สมาคมฟุตบอลไทยฯ ใช้อำนาจสภากรรมการ ชี้ขาด ข้อพิพาทในการจัดอันดับ ลีกอาชีพ ไทยลีก 3

กรุงเทพ 27 ม.ค. 64 – ณ ห้องประชุมชั้น 1 ที่ทำการสมาคมฯ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จัดประชุมสภากรรมการ ประจำเดือนมกราคม 2564 ขึ้น โดยมี พล.ต.อ.ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ เป็นประธาน พร้อมด้วย นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมฯ


อุปนายกสมาคมฯ ประกอบด้วย ดร.ลัขณานันท์ ลักษมีธนานันต์, นางศิริมา พานิชชีวะ, นายธนศักดิ์ สุระประเสริฐ, อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ และ นายยุทธนา หยิมการุณ ร่วมประชุมผ่านทางวีดิโอคอนเฟอเรนซ์

สภากรรมการ ประกอบด้วย รศ.ดร. วิชิต คะนึงสุขเกษม, พล.ร.ต.นิกูล อินทรสุวรรณ, นายสมเกียรติ กิตติธรกุล, นายธวัช อุยสุย, นายณรงค์ ห้วยหงส์ทอง, นายศศิศ สิงโตทอง และ นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ,นายพงษ์ศักดิ์ มูลสาร,นายบริพัฒน์ สมมี, นายธนวัชร นิติกาญจนา, ทรงเกียรติ ลิ้มอรุณรักษ์, นายณัฐ ชยุติมันต์, นายมิตติ ติยะไพรัช ร่วมประชุมผ่านทางวีดิโอคอนเฟอเรนซ์


นอกจากนี้ยังมี พล.ต.ท. อำนวย นิ่มมะโน ประธานคณะพิจารณาวินัยและมารยาท / โฆษกสมาคมฯ , นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยลีก จำกัด, นายยงยศ พึ่งธรรม รองเลขาธิการฝ่ายกฎหมาย, นายปิยภัทร สโรบล รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ และ มร.เบนจามิน ตัน ผู้อำนวยการคลับ ไลเซนซิ่ง บริษัท ไทยลีก จำกัด เข้าร่วมประชุม

ภายหลังการประชุม พล.ต.ท. อำนวย นิ่มมะโน โฆษกสมาคมฯ แถลงข่าวกรณีการจัดการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก 3 เพื่อหาตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขันในรอบแชมเปี้ยนส์ลีก เพื่อเลื่อนชั้น ว่า

ตามที่ มีการแพร่ระบาด ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ขึ้น และทางสมาคมฟุตบอลฯได้สั่งให้ยุติการแข่งขัน ฟุตบอลลีกอาชีพ รายการ Regional Championship ฤดูกาล 2563 ลง เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2564 และให้ถือเป็นสิ้นสุดฤดูกาล ในการจัดลำดับอันดับ ทีมที่จะเข้ารอบ ต่อไป 12 ทีม จาก 6 โซน ปรากฏว่า เกิดปัญหา ความขัดแย้ง ในโซน ภาคเหนือ และโซนกรุงเทพฯและปริมณฑลขึ้น กล่าวคือ


โซนภาคเหนือ สโมสรแม่โจ้ ยูไนเต็ด มีคะแนนรวมสะสม เป็นอันดับ 2 มากกว่า สโมสรพิษณุโลก เอฟซี 1 คะแนน แต่ปรากฏว่า สโมสรพิษณุโลกฯ มีนัดการแข่งขัน น้อยกว่าสโมสรแม่โจ้ฯ 1 นัด ซึ่ง ในนัดที่ไม่ได้ทำการแข่งขันนั้น เกิดจาก ฝ่ายจัดการแข่งขัน สั่งให้เลื่อนการแข่งขันออกไปก่อนเนื่องจากมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ตามมาตรการเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาดตามประกาศคณะคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ อันไม่ใช่เป็นความผิดของสโมสรพิษณุโลกฯ ดังนั้นการที่จะใช้ระเบียบข้อบังคับ กำหนดให้ สโมสรแม่โจ้ฯ ได้สิทธิ์ เป็นอันดับ 2 ของโซน ไปทำการแข่งขัน ก็จะทำให้ เกิดความไม่เป็นธรรม กับสโมสรพิษณุโลกฯ ขึ้นได้ จึงถือเป็นเหตุสุดวิสัย ที่จะไม่บังคับ ให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับดังกล่าวแต่ถ้าจะบังคับใช้ก็จะเกิดความไม่เป็นธรรมดังกล่าวแล้ว

