“พัทยา มาราธอน” ยืนหนึ่งนักวิ่ง 1.5 หมื่นคนร่วม “นายกเมือง” ประกาศปิดถนน 100 % คาดเงินสะพัด 250 ล้าน

3 ก.ค. ที่โรงแรมดุสิตธานีพัทยา นายธวัชชัย ทองศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี มอบหมายให้ นายอำนาจ เจริญศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานแถลงข่าวความพร้อมในการจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนส่งเสริมการท่องเที่ยวนานาชาติ รายการ “Amazing Thailand Pattaya Marathon 2024 presented by MAMA” โดยมี นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา, พล.ต.ต.สุรพงษ์ อาริยะมงคล อุปนายกและเลขาธิการสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยฯ, นายณัฐ ครุฑสูตร ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), นายบันลือ กุลละวณิชย์ ประธานสภาเมืองพัทยา, นายกฤษณะ บุญสวัสดิ์ รองนายกเมืองพัทยา, นายมาโนช หนองใหญ่ รองนายกเมืองพัทยา, นางสาวทิฐิพันธ์ เพ็ชรตระกูล รองนายกเมืองพัทยา, พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 2, พ.ต.อ.จักรพันธุ์ กิตติสิริพรกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี, พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผู้กำกับ สภ.เมืองพัทยา, นายปราจีน เอี่ยมลำเนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน), นายกอบเกียรติ แสงวนิชย์ ผู้อำนวยการจัดการแข่งขัน จากไทยแลนด์ไตรลีก, กลุ่มผู้สนับสนุนภาครัฐและภาคเอกชน ร่วมงานแถลงข่าวอย่างคับคั่ง


นายอำนาจ เจริญศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า “พัทยามาราธอน” ถือเป็นมหกรรมกีฬามวลชนที่ยิ่งใหญ่ มีการจัดงานอย่างต่อเนื่องมาแล้วถึง 30 ปี ตนถือว่าเป็นอีกหนึ่งงานประเพณีประจำปีของจังหวัดชลบุรี ที่มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าเทศกาลวันไหลหรือเทศกาลวันปีใหม่ โดยในปีนี้ ถือเป็นปีที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะนายกเมืองพัทยา ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า จะทำการยกระดับมาตรฐานของการแข่งขันไปสู่ระดับโลกให้ได้ โดยตั้งเป้าหมายให้พัทยามาราธอน เป็นหนึ่งในมาราธอนที่มีนักท่องเที่ยวอยากเดินทางมาร่วมการแข่งขันมากที่สุดในประเทศไทย ดังนั้น ท่านผู้ว่าฯ จึงสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดทุกภาคส่วนให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพื่อสนับสนุนให้เมืองพัทยามีขีดความสามารถในการจัดงานสูงสุด และด้วยองค์ประกอบต่างๆ ของเมืองพัทยา ที่มีความพร้อมในทุกๆ ด้าน ทั้งโรงแรม ที่พัก แหล่งท่องเที่ยว และระบบสาธารณูปโภคที่ดีที่สุดในภูมิภาคตะวันออก ประกอบกับความตั้งใจของผู้บริหารเมืองพัทยาที่ต้องการจะยกระดับของการแข่งขันจากระดับประเทศไปสู่ระดับโลกให้ได้นั้น จังหวัดชลบุรีจึงมีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง ว่า “พัทยา มาราธอน” จะได้รับการยอมรับจากนักวิ่งทั่วโลก ว่าเป็นหนึ่งในการแข่งขันวิ่งมาราธอนที่ดีที่สุดและคุ้มค่าที่สุดในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ขณะที่ นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า จากผลของการจัดงานเมื่อปีที่แล้ว ที่เราสามารถจัดงานออกมาได้เป็นอย่างยอดเยี่ยม ต่อหน้าผู้แทนของสมาคมกรีฑาโลก ทำให้ปีนี้ พัทยามาราธอนได้รับใบรับรองมาตรฐานการจัดการแข่งขันในระดับสากลจากสมาคมกรีฑาโลก ถึง 3 ใบ (3 ระยะแข่งขัน) คือ ระยะมาราธอน 42.195 กม. ระยะฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กม. และระยะ 10 กม. ซึ่งในปัจจุบันถือว่า พัทยามาราธอนเป็นรายการมาราธอนเพียงหนึ่งในสองรายการของประเทศเท่านั้น ที่ได้รับการรับรองจากสมาคมกรีฑาโลกทั้ง 3 ระยะแข่งขันในรายการเดียวกัน และด้วยองค์ประกอบต่างๆ ของการแข่งขัน อาทิ จำนวนผู้เข้าร่วมแข่งขันที่สูงถึง 15,000 คน, จำนวนผู้ร่วมเดินทางอีกเกือบ 15,000 คน, จำนวนการจองห้องพักในช่วงการแข่งขัน มากกว่า 20,000 ห้อง, จำนวนอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่ต่างๆ ที่มาร่วมงาน มากกว่า 3,000 อัตรา, การปิดถนน แบบ 100% หรือการสร้างรายได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของเมืองพัทยาและจังหวัดชลบุรี ได้มากกว่า 250 ล้านบาทนั้น สิ่งเหล่านี้ จึงทำให้ พัทยามาราธอนในปีนี้ เป็นรายการมาราธอนอันดับหนึ่งในภาคตะวันออกของประเทศไทยอย่างเต็มตัว


