวคซ์ ที่ทำให้มีการแพร่กระจายวัคซีนไปยังประเทศต่าง ๆ ผ่านความร่วมมือ อีกฝ่ายหนึ่งที่สำคัญคือบริษัทผลิตวัคซีน กับความรับผิดชอบในการทำให้มั่นใจว่าวัคซีนจะมีเพียงพอ ในที่ที่ต้องการ เราต้องการฉีดวัคซีนอีก 1.1 หมื่นล้านโดส ซึ่งควรผลิตให้ได้ภายในปี 2022 ถ้าเป็นในปี 2023 จะช้าไป การผลิตมากขนาดนี้ต้องมีการแบ่งปันองค์ความรู้ ไม่เช่นนั้นจะหาผู้มาช่วยผลิตไม่ทัน

ฝ่ายสำคัญที่ 3 คือ ภาคประชาสังคม ที่ต้องออกมาช่วยกันสนับสนุน เรื่องการจัดหาวัคซีน ในอันที่จะช่วยทำให้เราถึงเป้าหมายในการฉีดวัคซีนให้ได้ 70 เปอร์เซ็นต์ ในทุกประเทศภายในกลางปีหน้า และฝ่ายสุดท้าย คือประชากรของโลก ต้องแสดงความต้องการออกมาให้รัฐบาลและบริษัทวัคซีนฟัง คุณต้องพูดเพื่อให้เกิดการปกป้องชีวิตของพวกคุณเอง

“ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ได้เปรียบเทียบการกระจายวัคซีนไปทั่วโลก กับคำขวัญโอลิมปิกใหม่ “faster higher stronger, together” หรือ “เร็วกว่า สูงกว่า แข็งแรงกว่า ด้วยกัน” ว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ เราจำเป็นต้องกระจายวัคซีนให้เร็วขึ้น (faster) เราต้องให้มีจำนวนคนเข้าถึงวัคซีนได้มากขึ้น (higher) เราต้องแข็งแกร่งขึ้น ในการขจัดอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อจะได้เพิ่มการผลิตวัคซีน (stronger) และเราต้องทำทุกอย่างนี้ร่วมกัน (together) พร้อมกันนี้ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ยังย้ำในตอนท้ายด้วยว่า ขอให้คบเพลิงโอลิมปิก เป็นสัญลักษณ์ของความหวังที่เดินทางไปทั่วโลก และขอให้ความหวังที่เกิดขึ้นในดินแดนอาทิตย์อุทัย ทำให้สังคมโลกมีสุขภาพดีขึ้น และมีความยุติธรรมมากขึ้น” คุณหญิงปัทมา กล่าว-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 : 230

รัฐสภา 15 ส.ค.- ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 ต่อ 230 ด้าน ‘พิชัย’ ขอบคุณสภาฯ ยันจะใช้งบให้ตรงตามวัตถุประสงค์โปร่งใส-เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีการตั้งวงเงินงบประมาณ จำนวน 3.78 ล้านล้านบาท ซึ่งที่ประชุมสภาฯ ใช้เวลาอภิปรายตลอด 3 วัน ระหว่างวันที่ 13-15 สิงหาคม และลงมติเมื่อเวลา 22.50 น. ผลปรากฏว่า จากจำนวนสมาชิก 487 เสียง เห็นด้วย 257 เสียง ไม่เห็นด้วย 230 เสียง งดออกเสียง 1 […]

พลทหารยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ก่อนหนีเข้าป่า จบชีวิตตัวเอง

สุรินทร์ 15 ส.ค. – ตื่นตระหนก เหตุพลทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ควงปืนอาวุธประจำกาย ออกมายิงชาวบ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ก่อนจะหลบหนี และสุดท้ายปลิดชีพตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ ติดตามได้จากรายงานของศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.-สำนักข่าวไทย

ไล่ล่าโจรชิงทอง 123 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง แกะรอยหาเบาะแส ไล่ล่าโจรชิงทองห้างย่านบางบ่อ ยืนยันจำนวนทอง 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้าน ขณะที่พนักงานยังผวาทุกครั้งที่เห็นคนใส่ชุดไรเดอร์เดินเข้าห้าง จากเหตุการณ์คนร้ายแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ สวมกางกางยีนขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว เดินเท้าบุกเดี่ยวมาที่ร้านทอง แล้วชักอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก สีบอร์นซ์ ขู่บังคับให้พนักงานขายทองซึ่งเป็นหญิง 3 คน หยิบทองรูปพรรณส่งให้คนร้าย แต่พนักงานขายทองไม่หยิบส่งให้ และหมอบลงกับพื้น คนร้ายจึงกระโดดข้ามตู้ทองด้านหน้าร้าน ไปเลื่อนกระจกตู้ทองด้านหลัง หยิบเอาทองคำรูปพรรณ มีสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท 24 เส้น รวม 48 บาท […]

ย้าย “ลุงพล” มาคุมขังต่อที่เรือนจำกลางนครพนม

15 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ย้ายตัว “ลุงพล” จำเลยคดีน้องชมพู่ ไปควบคุมต่อที่เรือนจำกลางนครพนม ด้าน “ป้าแต๋น” ตามมาเยี่ยมให้กำลังใจสามี บอกเอาหัวใจมาฝาก ยืนยันลุงพลสู้ต่อถึงฎีกา หลังเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” จำเลยที่ 1 จาก 20 ปี เป็น 26 ปี และยกฟ้อง นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าแต๋น” ในคดีฆ่า เด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ หลังหายตัวจากบ้านพัก ขณะนั่งเล่นกับพี่สาวที่บ้าน กกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ค.2563 ต่อมาจำเลย ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราว และวานนี้ ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ประกันตัว […]