สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ 29 ก.ค.- รองประธานบริษัท ไทยลีก จำกัด ยอมรับว่า ไทยลีกมีค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาล และหลังจากทรูวิชั่นส์ถอนตัวทำให้ทุกสโมสรได้รับผลกระทบหนักโดยเฉพาะไทยลีก 3
นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล รองประธาน บริษัท ไทยลีก จำกัด ยอมรับว่า สโมสรในไทยลีก 3 จะไม่ได้รับเงินสนับสนุนทีม หลังจาก บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด ยืนยัน จะถ่ายทอดสด และจ่ายเงินค่าลิขสิทธิ์ฟุตบอลอาชีพไทยถึงวันที่ 25 ตุลาคมนี้เท่านั้น แม้ว่าโปรแกรมแข่งขันจะวางไว้ใหม่ ตั้งแต่กันยายน 2563 – พฤษภาคม 2564 หลังจากเจอพิษโควิด-19 เล่นงาน
ล่าสุด นายกรวีร์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ต้องเอาตัวเลขที่แท้จริงมาคุยกัน โดยเงินลิขสิทธิ์ ทรูวิชั่นส์ จ่ายงวดแรก 400 ล้านบาท จากจำนวนเต็มทั้งฤดูกาล 1,200 ล้านบาท ยังขาดอีกถึง 800 ล้านบาท ส่วนเงินที่จะมอบให้สโมสรไทยลีก 3 สโมสรละ 2 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินสนับสนุนทีม 1 ล้านบาท กับโครงการ “เอฟเอ ดีเวลอปเมนต์ โปรแกรม” อีก 1 ล้านบาท รวมทั้งลีก 80 ทีม เป็นเงิน 160 ล้านบาท เป็นเรื่องยากที่จะหาเงินมาสนับสนุน หลังจาก ทรูวิชั่นส์ ถอนตัว สำหรับเงินสนับสนุนของสโมสรไทยลีก 1-2 จะจ่ายเพิ่มจากงวดแรกเท่าไร ต้องดูค่าลิขสิทธิ์ของบริษัทที่จะมารับช่วงต่อจากทรูวิชั่นส์ ที่มีกระแสข่าวว่า บริษัท เซ้นส์ เอนเตอร์เทน เมนท์ จำกัด ของคุณวราวุธ เจนธนากุล จะเข้ามารับช่วงต่อ ซึ่งถ้าเป็นจริงก็ต้องมาดูว่าจะตกลงกันได้ด้วยจำนวนเงินเท่าไร แต่คาดว่าจะได้ไม่เยอะมากด้วยเวลาที่กระชั้นชิดแบบนี้
ส่วนกรณีที่สโมสรจะขอพักทีม จะต้องมีบทลงโทษอย่างไรบ้าง เช่นเมื่อกลับมาต้องไปเล่นในไทยแลนด์อเมเจอร์ลีก บทลงโทษนี้จะคงไว้หรือไม่ นายกรวีร์ ยืนยันว่า ต้องคุยกับสโมสรก่อน ซึ่งตนเองเข้าใจดีว่าเงิน 2 ล้านบาท สำหรับทีมในไทยลีก 3 ถือว่าเยอะมาก ตรงนี้เห็นใจมาก ส่วนกรณีที่จะปรับระบบแข่งขันหรือไม่ ก็ต้องมาหารือกับสโมสรอีกครั้ง
หากคิดจำนวนเงินสนับสนุนกับเงินเอฟเอดีเวลลอป โปรแกรม ไทยลีก 1 จำนวน 400 ล้านบาท, ไทยลีก 2 จำนวน 72 ล้านบาท และไทยลีก 3 จำนวน 160 ล้านบาท รวมแล้วมากกว่า 600 ล้านบาทที่ต้องมอบให้ทุกสโมสร นอกจากนี้ ยังมีค่าจัดการแข่งขัน ทั้งค่าจ้างผู้ตัดสิน ผู้ควบคุมการแข่งขัน นัดละ 20,000-30,000 บาท โดยไทยลีก 3 มีเตะเป็นพันนัด ส่วนไทยลีก 1 นัดเดียวประมาณ 40,000-50,000 บาท รวมถึงค่าบริหารจัดการของสมาคมฯ ทั้งทีมชาติ, อบรมโค้ช, พัฒนาบอลเยาวชน ที่ปกตินำมาจากเงินลิขสิทธิ์ จึงเป็นเรื่องยากที่จะหาเงินมาโปะให้เพียงพอกับส่วนต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ตอนนี้ทุกฝ่ายทั้งสมาคม, บริษัท ไทยลีก, สโมสร และผู้ที่เกี่ยวข้องต้องมาช่วยกันระดมความคิดหาทางออกให้กับวงการฟุตบอลอาชีพของไทยต่อไป.-สำนักข่าวไทย