12 ก.ค. – อิตาลี ดวลจุดโทษชนะ อังกฤษ 3-2 หลังเสมอในเวลา 120 นาที 1-1 คว้าแชมป์ยูโรสมัย 2 ต่อจากปี 1968
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร 2020) คู่ชิงชนะเลิศ “สิงโตคำราม” อังกฤษ เปิดสนามเวมบลีย์ พบ “อัซซูรี” อิตาลี เกมนี้มีแฟนบอลเข้ามาชมกว่า 64,000 คน เริ่มเกมไม่ถึง 2 นาที อังกฤษขึ้นนำอย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ คีแรน ทริปเปียร์ โยนบอลให้ ลุค ชอว์ เติมขึ้นมายิงเบียดเสาเข้าไปตุงตาข่าย เป็นประตูที่เร็วที่สุดในศึกยูโรหนนี้ 1 นาที 57 วินาที จบครึ่งแรกอังกฤษ นำ 1-0
ครึ่งหลังนาทีที่ 67 โดมินิโก เบร์ราดี เปิดบอลเตะมุม ไบรอัน คริสตันเต โฉบมาโหม่งบอลสะบัดเลยมาหน้าประตู มาร์โก แวร์รัตติ โขกติดมือ จอร์แดน พิคฟอร์ด ที่เซฟบอลชนเสาก่อนมาเข้าทาง เลโอนาร์โด โบนุชชี ซ้ำระยะเผาขนตุงตาข่ายให้อิตาลีตีเสมอ 1-1
จบ 90 นาที เสมอกัน 1-1 ต้องไปสู้กันอีกในช่วงต่อเวลาพิเศษ 30 นาที ซึ่งทั้ง 2 ทีมมีโอกาสพอๆ กัน แต่ทำประตูเพิ่มไม่ได้ จบ 120 นาที ต้องตัดสินด้วยการยิงจุดโทษ ปรากฏว่า 5 คนแรกของอิตาลี ยิงเข้า 3 คน โดเมนิโก เบราร์ดี, ลีโอนาร์โด โบนุชชี, เฟเดริโก แบร์นาร์เดสคี ขณะที่ อังกฤษ ยิงเข้า 2 คน แฮร์รี เคน กับ แฮร์รี แม็คไกวร์ แต่ 3 คนที่เหลือ มาร์คัส แรชฟอร์ด, เจดอน ซานโช, บูกาโย ซากา ซัดพลาดไปติดเซฟ จานลุยจิ ดอนนารุมม่าทั้งหมด ทำให้ อิตาลี เอาชนะจุดโทษ อังกฤษ 3-2 คว้าแชมป์ยูโรสมัย 2 มาครองในรอบ 53 ปี ต่อจากปี 1968 ได้สำเร็จ และยังทำสถิติไม่แพ้ใครตลอด 34 เกมอีกด้วย
บทสรุปของยูโร 2020 ทีมแชมป์ อิตาลี รองแชมป์ อังกฤษ ดาวซัลโว คริสเตียโน โรนัลโด ทำไป 5 ประตู 1 แอสซิสต์ นักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ จานลุยจิ ดอนนารุมมา ผู้รักษาประตูอิตาลี ส่วนตำแหน่งผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมเป็นของ จอร์แดน พิคฟอร์ด จากทีมชาติอังกฤษ
ด้านแกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ กล่าวว่า ขอรับผิดชอบทุกอย่างกับการเลือกคนยิงลูกจุดโทษ หลังจากที่ “สิงโตคำราม” แพ้ อิตาลี รอบชิงชนะเลิศ จนทำให้อังกฤษ แพ้ไป 2-3. – สำนักข่าวไทย