“พัทยา มาราธอน” ยืนหนึ่งนักวิ่ง 1.5 หมื่นคนร่วม “นายกเมือง” ประกาศปิดถนน 100 % คาดเงินสะพัด 250 ล้าน

3 ก.ค. ที่โรงแรมดุสิตธานีพัทยา นายธวัชชัย ทองศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี มอบหมายให้ นายอำนาจ เจริญศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานแถลงข่าวความพร้อมในการจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนส่งเสริมการท่องเที่ยวนานาชาติ รายการ “Amazing Thailand Pattaya Marathon 2024 presented by MAMA” โดยมี นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา, พล.ต.ต.สุรพงษ์ อาริยะมงคล อุปนายกและเลขาธิการสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยฯ, นายณัฐ ครุฑสูตร ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), นายบันลือ กุลละวณิชย์ ประธานสภาเมืองพัทยา, นายกฤษณะ บุญสวัสดิ์ รองนายกเมืองพัทยา, นายมาโนช หนองใหญ่ รองนายกเมืองพัทยา, นางสาวทิฐิพันธ์ เพ็ชรตระกูล รองนายกเมืองพัทยา, พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 2, พ.ต.อ.จักรพันธุ์ กิตติสิริพรกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี, พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผู้กำกับ สภ.เมืองพัทยา, นายปราจีน เอี่ยมลำเนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน), นายกอบเกียรติ แสงวนิชย์ ผู้อำนวยการจัดการแข่งขัน จากไทยแลนด์ไตรลีก, กลุ่มผู้สนับสนุนภาครัฐและภาคเอกชน ร่วมงานแถลงข่าวอย่างคับคั่ง


นายอำนาจ เจริญศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า “พัทยามาราธอน” ถือเป็นมหกรรมกีฬามวลชนที่ยิ่งใหญ่ มีการจัดงานอย่างต่อเนื่องมาแล้วถึง 30 ปี ตนถือว่าเป็นอีกหนึ่งงานประเพณีประจำปีของจังหวัดชลบุรี ที่มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าเทศกาลวันไหลหรือเทศกาลวันปีใหม่ โดยในปีนี้ ถือเป็นปีที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะนายกเมืองพัทยา ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า จะทำการยกระดับมาตรฐานของการแข่งขันไปสู่ระดับโลกให้ได้ โดยตั้งเป้าหมายให้พัทยามาราธอน เป็นหนึ่งในมาราธอนที่มีนักท่องเที่ยวอยากเดินทางมาร่วมการแข่งขันมากที่สุดในประเทศไทย ดังนั้น ท่านผู้ว่าฯ จึงสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดทุกภาคส่วนให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพื่อสนับสนุนให้เมืองพัทยามีขีดความสามารถในการจัดงานสูงสุด และด้วยองค์ประกอบต่างๆ ของเมืองพัทยา ที่มีความพร้อมในทุกๆ ด้าน ทั้งโรงแรม ที่พัก แหล่งท่องเที่ยว และระบบสาธารณูปโภคที่ดีที่สุดในภูมิภาคตะวันออก ประกอบกับความตั้งใจของผู้บริหารเมืองพัทยาที่ต้องการจะยกระดับของการแข่งขันจากระดับประเทศไปสู่ระดับโลกให้ได้นั้น จังหวัดชลบุรีจึงมีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง ว่า “พัทยา มาราธอน” จะได้รับการยอมรับจากนักวิ่งทั่วโลก ว่าเป็นหนึ่งในการแข่งขันวิ่งมาราธอนที่ดีที่สุดและคุ้มค่าที่สุดในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ขณะที่ นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า จากผลของการจัดงานเมื่อปีที่แล้ว ที่เราสามารถจัดงานออกมาได้เป็นอย่างยอดเยี่ยม ต่อหน้าผู้แทนของสมาคมกรีฑาโลก ทำให้ปีนี้ พัทยามาราธอนได้รับใบรับรองมาตรฐานการจัดการแข่งขันในระดับสากลจากสมาคมกรีฑาโลก ถึง 3 ใบ (3 ระยะแข่งขัน) คือ ระยะมาราธอน 42.195 กม. ระยะฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กม. และระยะ 10 กม. ซึ่งในปัจจุบันถือว่า พัทยามาราธอนเป็นรายการมาราธอนเพียงหนึ่งในสองรายการของประเทศเท่านั้น ที่ได้รับการรับรองจากสมาคมกรีฑาโลกทั้ง 3 ระยะแข่งขันในรายการเดียวกัน และด้วยองค์ประกอบต่างๆ ของการแข่งขัน อาทิ จำนวนผู้เข้าร่วมแข่งขันที่สูงถึง 15,000 คน, จำนวนผู้ร่วมเดินทางอีกเกือบ 15,000 คน, จำนวนการจองห้องพักในช่วงการแข่งขัน มากกว่า 20,000 ห้อง, จำนวนอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่ต่างๆ ที่มาร่วมงาน มากกว่า 3,000 อัตรา, การปิดถนน แบบ 100% หรือการสร้างรายได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของเมืองพัทยาและจังหวัดชลบุรี ได้มากกว่า 250 ล้านบาทนั้น สิ่งเหล่านี้ จึงทำให้ พัทยามาราธอนในปีนี้ เป็นรายการมาราธอนอันดับหนึ่งในภาคตะวันออกของประเทศไทยอย่างเต็มตัว


“ในโอกาสนี้ผมใคร่ขอความร่วมมือจากชาวเมืองพัทยาทุกท่าน ให้เกียรติร่วมเป็นเจ้าภาพที่ดี ในการต้อนรับนักวิ่งและผู้ติดตาม จำนวนมากกว่า 3 หมื่นคน ที่จะเดินทางมาจากทั่วประเทศ และอีก 66 ประเทศทั่วโลก เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันในช่วงสุดสัปดาห์ของวันที่ 20-21 ก.ค.นี้ ผมมั่นใจว่า “พัทยา มาราธอน” จะสร้างชื่อเสียงให้แก่เมืองพัทยาเป็นอย่างมาก และจะทำให้เมืองพัทยากลับมาคึกคักกันอีกครั้ง” นายกเมืองพัทยา กล่าวทิ้งท้าย

ทางด้าน นายณัฐ ครุฑสูตร ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เมืองพัทยา มีศักยภาพและความพร้อมในทุกๆ ด้าน เป็นเมืองท่องเที่ยวชั้นนำของทวีปเอเชีย มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายและมีคุณภาพ มีจำนวนห้องพักมากกว่า 100,000 ห้อง ทำให้เมืองพัทยาสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้เป็นจำนวนมากตลอดทั้งปี ททท. ขอชื่นชมเมืองพัทยาที่สามารถจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวได้อย่างต่อเนื่องในตลอดทุกๆ สัปดาห์ จนทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ตนคาดว่าการแข่งขัน “อะเมซิ่งไทยแลนด์ พัทยา มาราธอน” ในครั้งนี้ จะสร้างรายได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวแก่เมืองพัทยาและจังหวัดชลบุรี ได้มากกว่า 250 ล้านบาท ตนเชื่อมั่นว่าการจัดงานในครั้งนี้ จะประสบความสำเร็จเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ จังหวัดชลบุรี และเมืองพัทยา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยินดีให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ และหวังว่าผู้เข้าแข่งขันและผู้ร่วมงานจำนวน 3 หมื่นคน จะได้รับความสุขและความประทับใจจากการต้อนรับของชาวเมืองพัทยาและชาวจังหวัดชลบุรีในครั้งนี้ 

ส่วน พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 กล่าวว่า ตนได้รับการมอบหมายจาก พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ให้มาร่วมในงานแถลงข่าวพร้อมด้วย พ.ต.อ.จักรพันธุ์ กิตติสิริพรกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี และ พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผู้กำกับ สภ.เมืองพัทยา ซึ่งท่านผู้บัญชาการฯ เห็นว่าการจัดการแข่งขันรายการนี้ เป็นงานมาราธอนในระดับโลก ที่จะสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศและเมืองพัทยา อีกทั้งยังสร้างรายได้ให้การท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ได้กำชับตนให้การสนับสนุนการจัดงานในครั้งนี้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลนักวิ่งและประชาชนทั่วไปในด้านความปลอดภัยและการจราจรช่วงการแข่งขัน ทั้งนี้คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ได้มีการประชุมกับ สภ.เมืองพัทยา เพื่อซักซ้อมและทำความเข้าใจในส่วนของการบริหารจัดการด้านการจราจรบนพื้นที่แข่งขันในโซนต่างๆ มาแล้วหลายครั้ง จนมีความมั่นใจว่าจะสามารถกำกับดูแลการจราจรได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงนำเรียนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เพื่อทราบ และได้ขออนุมัติออกข้อบังคับปิดการจราจร ในช่วงการแข่งขันในวันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 04.00 น. ถึงเวลาประมาณ 08.30 น. บนเส้นทางแข่งขันของระยะ 10 กม. และ 4.5 กม. และในวันอาทิตย์ที่ 21 ก.ค.67 ตั้งแต่เวลา 00.00 น. ถึงเวลาประมาณ 11.00 น. บนเส้นทางแข่งขันของระยะมาราธอน 42.195 กม. และระยะฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กม. โดยรายละเอียดทางฝ่ายประชาสัมพันธ์ของเมืองพัทยาจะแจ้งให้ทราบในลำดับต่อไป ตนจึงขอความร่วมมือจากทุกท่าน โปรดหลีกเลี่ยงการจราจรบนเส้นทางแข่งขัน ในวันและเวลาที่กำหนด


พล.ต.ต.สุรพงษ์ อาริยะมงคล อุปนายกและเลขาธิการสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า สมาคมกีฬากรีฑาฯ ได้ให้การสนับสนุน และทำงานร่วมกับเมืองพัทยามาโดยตลอด สมาคมฯ ถือว่ารายการนี้ เป็นหนึ่งในรายการมาราธอนที่จัดต่อเนื่องยาวนานที่สุดของประเทศ โดยเมื่อปีที่ผ่านมา ตนได้รับรายงานจากผู้แทนของสมาคมฯ ว่า คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ สามารถจัดงานออกมาได้อย่างดี มีมาตรฐานในระดับสากล มีความปลอดภัย มีคุณภาพในระดับการแข่งขันเกรด A เทียบเท่ารายการมาราธอนระดับโลก ตนจึงทำเรื่องไปยังสมาคมกรีฑาโลก WORLD ATHLETICS เพื่อขอให้รับรองการแข่งขันพัทยามาราธอน ทั้ง 3 ระยะ (มาราธอน, ฮาล์ฟมาราธอน และ 10 กม.) และขอให้สมาคมกรีฑาโลก ได้บรรจุรายการนี้ อยู่ในปฏิทินการแข่งขันมาราธอนโลก สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ สมาคมฯ จะส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูง มาช่วยในฝ่ายเทคนิค เพื่อกำกับดูแลให้การแข่งขันดำเนินไปได้ตามข้อกำหนดของสมาคมกรีฑาโลก และมีมาตรฐานสูงสุด

นายกอบเกียรติ แสงวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารไทยแลนด์ไตรลีก ในฐานะผู้อำนวยการจัดการแข่งขัน กล่าวว่า “การแข่งขันในครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากนักวิ่งทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติแห่งสมัครจนเต็มจำนวน 15,000 คน หลังจากเปิดระบบรับสมัครไปเพียง 2 สัปดาห์ ปีนี้เส้นทางแข่งขัน ให้อยู่ในเมืองพัทยาทั้งหมด โดยนักวิ่งทุกคน จะได้มีโอกาสวิ่งเลียบชายหาดของเมืองพัทยาและชายหาดจอมเทียน ซึ่งถือว่าเป็นรายการวิ่งมาราธอนที่ได้วิ่งเลียบชายหาดที่ยาวที่สุดของประเทศ นอกจากนี้ ยังกำหนดจุดปล่อยตัวและเส้นชัยอยู่ ณ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 ถนนพัทยาเหนือ ซึ่งสามารถรองรับนักวิ่งเป็นจำนวนมากได้ อีกทั้งยังมีความพร้อมในเรื่องที่จอดรถ และสิ่งอำนวยความสะดวกด้านอื่นๆ มากมาย