โซนกรุงเทพฯและปริมณฑล สโมสรบางกอก เอฟซี กับสโมสร นนทบุรี ยูไนเต็ด ส.บุญมีฤทธิ์ มีคะแนนสะสม ทีมละ 44 คะแนนเท่ากัน ดังนั้น จำต้องพิจารณาตามหลักเกณฑ์อื่นประกอบ ซึ่งถ้าพิจารณา ตามระเบียบข้อ 13.2 ซึ่งมีบทบัญญัติ เป็นหลักเกณฑ์ ที่ใช้ในการพิจารณา เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลแข่งขัน ให้พิจารณาจากผลการแข่งขันแบบ H2H สโมสรบางกอก เอฟซี ก็จะได้สิทธิ์ เป็นทีมอันดับ 2 แต่ถ้าพิจารณาตามหลักเกณฑ์ ข้อ 13.3 ซึ่งเป็นบทบัญญัติ หลักเกณฑ์การจัดอันดับ ในระหว่างการแข่งขัน โดยนำ ผลประตูได้ประตูเสียมาพิจารณา สโมสร นนทบุรี ยูไนเต็ด จะได้สิทธิ์ไปทำการแข่งขัน เป็นทีมอันดับ 2 ซึ่งตามระเบียบทั้ง 2 ข้อดังกล่าว ขาดความชัดเจน ของบทบัญญัติ กล่าวคือ ในระเบียบข้อ 13.3 ไม่มีบทบัญญัติ ที่กล่าวว่า สิ้นสุดฤดูกาลระหว่างการแข่งขัน แต่เมื่อดูเจตนารมณ์ ของบทบัญญัติ ซึ่งทั้งสองสโมสรได้นำระเบียบในข้อนี้มาโต้แย้ง​เพื่อรักษาประโยชน์ของตนเองแล้วในช่วงของการพิจารณา น่าที่จะหมายความรวมถึงการสิ้นสุดฤดูกาลในระหว่างการแข่งขันด้วย เพราะถ้าหาก ให้สิ้นสุดฤดูกาลแข่งขันได้เฉพาะ ในระเบียบข้อ 13.2 เท่านั้น โอกาสที่จะ นำผลการแข่งขัน แบบ H2H มาใช้ในการพิจารณา ก็อาจจะไม่เกิดขึ้น บทบัญญัติของระเบียบข้อบังคับทั้งสองข้อดังกล่าว กับเจตนารมณ์จึงขาดความชัดเจนและย้อนแย้งกันในตัว ดังนั้นการที่จะตีความ บทบัญญัติในระเบียบทั้ง 2 ข้อ ที่ขาดความชัดเจน​ (ตีความตามลายลักษณ์อักษรตาม ข้อ 13.2 หรือ ตีความตามเจตนารมณ์ตามข้อ 13.3) ไปทางใดทางหนึ่ง อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ สโมสรใดสโมสรหนึ่งขึ้นได้ จึงเป็นกรณีที่ ระเบียบข้อบังคับ ขาดความชัดเจน ไม่ครอบคลุมถึงด้วยเป็นเพราะเหตุการณ์ทำนองนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เห็นว่าเพื่อให้เป็นไปตาม ข้อบังคับลักษณะปกครอง

ข้อที่ 3.7 ที่ว่า “เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างสมาชิก สโมสร บุคลากร และนักกีฬาในวงการ” ข้อ 3.8 ที่ว่า “เพื่อส่งเสริมให้บุคลากร และองค์กรที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแข่งขันกีฬาฟุตบอล ปฏิบัติตามข้อบังคับ ระเบียบ และหลักการความยุติธรรม ต่อทุกฝ่าย รวมทั้งหลักการของความจงรักภักดี ความซื่อสัตย์ และยึดหลักคุณธรรมและความมีน้ำใจนักกีฬา”

ข้อ 3.9 ที่ว่า ” เพื่อยุติความขัดแย้ง ภายในที่อาจเกิดขึ้นระหว่างสมาคม กับสมาชิก และระหว่างสมาชิก สโมสรบุคลากรและนักกีฬาในสมาคมฯ” จึงอาศัยอำนาจ ตาม ข้อ 82 ที่ว่า “กรณีใดๆ ที่ข้อบังคับมิได้กำหนดไว้ก็ดี หรือ กรณีเกิดเหตุสุดวิสัยก็ดี ให้สภากรรมการเป็นผู้ตัดสินชี้ขาด”

