“เวฟ วีรพล” ฮึดสู้พลิกกลับมาคว้าเหรียญเงินยกเหล็กโอลิมปิก

ฝรั่งเศส 9 ส.ค. – “เวฟ” วีรพล วิชุมา จอมพลังหนุ่มวัย 19 ปี สู้สุดใจกัดฟันฮึด พลิกกลับมาคว้าเหรียญเงิน ยกน้ำหนัก รุ่น 73 กก.ชาย โอลิมปิก 2024 พร้อมทุบสถิติเยาวชนโลก ท่าคลีนแอนด์เจิร์ก ของตัวเอง


การแข่งขันกีฬายกน้ำหนัก ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ “ปารีส 2024“ ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส หลังจากจอมพลังไทยประเดิมผลงานยอดเยี่ยม เมื่อวันที่ 7 ส.ค.67 คว้า 1 เหรียญเงิน และ 1 เหรียญทองแดง โดยเหรียญเงินได้จาก “ฟ่าง” ธีรพงศ์ ศิลาชัย รุ่น 61 กิโลกรัมชาย และเหรียญทองแดง จาก “ออย” สุรจนา คำเบ้า รุ่น 49 กิโลกรัมหญิง

ล่าสุดวันที่ 8 ส.ค.67 ทีมไทยยังได้ลุ้นเหรียญรางวัลต่อเนื่องจาก “เวฟ“ วีรพล วิชุมา ดาวรุ่งชาว จ.สุรินทร์ ในรุ่น 73 กิโลกรัมชาย จอมพลังไทยนับเป็นนักกีฬาอายุน้อยที่สุดในรุ่นนี้ โดยวันที่ 10 ส.ค.67 จะอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์


สำหรับ “วีรพล” เคยสร้างผลงานยอดเยี่ยมด้วยการคว้า 2 เหรียญทอง และ 1 เหรียญเงิน จาก ยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งโลก ปี 2566 ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย, เจ้าของเหรียญเงิน เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่นครหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากนี้ วีรพล ยังเป็นเจ้าของสถิติเยาวชนโลก ท่าคลีนแอนด์เจิร์ก สถิติ 195 กิโลกรัม ทำได้ใน ยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งโลก ปี 2566 ที่ซาอุดีอาระเบีย เมื่อ 4 ก.ย.66 และเป็นเจ้าของสถิติเยาวชนโลก น้ำหนักรวม สถิติ 351 กิโลกรัม ทำได้ในศึกเอเชี่ยนเกมส์ ครัังที่ 19 “หางโจวเกมส์” เมื่อ 30 ก.ย.66 โดย “หางโจวเกมส์” วีรพล ยกท่าสแนทช์ได้ 156 กิโลกรัม เป็นสถิติที่ดีที่สุดของตัวเองในท่านี้ด้วย ส่วนท่าคลีนแอนด์เจิร์กยกได้ 195 กิโลกรัม

สำหรับคู่แข่งสำคัญในรุ่นนี้ นำโดย ฉี ซีหยง จากจีน เจ้าของเหรียญทอง โอลิมปิก “โตเกียว 2020” โดยครั้งนั้นทำสถิติโอลิมปิกใหม่ทั้ง 3 ท่า ท่าสแนทช์ 166 กิโลกรัม, ท่าคลีนแอนด์เจิร์ก 198 กิโลกรัม, น้ำหนักรวม 364 กิโลกรัม และยังเป็นเจ้าของสถิติโลก ท่าสแนทช์ 169 กิโลกรัม ด้วย นอกจากนี้ ยังมี ริซกี จูเนียนสยาห์ จากอินโดนีเซีย วัย 21 ปี เจ้าของสถิติโลก น้ำหนักรวม 365 กิโลกรัม และเจ้าของสถิติเยาวชนโลก ท่าสแนทช์ 157 กิโลกรัม

ท่าสแนทช์ วีรพล ออกมายกครั้งแรกผ่านที่ 148 กิโลกรัม ครั้งที่ 2 เรียกเหล็ก 152 กิโลกรัม แต่ยกไม่ผ่าน แม้จะพยายามออกมาแก้ตัวในครั้งที่ 3 ที่น้ำหนักเดิม แต่ทำไม่สำเร็จ ทำให้สถิติอยู่ที่ 148 กิโลกรัม จบที่ 9 ทำให้ต้องลุ้นหนักในท่าคลีนแอนด์เจิร์ก ส่วนที่ 1 ในท่านี้เป็นของ ฉี ซีหยง จากจีน สถิติ 165 กิโลกรัม


ท่าคลีนแอนด์เจิร์ก วีรพล ออกมากัดฟันสู้เต็มที่ ครั้งแรกยกผ่านที่ 190 กิโลกรัม ยกครั้งที่ 2 ยกผ่านที่ 194 กิโลกรัม และครั้งที่ 3 ฮึดเรียกเหล็กไปที่ 198 กิโลกรัม เพื่อหวังเบียดลุ้นเหรียญรางวัล ปรากฏว่า วีรพล รวมพลังงัดทีเด็ดยกผ่านไปได้แบบสะใจกองเชียร์ พร้อมทำลายสถิติเยาวชนโลกในท่านี้ของตัวเองลงได้ด้วย (สถิติเดิม 195 กิโลกรัม และขณะนี้ วีรพล ยังอายุไม่ 20 ปีบริบูรณ์) พร้อมขยับสถิติน้ำหนักรวมมาอยู่ที่ 346 กิโลกรัม รับเหรียญเงินไปครอง โดยตอนนี้สมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ส่งนักกีฬาลงแข่งขันใน “ปารีส 2024” ไปแล้ว 3 คน คว้ามาครบ 3 เหรียญรางวัล

ส่วนเหรียญทอง เป็นของ ริซกี จูเนียนสยาห์ จากอินโดนีเซีย 354 กิโลกรัม (155-199 โดยท่าคลีนแอนด์เจิร์กทำสถิติโอลิมปิกใหม่), เหรียญทองแดง แอนเดรียฟ บอซฮิดาร์ ดืมิทรอฟ จากบัลแกเรึย 344 กิโลกรัม (154-190) ขณะที่ “ตัวเต็ง” ฉี ซีหยง จากจีน แชมป์เก่า ยกท่าคลีนแอนด์เจิร์ก ไม่ผ่าน 3 ครั้ง ไม่มีสถิติในท่านี้ และไม่มีสถิติน้ำหนักรวม

จากการคว้าเหรียญโอลิมปิกครั้งนี้ของ “วีรพล” ทำให้เจ้าตัวทำตามความฝันตัวเองสำเร็จ เนื่องจากเคยให้สัมภาษณ์หลังคว้าเหรียญเงิน “หางโจวเกมส์“ ว่า ”ผมมีตัวเองป็นไอดอล และเป้าหมายต่อไปคือการคว้าเหรียญโอลิมปิกเกมส์“

สำหรับเงินรางวัล ที่ วีรพล วิชุมา ได้รับ จากการคว้าเหรียญเงิน มาจาก กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทย 7.2 ล้านบาท (จ่ายเป็นเงินก้อนอัตราร้อยละ 50 ส่วนอีกร้อยละ 50 แบ่งจ่ายเป็นรายเดือนในระยะเวลา 4 ปี), เงินเดือนจากคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ เดือนละ 10,000 บาท เป็นเวลา 20 ปี เป็นเงิน 2.4 ล้านบาท และจาก บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) 5 แสนบาท รวมเป็นเงิน 10.1 ล้านบาท

ทั้งนี้ “เสธ.ยอด” พลตรี อินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย “มาดามบุษ” นางบุษบา ยอดบางเตย ประธานที่ปรึกษาฯ, นายปรัชญา กีรตินันท์ นายกสมาคมฯ, พลเอก วิสุทธิ์ เดชสกุล เลขาธิการสมาคมฯ, พลอากาศโท วัฒนชัย เจริญรัตน์ กรรมการและประธานฝ่ายเทคนิค, นายสมโภชน์ ยิ้มพลอย กรรมการและประธานฝ่ายจัดการแข่งขัน รวมถึง ดร.นิวัตน์ ลิ้มสุขนิรันดร์ อธิบดีกรมพลศึกษา ในฐานะ กรรมการบริหารสหพันธ์ยกน้ำหนักแห่งเอเชีย ได้ร่วมชมการแข่งขันติดขอบสนามด้วย

นอกจากนี้ ที่ศูนย์ฝึกกีฬายกน้ำหนัก ภายในกองพันพัฒนาที่ 3 จังหวัดเชียงใหม่ นักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทยได้ร่วมชมการถ่ายทอดสดส่งกำลังใจให้ทัพจอมพลังไทยด้วย

สรุปผลงานจอมพลังไทยใน “ปารีส 2024” คว้าไปแล้ว 2 เหรียญเงิน และ 1 เหรียญทองแดง

สำหรับนักกีฬายกน้ำหนัก ยังมีลุ้นรางวัลส่งท้ายอีก 1 รุ่น จาก “ส้ม” ดวงอักษร ใจดี รุ่นมากกว่า 81 กิโลกรัมหญิง ในวันที่ 11 ส.ค.67 เวลาไทย 16.30 น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]