กรุงเทพฯ 7 ต.ค.- “มาดามแป้ง” ยื่นอุทธรณ์ต่อสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของคณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาท ที่สั่งปรับการท่าเรือแพ้ในฐานะเจ้าบ้าน ในการแข่งขันวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา
นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟซี ยื่นอุทธรณ์โทษ หลังสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ มีมติลงโทษปรับการท่าเรือ เอฟซี แพ้ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด
หลังจาก พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ประธานคณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย แถลงกรณีเหตุการณ์หม้อแปลงระเบิด ที่สนามแพท สเตเดียม ก่อนเกมฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก 2020 ระหว่าง การท่าเรือ เอฟซี กับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ทำให้ไม่สามารถจ่ายไฟเข้าสนามได้ จนต้องยุติการแข่งขัน โดยระบุว่า จากการสอบสวนเหตุหม้อแปลงระเบิด ไม่ใช่ระเบิดจากภายนอก หรือเหตุก่อวินาศกรรม แต่เป็นเหตุไฟฟ้าลัดวงจร จากตู้จ่ายกระแสไฟแรงต่ำของสนาม ซึ่งเป็นความบกพร่องของสโมสรการท่าเรือ เอฟซี ไม่ใช่เหตุสุดวิสัย คณะกรรรมการฯ มีมติยึดตามระเบียบ ข้อ 5.1.7 และ 5.1.9 ปรับให้สโมสรการท่าเรือ เอฟซี แพ้ 0-2 พร้อมปรับเงิน 50,000 บาท และชดใช้ค่าใช้จ่ายตามจริง อย่างไรก็ตาม เปิดให้ทีมการท่าเรืออุทธรณ์โทษได้
ล่าสุด “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟซี ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของคณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาท ที่สั่งปรับการท่าเรือแพ้ในฐานะเจ้าบ้าน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนการแข่งขันเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากมีการระเบิดถึง 3-4 ครั้ง และเกิดเพลิงไหม้ขึ้นโดยในขณะนั้นยังไม่สามารถจะตรวจสอบได้ว่าเกิดจากสาเหตุใด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าเรือ และเจ้าหน้าที่เก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด EOD ได้ขอไม่ให้ใช้เครื่อง generator และเครื่องดับเพลิง เนื่องจากยังมีความเสี่ยง โดยให้เหตุผลว่าเป็นไปเพื่อความปลอดภัยของแฟนบอลจำนวนกว่า 1,500 คน รวมถึงนักกีฬา และเจ้าหน้าที่ของทั้งสองสโมสรเป็นสำคัญ
นอกจากนี้ แมทช์คอมหรือผู้ควบคุมการแข่งขันได้เรียกผู้แทนทั้งสองทีม ผู้ตัดสิน และเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปในห้อง ซึ่งตำรวจทั้ง สน.ท่าเรือ และหน่วย EOD ก็ได้แนะนำว่า ไม่ควรให้มีการแข่งขัน เนื่องจากอาจจะเกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้เกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ชมหรือแฟนบอลได้ จึงได้มีการเห็นพ้องต้องกันทุกฝ่ายว่าควรเลื่อนการแข่งขันออกไป ทางตำรวจเองก็มีหนังสือออกมาแล้วว่าได้สั่งไม่ให้แข่งขันกัน ดังนั้น หากจะตัดสินว่าสโมสรการท่าเรือมีความบกพร่องและจะต้องถูกปรับแพ้ เนื่องจากความไม่พร้อมของเครื่องปั่นไฟหรือเครื่อง generator จึงไม่สอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากในขณะนั้น สโมสรยึดเอาความเห็นของตำรวจ ซึ่งคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยมาเป็นอันดับแรก ดังนั้น คำตัดสินจึงน่าผิดหวัง
นอกจากนี้ สโมสร “สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือ เอฟซี เตรียมทำเรื่องไปยัง สมาคมฯ เพื่อขอเปลี่ยนสนามเหย้าเป็นสนามกลางจนจบเลกแรก ในฤดูกาล 2020-21 โดยคาดว่าเตรียมไปใช้สนามจุ๊บ หรือสนามกีฬาจุฬาลงกรณ์ ซึ่งอยู่ห่างจาก แพท สเตเดียม เพียง 5.8 กิโลเมตร อีกทั้งยังมีมาตรฐานไฟฟ้า เป็นสนามที่ปลอดภัยสามารถควบคุมได้ง่าย ไม่ต้องปรับปรุงอะไรเยอะมาก และแฟนบอลท่าเรือก็เดินทางสะดวกด้วย โดยมีทีม จามจุรี ยูไนเต็ด ใช้งานอยู่ในตอนนี้.-สำนักข่าวไทย