“การจัดการแข่งขันครั้งนี้ จะจัดขึ้น 2 วัน คือวันเสาร์ที่ 20 ก.ค. เป็นการแข่งขันระยะ 10 กม. และ 4.5 กม. และวันอาทิตย์ที่ 21 ก.ค. เป็นการแข่งขัน ระยะ 42.195 กม. และระยะ 21.1 กม. จากข้อมูลของการรับสมัคร มีจำนวนนักวิ่งและผู้ติดตามเดินทางมาร่วมงานในครั้งนี้มากถึง 30,000 คน จาก 66 ประเทศทั่วโลก โดยจะเปิดให้รับอุปกรณ์และเบอร์แข่งขันได้ตั้งแต่วันพฤหัสที่ 18 ก.ค.67 เป็นต้นไป ณ บริเวณลานอเนกประสงค์ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 ถนนพัทยาเหนือ รายละเอียดของการแข่งขันศึกษาได้ทาง www.pattayamarathon.go.th” 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภราดร” ประกาศลาออก “รองปธ.สภาฯ”

รัฐสภา 19 มิ.ย.- “ภราดร” ประกาศลาออกจาก “รองประธานสภาฯ” รักษาหลักการเสียงข้างมาก คืนอำนาจให้สภาฯ เลือกใหม่ นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง และ สส.จังหวัดอ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ประกาศยื่นหนังสือขอลาออกจากตำแหน่งรองประธานฯ โดยมีผลทันทีในวันนี้ หลังจากพรรคภูมิใจไทยออกแถลงการณ์เมื่อค่ำวานนี้ว่ากรรมการบริหารพรรคมีมติให้พรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล และรัฐมนตรีของพรรคทุกคนได้ส่งใบลาออกต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีผลวันที่ 19 มิถุนายนนี้เช่นกัน นายภราดรให้เหตุผลว่า ตนได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนี้ด้วยเสียงส่วนใหญ่ของสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น ในวันนี้เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและพรรคภูมิใจไทยไม่ได้ร่วมอยู่ในรัฐบาลแล้ว จึงเห็นว่าควรคืนอำนาจให้สภาผู้แทนราษฎรได้มีโอกาสตัดสินใจเลือกรองประธานฯคนใหม่ด้วยมติเสียงข้างมาก ตามธรรมเนียมที่เคยถือปฏิบัติมา “ผมขอขอบคุณเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้ให้เกียรติเลือกผมมาปฏิบัติหน้าที่ แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็เป็นประสบการณ์ในการทำงานที่มีคุณค่า และขอถือโอกาสนี้ขอบคุณทีมงานของรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สองทุกคนที่ได้ทุ่มเททำงานจนบรรลุภารกิจไปหลายประการ ซึ่งล้วนสร้างความก้าวหน้าให้กับสภาของประชาชน กราบขอบพระคุณท่านประธานและรองประธานสภาฯคนที่หนึ่ง ที่ได้ให้ความเมตตาผมอย่างยิ่งในการทำงาน” นายภราดรกล่าว พร้อมย้ำว่าจะฝากงานหลายอย่างที่ได้ดำเนินการไว้ โดยเฉพาะโครงการเปิดพื้นที่รัฐสภาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ เป็นพื้นที่ของประชาชนอย่างแท้จริง โครงการวันรัฐธรรมนูญ กิจกรรมสภาวาที การพัฒนาสถานีวิทยุโทรทัศน์รัฐสภาให้เป็นสถานีของประชาชน โดยเปิดโอกาสให้สถานศึกษาเข้ามามีส่วนร่วม และการต่อยอดโครงการยุวชนประชาธิปไตยที่สร้างเสริมศักยภาพเยาวชน ให้ผู้รับตำแหน่งคนต่อไปได้มาสานต่อ นอกจากนี้ นายภราดรยังยืนยันจะทำหน้าที่เป็นผู้แทนราษฎรฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็ง เคียงบ่าเคียงไหล่กับ ส.ส. ของพรรคภูมิใจไทยต่อไป.312 -สำนักข่าวไทย