“ในโอกาสนี้ผมใคร่ขอความร่วมมือจากชาวเมืองพัทยาทุกท่าน ให้เกียรติร่วมเป็นเจ้าภาพที่ดี ในการต้อนรับนักวิ่งและผู้ติดตาม จำนวนมากกว่า 3 หมื่นคน ที่จะเดินทางมาจากทั่วประเทศ และอีก 66 ประเทศทั่วโลก เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันในช่วงสุดสัปดาห์ของวันที่ 20-21 ก.ค.นี้ ผมมั่นใจว่า “พัทยา มาราธอน” จะสร้างชื่อเสียงให้แก่เมืองพัทยาเป็นอย่างมาก และจะทำให้เมืองพัทยากลับมาคึกคักกันอีกครั้ง” นายกเมืองพัทยา กล่าวทิ้งท้าย

ทางด้าน นายณัฐ ครุฑสูตร ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เมืองพัทยา มีศักยภาพและความพร้อมในทุกๆ ด้าน เป็นเมืองท่องเที่ยวชั้นนำของทวีปเอเชีย มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายและมีคุณภาพ มีจำนวนห้องพักมากกว่า 100,000 ห้อง ทำให้เมืองพัทยาสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้เป็นจำนวนมากตลอดทั้งปี ททท. ขอชื่นชมเมืองพัทยาที่สามารถจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวได้อย่างต่อเนื่องในตลอดทุกๆ สัปดาห์ จนทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ตนคาดว่าการแข่งขัน “อะเมซิ่งไทยแลนด์ พัทยา มาราธอน” ในครั้งนี้ จะสร้างรายได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวแก่เมืองพัทยาและจังหวัดชลบุรี ได้มากกว่า 250 ล้านบาท ตนเชื่อมั่นว่าการจัดงานในครั้งนี้ จะประสบความสำเร็จเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ จังหวัดชลบุรี และเมืองพัทยา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยินดีให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ และหวังว่าผู้เข้าแข่งขันและผู้ร่วมงานจำนวน 3 หมื่นคน จะได้รับความสุขและความประทับใจจากการต้อนรับของชาวเมืองพัทยาและชาวจังหวัดชลบุรีในครั้งนี้ 

ส่วน พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 กล่าวว่า ตนได้รับการมอบหมายจาก พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ให้มาร่วมในงานแถลงข่าวพร้อมด้วย พ.ต.อ.จักรพันธุ์ กิตติสิริพรกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี และ พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผู้กำกับ สภ.เมืองพัทยา ซึ่งท่านผู้บัญชาการฯ เห็นว่าการจัดการแข่งขันรายการนี้ เป็นงานมาราธอนในระดับโลก ที่จะสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศและเมืองพัทยา อีกทั้งยังสร้างรายได้ให้การท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ได้กำชับตนให้การสนับสนุนการจัดงานในครั้งนี้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลนักวิ่งและประชาชนทั่วไปในด้านความปลอดภัยและการจราจรช่วงการแข่งขัน ทั้งนี้คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ได้มีการประชุมกับ สภ.เมืองพัทยา เพื่อซักซ้อมและทำความเข้าใจในส่วนของการบริหารจัดการด้านการจราจรบนพื้นที่แข่งขันในโซนต่างๆ มาแล้วหลายครั้ง จนมีความมั่นใจว่าจะสามารถกำกับดูแลการจราจรได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงนำเรียนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เพื่อทราบ และได้ขออนุมัติออกข้อบังคับปิดการจราจร ในช่วงการแข่งขันในวันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 04.00 น. ถึงเวลาประมาณ 08.30 น. บนเส้นทางแข่งขันของระยะ 10 กม. และ 4.5 กม. และในวันอาทิตย์ที่ 21 ก.ค.67 ตั้งแต่เวลา 00.00 น. ถึงเวลาประมาณ 11.00 น. บนเส้นทางแข่งขันของระยะมาราธอน 42.195 กม. และระยะฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กม. โดยรายละเอียดทางฝ่ายประชาสัมพันธ์ของเมืองพัทยาจะแจ้งให้ทราบในลำดับต่อไป ตนจึงขอความร่วมมือจากทุกท่าน โปรดหลีกเลี่ยงการจราจรบนเส้นทางแข่งขัน ในวันและเวลาที่กำหนด