โดยมติของสภากรรมการ ในการประชุมครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันพุธที่ 27 มกราคม 2564 มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้จัดการแข่งขัน ฟุตบอลนัดพิเศษ ( Play Off ) ขึ้นทั้ง 2 คู่ คือ สโมสรแม่โจ้ ยูไนเต็ด แข่งขันกับ สโมสรพิษณุโลก เอฟซี และ สโมสรบางกอก เอฟซี แข่งขันกับ สโมสรนนทบุรี ยูไนเต็ด ส.บุญมีฤทธิ์ เพื่อหาผู้ชนะ ให้ได้สิทธิ์ ไปทำการแข่งขันฟุตบอลรอบ ออมสิน ลีก เนชั่นแนล แชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาล 2563 ในฐานะทีมอันดับ 2 โดยให้นำระเบียบว่าด้วยการจัดการแข่งขันมาใช้โดยอนุโลม แต่ถ้าทั้ง 4 ทีมไม่มาร่วมทำการแข่งขัน ให้ปรับทั้ง 4 ทีมเป็นแพ้และตัดสิทธิ์ในการเป็นตัวแทนโซน โดยให้เลื่อนสโมสรที่มีคะแนนอันดับถัดไปขึ้นมาแทน

“กีฬาต้องพิสูจน์กันด้วย ความสามารถทางการกีฬา” โฆษกสมาคมกล่าวทิ้งท้าย

สำหรับ โปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก 3 จะเริ่มแข่งขันรอบออมสิน ลีก เนชั่นแนล แชมเปี้ยนชิพ ในวันที่ 6-7 กุมภาพันธ์ 2564 และสิ้นสุดรอบแบ่งกลุ่ม วันที่ 6-7 มีนาคม 2564 ส่วนรอบชิงชนะเลิศ และชิงอันดับ 3 จะเริ่มแข่งนัดแรกวันที่ 13-14 มีนาคม 2564 และนัดที่ 2 วันที่ 20-21 มีนาคม 2564.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธไฮเทคสำหรับยิงโดรน

นครราชสีมา 2 ส.ค.-กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้ทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เรียบร้อยแล้ว ด้านชาวอุดรธานี แห่บริจาคหนังสติ๊กพร้อมลูกแก้ว ตามที่ทหารขอมาจำนวนมาก หลังทหารกัมพูชายังก่อกวน ยั่วยุ ทั้งขว้างก้อนหินใส่ และมีโดรนปริศนามาบินอีก จากกรณีที่ช่วงนี้ มีการตรวจพบโดรนไม่ทราบฝ่าย เข้ามาบินตรวจการณ์ในพื้นที่ที่ตั้งทางทหาร ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวล และสงสัยว่าอาจเป็นภัยคุกคามร้ายแรงจากประเทศเพื่อบ้าน ที่กำลังมีปัญหาระหว่างประเทศกับประเทศไทย ทำให้เมื่อวานเพจกองทัพภาคที่ 2 ได้แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้มีการทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวานนี้ (1 ส.ค.68) เฟซบุ๊กเพจ กองทัพภาคที่2 ได้แชร์ข้อมูลเพจ SMART Soldiers Strong ARMY พร้อมระบุข้อความว่า “หากศัตรูซ่อนตัวในเงามืด เราจะเป็นแสงที่มองเห็นมันก่อนใคร”เลเซอร์พร้อมยิง — ทหารไทยพร้อมรบโดยอาวุธชนิดนี้ คือ Directed Energy Weapon หรือ (DEW) เป็นอาวุธยุคใหม่ที่กองทัพอากาศไทยพัฒนาขีดความสามารถอย่างต่อเนื่อง […]

โฆษก ทบ. ซัดเขมรบิดเบือน กล่าวหาไทยทำร้าย 2 ทหารเขมร

2 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก ซัด เขมรบิดเบือน กล่าวหาไทยทำร้าย 2 ทหารเขมรจนพิการและมีปัญหาทางจิต ยันมีหลักฐานชัดทำทุกอย่างภายใต้กติกาสากล จากกรณี สื่อกัมพูชาปั่นข่าวหนักโจมตีกล่าวหาไทย อ้างว่าปฏิบัติโหดกับ 2 ทหารกัมพูชาที่ถูกส่งกลับ จนพิการและมีปัญหาทางจิต พร้อมจะยื่นเรื่องถึงยูเอ็นนั้น ล่าสุดเมื่อเวลา 11.08 น. วันที่ 2 ส.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กรณีที่ทหารไทยจับกุม และควบคุมตัว ทหารกัมพูชา ภายหลังจากข้อตกลงหยุดยิง โดยกล่าวหาว่าไทยทำร้ายร่างกายอย่างไม่เป็นธรรมทำก่อนส่งกลับนั้น เป็นเพียงคำกล่าวหา บิดเบือนจากฝ่ายกัมพูชา และการหยุดยิงแบบฉับพลัน แต่สถานการณ์ความขัดแย้งที่มีการใช้อาวุธต่อกัน ยังไม่สิ้นสุดลงอย่างแท้จริงตามกฎหมายสากล กระบวนการฝ่ายทหารในการควบคุมตัวไว้ก่อน จึงยังสามารถทำได้ตามอนุสัญญาเจนีวา พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ในส่วนของกองทัพบก มีแผนและพร้อมที่จะเชิญองค์กรระหว่างประเทศ เช่น ICRC มาดูความเป็นอยู่ของเชลยศึกที่ถูกควบคุมตัว ซึ่งอยู่ในกรอบการดำเนินการตามขั้นตอนของอนุสัญญาเจนีวาอย่างสมบูรณ์ และชัดเจน หากกังวลเรื่องความเป็นอยู่ เพราะรู้เท่าทันว่าฝ่ายกัมพูชาจะนำเรื่องนี้ไปบิดเบือนทำลายความน่าเชื่อถือฝ่ายทหารไทย ทางผู้แทน UNHCR และ ICRC จึงสามารถขอเข้ามาดูได้ […]

ชาวบ้านร่วมวางดอกไม้ไว้อาลัยเหตุกัมพูชายิงจรวดใส่ร้านสะดวกซื้อ

ศรีสะเกษ 2 ส.ค.-เช้านี้บรรยากาศที่ปั๊มน้ำมันบ้านผือ อ.กันทรลักษ์ เต็มไปด้วยความสลด ชาวบ้านร่วมกิจกรรมวางดอกไม้แสดงความไว้อาลัยผู้เสียชีวิต จากเหตุถูกกัมพูชายิงจรวดใส่ และจับกลุ่มพูดคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชาวบ้านจากหมู่บ้านต่างๆในอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทยอยเดินทางมาที่ปั๊ม ที่ถูกกัมพูชาโจมตีโดยการยิงจรวด BM-21 ใส่ เมื่อวันที่24 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยจรวจตกใส่บริเวณร้านสะดวกซื้อ ส่งผลให้มีประชาชนเสียชีวิต 8 ราย และบาดเจ็บอีก 15 คน ในจำนวนผู้เสียชีวิตมีแม่และลูกวัย 8 ขวบ ชาวบ้านร่วมกันเขียนข้อความแสดงความไว้อาลัย ก่อนร่วมกันนำข้อความพร้อมดอกไม้ชูขึ้น เพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ว่าการที่ทหารกัมพูชาโจมตีพื้นที่พลเรือนถือเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม จากนั้นได้รวมกันนำดอกไม้ไปวางเพื่อแสดงความไว้อาลัยบริเวณด้านหน้าร้านสะดวกซื้อที่ถูกกัมพูชายิงจรวดใส่ นอกจากชาวบ้านแล้วยังมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ที่มาร่วม วางดอกไม้ แสดงความไว้อาลัย ตัวแทนชาวบ้านบอกว่า การร่วมวางดอกไม้ในครั้งนี้เพื่อต้องการให้ผู้เสียชีวิตไปสู่ภพภูมิที่ดี พร้อมขอประณามกัมพูชา ที่เลือกยิงเป้าหมายเป็นประชาชน ทั้งที่ตำบลเมืองถือเป็นพื้นที่สีเขียว แต่ยังมีกระสุนตกใส่ และการที่เป็นพื้นที่สีเขียว จึงไม่ได้มีการอพยพประชาชน หากตกใส่หมู่บ้าน เชื่อว่าจะมีความสูญเสียเกิดขึ้นมากกว่านี้.-สำนักข่าวไทย

กองทัพบก ยกระดับมาตรการรับมือภัยคุกคามจากโดรน

กทม. 2 ส.ค.-กองทัพบกบูรณาการทุกภาคส่วน ยกระดับมาตรการรับมือภัยคุกคามจากโดรน หลังพบมีความพยายามบินตรวจการณ์ที่ตั้งทางทหาร ตามที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2568 เรื่องห้ามมิให้ผู้ใดบังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน หรือ “โดรน” ที่ควบคุมการบินจากภายนอก, ทุกวัตถุประสงค์การใช้งาน, และทุกพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาในปัจจุบัน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารหรือหน่วยงานด้านความมั่นคงที่ได้รับมอบหมาย มีอำนาจในการใช้ระบบต่อต้านโดรน (Anti-Drone System) รวมถึงสามารถดำเนินการทำลายโดรนจากภาคพื้นดินได้ทันที ในการนี้ พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ถึง 4 และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 1 ถึง 4 ดำเนินมาตรการตามแนวทางดังต่อไปนี้ •ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด โดยมีรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (ฝ่ายทหาร) เป็นผู้รับผิดชอบในการหารือและประสานการปฏิบัติกับส่วนราชการ หน่วยงาน และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคเป็นผู้ทำหน้าที่ควบคุมและวางแผนภาพรวมในการป้องกันและต่อต้านการใช้โดรนไม่ทราบฝ่าย •ให้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ จังหวัด ตำรวจภูธรจังหวัด หน่วยงานความมั่นคง ภาคเอกชน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งจัดตั้งชุดเคลื่อนที่เร็ว ประกอบด้วยกำลังจากฝ่ายพลเรือน ตลอดจนตำรวจจากสถานีตำรวจภูธร […]