24 มี.ค. – ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย กับ นายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม นายกสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย จะเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยคนใหม่ ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (25 มี.ค.)
วันพรุ่งนี้ (25 มีนาคม) ถือเป็นวันสำคัญของวงการกีฬาไทย ที่กำลังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด เมื่อจะมีการประชุมสมัชชาใหญ่สามัญประจำปี 2567 ของคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย โดยมีวาระสำคัญ คือการเลือกตั้งประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยคนใหม่ แทนที่ “บิ๊กป้อม” พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานโอลิมปิกคนเก่าที่หมดวาระ
ซึ่งที่ผ่านมามีกระแสข่าวอย่างต่อเนื่องถึง 3 ผู้ชิงตำแหน่งประธานโอลิมปิคไทยคนใหม่ ได้แก่ คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซีเมมเบอร์ และนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ, “บิ๊กเอ” ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโด้แห่งประเทศไทย และ “บิ๊กสุชัย” นายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม นายกสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย
แต่ล่าสุด คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ตัดสินใจถอนตัวลงชิงตำแหน่งประมุขโอลิมปิคไทย ทำให้เหลือผู้ลงชิงตำแหน่งเพียง 2 คน คือ ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ กับ นายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม ซึ่งทั้งสองท่าน ก็ได้ประกาศความมั่นใจ และเปิดตัวทีมงานอย่างเป็นทางการ
เริ่มที่ ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ที่ได้รับการสนับสนุนจาก นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ นายกสมาคมกีฬาฮอกกี้ฯ, พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกกิตติมศักดิ์สมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ, และนายธนา ไชยประสิทธิ์ นายกสมาคมกีฬาตะกร้อฯ
ผศ.พิมล เตรียมตั้ง “มาดามแป้ง” คุณนวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย นั่งตำแหน่งรองประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย หากได้รับการเลือกตั้ง โดยมั่นใจว่าตนเอง ที่ฝากผลงานให้กับวงการกีฬาไทย ด้วยการนำทีมเทควันโด้ไทย คว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2 สมัยในปี 2020 และ 2024 จาก “น้องเทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จะได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกให้เป็นประมุขโอลิมปิกไทยคนใหม่ โดยนโยบายเร่งด่วน ของ ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ได้แก่
- ปรับเพิ่มเบี้ยเลี้ยงนักกีฬาเก็บตัวจาก 900 บาท เป็น 1,200 บาท
- เพิ่มเงินรางวัลซีเกมส์ เหรียญทองจาก 300,000 บาท เป็น 500,000 บาท
- จัดสรรเงินอัดฉีดพิเศษ 2 ล้านบาท ด้วยงบประมาณรวม 150-200 ล้านบาท
ด้านนายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม นายกสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย ได้เปิดตัวทีมงานในการลงชิงตำแหน่ง โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร สมาคมกีฬามวยสากลฯ, รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้สนับสนุนหลัก รวมถึง ดร.สีหศักดิ์ อารีราชการัณย์ นายกสมาคมกีฬาฟิกเกอร์และสปีดสเก็ตติ้งฯ ลูกชายของ “เสธจารึก” พลตรี จารึก อารีราชการัณย์ อดีตเลขาธิการโอลิมปิกไทย ผู้ล่วงลับ และล่าสุดมีข่าวได้อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ตอบรับเป็นประธานที่ปรึกษาประธานโอลิมปิคไทยคนใหม่ หากนายสุชัยได้รับตำแหน่ง
โดยนโยบายหลักของนายสุชัย ได้แก่
- ระดมทุน 200 ล้านบาทจากภาคเอกชน จัดตั้งกองทุนช่วยเหลือสมาคมกีฬาที่ขาดแคลน
- จัดทำบันทึกข้อตกลง หรือ MOU 3 ฝ่าย ระหว่างโอลิมปิกไทย, การกีฬาแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬา
- ผลักดันให้ไทยเป็นเจ้าภาพกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 23 ในปี 2038
สำหรับการเลือกตั้งประธานโอลิมปิคไทยวันพรุ่งนี้ เวลา 09.00 น. มีผู้มีสิทธิลงคะแนนทั้งสิ้น 48 เสียง ประกอบ ด้วย
- 37 เสียงจากสมาคมกีฬา
- 9 เสียงจากผู้ทรงคุณวุฒิ
- 1 เสียงจาก IOC Member
- 1 เสียงจากตัวแทนนักกีฬา
สิ่งที่น่าจับตามอง นอกจากคะแนนเสียงจากผู้สนับสนุนของทั้งสองฝ่ายที่มีอยู่ในมือแล้ว ตัวแปรสำคัญที่จะตัดสินผู้ชนะคือ คะแนนเสียงจากผู้สนับสนุนคุณหญิงปัทมา ที่ถอนตัวไปจะสวิงไปอยู่กับฝ่ายไหน แต่สุดท้ายสิ่งที่คนในวงการกีฬาไทยกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด และแสดงความเป็นห่วง คือ เบื้องหลังของทั้งสองฝ่าย ที่มีการเมืองเข้ามามาพัวพันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ อดีต สส. พรรคเพื่อไทย และเป็นที่ปรึกษานโยบายกีฬาของพรรค รวมถึงเป็นหนึ่งในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติของรัฐบาลปัจจุบัน ขณะที่นายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม นักธุรกิจด้านพลังงาน ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นฐานเสียงสำคัญ รวมถึงอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ที่จะเข้ามาเป็นประธานที่ปรึกษา ยิ่งทำให้ภาพการถูกครอบงำจากการเมืองชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งสุดท้ายก็อยู่ที่ทั้งสองท่านว่าจะลดการแทรกแซงทางการเมือง เข้ามาทำงานเพื่อวงการกีฬาไทยได้อย่างที่ประกาศไว้ได้จริงหรือไม่.-สำนักข่าวไทย