นายกฯ โพสต์สำนวนก่อนลบทิ้ง เตรียมเข้าทำเนียบฯ

ทำเนียบ 19 มิ.ย.- นายกฯ โพสต์สำนวน “ผู้คน ไม่ได้แกล้งเศร้า แต่แกล้งโอเค” ก่อนลบทิ้ง ยกเลิกประชุมทีมคณะที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก เข้าทำเนียบ เมื่อเวลา 08.15 น. ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ช่วงเช้าวันนี้ (19 มิ.ย.) พบว่า มีการแชร์สตอรี่อินสตาแกรม เป็นสำนวนภาษาอังกฤษ ระบุว่า “People don’t fake depression.They fake being okay. Remember that. Be kind.” ซึ่งมีความหมายว่า “คนเราไม่ได้แกล้งเศร้า แต่แกล้งว่าตัวเองโอเคต่างหาก, จำไว้นะ จงมีเมตตา” พร้อมซาวด์ดนตรี Another love อย่างไรก็ตามในเวลา 08.54 น. นายกรัฐมนตรี ได้ลบโพสต์ดังกล่าว ออกจากสตอรี่อินสตราแกรม ทำให้ไม่มีข้อความปรากฏแล้ว ขณะเดียวกัน ยังรายงานอีกว่า วันนี้ นายกรัฐมนตรีได้ยกเลิกภารกิจ […]

“กัญจนา” เชื่อ “วราวุธ’” ไม่หนุนการกระทำที่ไม่ดีต่อบ้านเมือง

กรุงเทพฯ 19 มิ.ย.- “หนูนา กัญจนา” ชี้พรรคชาติไทยพัฒนาแม้เป็นพรรคเล็ก แต่ศักดิ์ศรีรักบ้านเกิดเมืองนอนยิ่งใหญ่เสมอ เชื่อ “วราวุธ” ไม่หนุนการกระทำที่ไม่ดีต่อบ้านเมือง น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กกรณีคลิปเสียงสนทนาสองผู้นำไทย-กัมพูชา ว่า “ณ วันนี้ ดิฉันไม่ได้นิยามตัวเองเป็นนักการเมืองแล้ว ถอยออกมามานานแล้ว แต่ที่ดิฉันเป็นเสมอคือ เป็นคนไทยที่รักแผ่นดินเกิด “จุดยืนของดิฉันมั่นคงมาตลอดเหมือนพ่อ คือยึดมั่นต่อ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และเชื่อว่าน้องชายดิฉัน (นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) ก็เช่นกัน” น.ส.กัญจนา ยังระบุอีกว่า “แม้ที่ผ่านมา เขาอาจจะพูดอะไรพลาดบ้าง นั่นก็เป็นบทเรียนในชีวิตให้เขาต้องจดจำ วันนี้ดิฉันแม้ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาแล้ว แต่ดิฉันยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ แม้พรรคชาติไทยพัฒนาในวันนี้ จะเป็นพรรคขนาดเล็ก แต่ศักดิ์ศรี และความรักบ้านเกิดเมืองนอนต้องยิ่งใหญ่เสมอ” “ดิฉันเชื่อว่า พรรค และหัวหน้าพรรคจะมีการตัดสินใจที่ชัดเจนในการไม่สนับสนุนการกระทำใดที่ไม่ดีต่อชาติบ้านเมือง ทำในสิ่งที่ควรทำ” -สำนักข่าวไทย

นายกฯ รีโพสต์สตอรี่ไอจี หลัง “ภูมิใจไทย” ถอนตัว

19 มิ.ย.- นายกฯ รีโพสต์สตอรี่ไอจี กลางดึก หลัง “ภูมิใจไทย” ประกาศถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาล ความเคลื่อนไหวช่วงกลางดึกในเวลา 21.08 น. ของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ภายหลังพรรคภูมิใจไทยออกแถลงการณ์ถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล โดยจะยื่นใบลาออกมีผลวันนี้ (19 มิ.ย.) พร้อมเรียกร้องให้นายกฯ รับผิดชอบทำประเทศเสียเกียรติภูมิ นั้น พบว่าสตอรี่อินสตราแกรมของ นายกรัฐมนตรี ยังคงมีการเคลื่อนไหวผ่านการรีโพสต์สตอรี่ ที่มีคนโพสต์และแท็ก โดยเป็นภาพระหว่างสื่อมวลชนตามสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และเป็นโพสต์รูปภาพของนายกรัฐมนตรี พร้อมใส่เพลง “ทำด้วยหัวใจ” โดยไม่มีการใส่แคปชั่น หรือระบุข้อความใดใดในภาพ รวมถึงคลิปที่นายกรัฐมนตรีได้มีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงเสียงสนทนากับสมเด็จฮุนเซน ด้วย -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

รัฐบาลออกแถลงการณ์โต้คลิปเสียง “ฮุนเซน“ ยันมีเจตนาบริสุทธิ์ จริงใจ

ทำเนียบ 19 มิ.ย.-รัฐบาลออกแถลงการณ์กรณีสถานการณ์ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา โต้คลิปเสียง “ฮุนเซน” ยันมีเจตนาบริสุทธิ์ จริงใจ แต่ได้รับผลตรงข้าม ชี้ 26 ปี JBC ไร้ผล เป็นเหตุตัดสินใจใช้การทูตโทรหาผู้นำกัมพูชา ย้ำแก้ปัญหายึดสันติวิธี รักษาอธิปไตยไทย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (19 มิ.ย.) “กรณีสถานการณ์ความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชา” โดยมีเนื้อหาว่า “พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขออภัยต่อพี่น้องประชาชนด้วยความจริงใจ จากกรณีคลิปเสียงสนทนาทางโทรศัพท์กับผู้นำกัมพูชาที่เกิดขึ้น ทุกการดำเนินการเป็นไปภายใต้เจตจำนงที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติ รักษาผลประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนไทย ทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและพักอาศัยอยู่ในกัมพูชา ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ดังกล่าว ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ น่าเสียใจอย่างยิ่งที่ความจริงใจของเรา กลับมีผลตอบรับตรงกันข้าม รัฐบาลไทยยึดหลักสันติวิธี ใช้กลไกทวิภาคีเรื่องเขตแดนที่มีอยู่ โดยเฉพาะการทำงานของ JBC ที่รัฐบาลไทยและกัมพูชาร่วมมือกันมาตลอด 26 ปี เพื่อคลี่คลายปัญหา แต่ในระหว่างนั้นได้ปรากฏเหตุการณ์สื่อสารโต้ตอบที่ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้น หากรัฐบาลนิ่งเฉย และไม่แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ย่อมเกิดความเสี่ยงที่จะบานปลายไปสู่ความรุนแรงและความสูญเสียต่อชีวิตและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวไทยได้ นายกรัฐมนตรีจึงตัดสินใจใช้วิธีทางการทูต ผ่านการโทรศัพท์พูดคุยโดยตรงกับผู้นำกัมพูชา […]

กต. ทำหนังสือประท้วงกัมพูชากรณีปล่อยคลิปเสียงหลุด

กรุงเทพฯ 19 มิ.ย. – กระทรวงการต่างประเทศ ส่งหนังสือประท้วงกรณีคลิปเสียงบทสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีไทย-ฮุน เซน ย้ำผิดมารยาทและผิดหลักปฏิบัติสากล และทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงพัฒนาการความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา หลังจากที่ได้มีการเปิดเผยบทสนทนาส่วนตัวระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฯ ฮุนเซน ประธานวุฒิสภา ของกัมพูชา ต่อสาธารณชนวานนี้ (18 มิ.ย.68) ว่า การกระทำดังกล่าวขัดต่อจรรยาบรรณ และมารยาทพื้นฐานของการปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐที่ไม่อาจยอมรับได้ ถือเป็นการทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และความพยายามที่จะใช้กลไกทวิภาคีในการแก้ไขปัญหาของทั้งสองฝ่ายตามแนวปฏิบัติสากล และการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี พร้อมเน้นย้ำว่า ไม่ว่าผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นใคร ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคือหัวหน้ารัฐบาลของประเทศ ที่ควรได้รับการเคารพ และให้เกียรติ ตามแนวปฏิบัติสากลในการเจริญสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศจึงได้ออกหนังสือประท้วงกรณีดังกล่าว ผ่านช่องทางทางการทูต โดยได้เชิญให้เอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย มารับหนังสือดังกล่าว เพื่อแจ้งว่าการกระทำข้างต้นของทางกัมพูชาเป็นการกระทำที่ไม่สามารถยอมรับได้ ถือว่าผิดมารยาทพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ เป็นการทำลายความไว้ใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้านอย่างร้ายแรง ซึ่งการออกหนังสือดังกล่าวเป็นไปตามแนวปฏิบัติทางการทูต มีความรอบคอบ โปร่งใส มีวุฒิภาวะ ใช้สันติวิธี และดำเนินการอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและการดูแลคนไทยที่อยู่ในกัมพูชาแล้ว พร้อมยืนยันว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการดำเนินการทางการทูต […]

นายกฯ แถลงขออภัยคนไทยปมคลิปเสียงหลุดคุย “ฮุน เซน”

กรุงเทพฯ 19 มิ.ย. – นายกฯ แถลงขออภัยคนไทยทุกคน กรณีคลิปเสียงหลุดคุย “ฮุน เซน” เป็นเรื่องไม่น่าเกิดขึ้น ได้คุย มทภ.2 และทำความเข้าใจกับกองทัพ โดยได้อธิบายถึงเจตนาที่แท้จริง ยอมรับไม่ทราบจริงๆ ว่ามีการอัดคลิปเผยแพร่ ย้ำวันนี้ไทยต้องร่วมมือผนึกกำลัง ปกป้องอธิปไตย ทุกภาคส่วนสรุปว่า “เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าพบ เพื่อรายงานผลการประชุมของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) รวมถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ภายหลังเกิดกรณีคลิปเสียงการโทรศัพท์เจรจาระหว่าง น.ส.แพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ว่าได้เชิญหน่วยงานด้านความมั่นคงมาพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ก่อนอื่นต้องขออภัยพี่น้องประชาชนและคนไทยทุกคนในเรื่องกรณีที่มีคลิปเสียงหลุดออกมาระหว่างที่ตนคุยกับผู้นำกัมพูชา ความจริงเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ต้องขออภัยพี่น้องประชาชนที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ ได้มีโอกาสคุยกับเจ้าหน้าที่และกองทัพ อธิบายถึงเหตุผลว่าเป็นเพียงแท็กติกของการสื่อสารที่จะเจรจาต่อไปว่าเราจะต้องแสดงความเข้าใจก่อน เพื่อจะคุยถึงต่อไป เป็นการต่อรองเพื่อให้การปะทะนั้นหยุดลง ด้วยความตั้งใจที่แท้จริงว่าต้องการจะให้สถานการณ์สงบสุขเท่านั้นเอง และไม่ทราบจริงๆ ว่าจะมีการอัดคลิปและเผยแพร่เช่นนี้ ก็ได้ทำความเข้าใจกับทางกองทัพเรียบร้อยแล้ว และรับฟังว่าวันนี้เราต้องร่วมมือกันผนึกกำลังเอาไว้ คนไทยทุกคนต้องผนึกกำลังเอาไว้ วันนี้ทุกภาคส่วนได้สรุปว่ากรณีดังกล่าวเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่ภัยคุกคามเล็กๆ ของประชาชนหรือของอะไร ที่จะพูดถึงว่ารัฐบาลหรือกองทัพต้องมาสู้กัน วันนี้เราไม่มีเวลาที่จะมาทะเลาะกันเองแบบนี้ เราต้องปกปกอธิปไตย ยินดีสนับสนุนกองทัพทุกรูปแบบ และวันนี้การที่เราจะทำอะไรหรือตัดสินใจในเรื่องต่างๆ เราต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยที่อยู่ในกัมพูชาด้วย รวมทั้งประชาชนตรงชายแดน […]

ผบ.ทบ. แสดงจุดยืนยึดมั่น ปชต. ย้ำเวลานี้ “คนไทยต้องสามัคคี”

กองทัพบก 19 มิ.ย. – ผบ.ทบ. แสดงจุดยืนยึดมั่นระบอบประชาธิปไตย พร้อมทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ ย้ำสถานการณ์บ้านเมืองในเวลานี้ “คนไทยต้องสามัคคี” พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันที่ปรากฏข้อมูลหรือการแสดงความคิดเห็นต่างๆ ที่หลากหลายและส่งผลกระทบต่อสังคมเป็นบริเวณกว้าง พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ในประเทศที่เกิดขึ้นโดยขอให้คนไทยได้เชื่อมั่นในกองทัพบก ที่มีจุดยืนในการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และพร้อมทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างสุดความสามารถ ภายใต้กลไกที่มีอยู่ ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้เน้นย้ำว่า หากพิจารณาอย่างรอบด้านแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในห้วงเวลานี้คือ “คนไทยต้องสามัคคี” ร่วมกันปกป้องอธิปไตยจากผู้ไม่หวังดี โดยยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ-313 .-สำนักข่าวไทย