พล.ต.ต.สุรพงษ์ อาริยะมงคล อุปนายกและเลขาธิการสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า สมาคมกีฬากรีฑาฯ ได้ให้การสนับสนุน และทำงานร่วมกับเมืองพัทยามาโดยตลอด สมาคมฯ ถือว่ารายการนี้ เป็นหนึ่งในรายการมาราธอนที่จัดต่อเนื่องยาวนานที่สุดของประเทศ โดยเมื่อปีที่ผ่านมา ตนได้รับรายงานจากผู้แทนของสมาคมฯ ว่า คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ สามารถจัดงานออกมาได้อย่างดี มีมาตรฐานในระดับสากล มีความปลอดภัย มีคุณภาพในระดับการแข่งขันเกรด A เทียบเท่ารายการมาราธอนระดับโลก ตนจึงทำเรื่องไปยังสมาคมกรีฑาโลก WORLD ATHLETICS เพื่อขอให้รับรองการแข่งขันพัทยามาราธอน ทั้ง 3 ระยะ (มาราธอน, ฮาล์ฟมาราธอน และ 10 กม.) และขอให้สมาคมกรีฑาโลก ได้บรรจุรายการนี้ อยู่ในปฏิทินการแข่งขันมาราธอนโลก สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ สมาคมฯ จะส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูง มาช่วยในฝ่ายเทคนิค เพื่อกำกับดูแลให้การแข่งขันดำเนินไปได้ตามข้อกำหนดของสมาคมกรีฑาโลก และมีมาตรฐานสูงสุด

นายกอบเกียรติ แสงวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารไทยแลนด์ไตรลีก ในฐานะผู้อำนวยการจัดการแข่งขัน กล่าวว่า “การแข่งขันในครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากนักวิ่งทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติแห่งสมัครจนเต็มจำนวน 15,000 คน หลังจากเปิดระบบรับสมัครไปเพียง 2 สัปดาห์ ปีนี้เส้นทางแข่งขัน ให้อยู่ในเมืองพัทยาทั้งหมด โดยนักวิ่งทุกคน จะได้มีโอกาสวิ่งเลียบชายหาดของเมืองพัทยาและชายหาดจอมเทียน ซึ่งถือว่าเป็นรายการวิ่งมาราธอนที่ได้วิ่งเลียบชายหาดที่ยาวที่สุดของประเทศ นอกจากนี้ ยังกำหนดจุดปล่อยตัวและเส้นชัยอยู่ ณ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 ถนนพัทยาเหนือ ซึ่งสามารถรองรับนักวิ่งเป็นจำนวนมากได้ อีกทั้งยังมีความพร้อมในเรื่องที่จอดรถ และสิ่งอำนวยความสะดวกด้านอื่นๆ มากมาย

“การจัดการแข่งขันครั้งนี้ จะจัดขึ้น 2 วัน คือวันเสาร์ที่ 20 ก.ค. เป็นการแข่งขันระยะ 10 กม. และ 4.5 กม. และวันอาทิตย์ที่ 21 ก.ค. เป็นการแข่งขัน ระยะ 42.195 กม. และระยะ 21.1 กม. จากข้อมูลของการรับสมัคร มีจำนวนนักวิ่งและผู้ติดตามเดินทางมาร่วมงานในครั้งนี้มากถึง 30,000 คน จาก 66 ประเทศทั่วโลก โดยจะเปิดให้รับอุปกรณ์และเบอร์แข่งขันได้ตั้งแต่วันพฤหัสที่ 18 ก.ค.67 เป็นต้นไป ณ บริเวณลานอเนกประสงค์ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 ถนนพัทยาเหนือ รายละเอียดของการแข่งขันศึกษาได้ทาง www.pattayamarathon.go.th” 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กต.ประณามกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง

ก.ต่างประเทศ 20 ก.ค. – กต.ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซัดขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง ละเมิดอธิปไตยไทย จี้ให้ความร่วมมือเก็บกู้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์เรื่องการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ บริเวณช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ จนเป็นเหตุให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บ ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติ ในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่การสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง […]

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย