ภาครัฐและเอกชน ลงนามทางการ โครงการ 1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ พลัส เทงบ 1,640 ล้านบาท หนุน 87 สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยยาว 4 ปี

29 มี.ค.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานแถลงข่าว ทำเนียบรัฐบาล โครงการ 1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ พลัส พร้อมลงนามกับ 17 รัฐวิสาหกิจ สนับสนุนวงการกีฬาไทยผ่านสมาคมกีฬาต่างๆ โดยมีผู้บริหารจากทั้งหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน และหน่วยงานกีฬาที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อร่วมเป็นสักขีพยานเป็นจำนวนมาก


ทั้งนี้ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายการสนับสนุนสมาคมกีฬา ได้ประสานหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน เพื่อร่วมขับเคลื่อนพัฒนาวงการกีฬาควบคู่ไปกับการผลักดันให้การกีฬาเป็นซอฟท์เพาเวอร์ ที่สำคัญของประเทศ ภายใต้หลักการที่ต้องการให้มีหน่วยงานเข้ามาสนับสนุนอย่างกว้างขวางทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงขยายการสนับสนุนให้ครบถ้วนครอบคลุมทุกสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยนั้น ล่าสุดบรรลุผลแล้ว 

นายเศรษฐา ทวีสิน เผยว่า การดำเนินการดังกล่าวได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากทั้งหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ บริษัทเอกชน, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, กระทรวงการคลัง, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และการกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งการลงนามในหนนี้ มีผู้ให้การสนับสนุนทั้งสิ้น 38 หน่วยงาน และมีสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยที่ได้รับการสนับสนุน จำนวน 87 สมาคม


นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การสนับสนุนจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 4 ปี ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาวงการกีฬาอย่างต่อเนื่องในระยะยาว โดยวงเงินที่จะสนับสนุนไปยังสมาคมกีฬาต่างๆ จะมีจำนวนประมาณปีละ 400 ล้านบาท คิดเป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น 1,640 ล้านบาท และคาดว่าการสนับสนุนสมาคมกีฬาอย่างทั่วถึงและต่อเนื่องเช่นนี้ จะช่วยให้สมาคมกีฬาต่างๆ สามารถวางแผนการพัฒนาในระยะยาวได้
อย่างเหมาะสม และก่อให้เกิดประโยซน์สูงสุดต่อการพัฒนาวงการกีฬาไทย

สำหรับปีแรก ในส่วนของรัฐวิสาหกิจ ที่ให้เงินสนับสนุนสมาคมกีฬาเป็นจำนวน 173.5 ล้านบาท สนับสนุนเป็นจำนวนเงินมาแล้ว 169.5 ล้านบาท คงเหลืออีก 4 ล้านบาท รายละเอียดการสนับสนุน มีดังนี้ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สนับสนุน 8 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬายิงปืนรณยุทธ์ฯ 4 ล้านบาท / ส.กีฬาเอ็กสตรีมฯ 4 ล้านบาท, การทางหลวงพิเศษแห่งประเทศไทย สนับสนุน 8 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬายิงเป้าบินฯ 5 ล้านบาท / ส.กีฬาเทคบอลฯ 3 ล้านบาท, บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) สนับสนุน 20 ล้านบาท 4 สมาคม แบ่งเป็น ส.กีฬาทางอากาศและการบินฯ 2 ล้านบาท / ส.กีฬาคาราเต้ฯ 3 ล้านบาท / ส.กีฬายิงปืนฯ 4 ล้านบาท / ส.กีฬาจักรยานฯ 10 ล้านบาท 

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สนับสนุน 5 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาบิลเลียดฯ 5 ล้านบาท, ธนาคารเพื่อการเกษตรฯ – ธกส. สนับสนุน 12 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาบาสเกตบอลฯ 12 ล้านบาท, สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล สนับสนุน 20 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาเจ็ตสกีฯ 3 ล้านบาท / ส.กีฬาปีนหน้าผาฯ 1.5 ล้านบาท / ส.กีฬาเบสบอลฯ 2.5 ล้านบาท / ส.กีฬาแบดมินตันฯ 5 ล้านบาท / ส.กีฬาคนตาบอดฯ 2 ล้านบาท / ส.กีฬาคนหูหนวกฯ 1 ล้านบาท / ส.กีฬาคนพิการทางปัญญา 1 ล้านบาท / ส.กีฬาฟิกเกอร์สเก็ตและสปีดสเก็ตติ้ง 3 ล้านบาท 


ธนาคารออมสิน สนับสนุน 20 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬายิมนาสติกฯ 3 ล้านบาท / ส.กีฬาวินเซิร์ฟฯ 7 ล้านบาท / ส.กีฬายูยิตสูฯ 6 ล้านบาท / ส.กีฬายิงธนูฯ 1.5 ล้านบาท / ส.กีฬาเนตบอลฯ 2.5 ล้านบาท, การไฟฟ้านครหลวง สนับสนุน 10 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬากรีฑาฯ 5 ล้านบาท / ส.กีฬาคนพิการฯ 3 ล้านบาท, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สนับสนุน 12 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาวอลเลย์บอลฯ 12 ล้านบาท, การไฟฟ้าฝ่ายผลิต สนับสนุน 27 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬายกน้ำหนักสมัครเล่น 20 ล้านบาท / ส.กีฬาเรือพายฯ 7 ล้านบาท 

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สนับสนุน 20 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาเทควันโด 20 ล้านบาท, บริษัทธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด สนับสนุน 1 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาตะกร้อฯ 1 ล้านบาท, การท่าเรือแห่งประเทศไทย สนับสนุน 5 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาเรือพายฯ 5 ล้านบาท, การประปานครหลวง 3.5 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาโบว์ลิ่ง 3.5 ล้านบาท, การประปาส่วนภูมิภาค 2 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาตะกร้อฯ 2 ล้านบาท 

ด้าน บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และ บริษัทในเครือที่สนับสนุนสมาคมกีฬา ให้เงินสนับสนุนงบเป็นจำนวน 200 ล้านบาท รายละเอียด มีดังนี้ PTT บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) สนับสนุน 100 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาฟุตบอลฯ 25 ล้านบาท / ส.กีฬาลอนเทนนิสฯ 15 ล้านบาท / ส.กีฬาฮอกกี้ฯ 15 ล้านบาท / ส.กีฬาว่ายน้ำฯ 15 ล้านบาท / ส.กีฬามวยสากลฯ 15 ล้านบาท / ส.กีฬาขี่ม้าฯ 10 ล้านบาท / ส.กีฬาเทควันโดฯ 5 ล้านบาท 

PTTEP บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) สนับสนุน 50 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาฟุตบอลฯ 20 ล้านบาท / ส.กีฬาเรือใบฯ 15 ล้านบาท / ส.กีฬาฮอกกี้ฯ 8 ล้านบาท / ส.กีฬาวินเซิร์ฟฯ 7 ล้านบาท, TOP บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) สนับสนุน 15 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาคนพิการฯ 5 ล้านบาท / ส.กีฬาวอลเลย์บอลฯ 5 ล้านบาท / ส.กีฬาเทเบิลเทนนิสฯ 3 ล้านบาท / ส.กีฬาว่ายน้ำฯ 2 ล้านบาท, OR บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) สนับสนุน 15 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬารักบี้ฟุตบอลฯ 7 ล้านบาท / ส.กีฬาสวอชฯ 5 ล้านบาท / ส. กีฬาคนพิการทางสมองฯ 3 ล้านบาท 

GC บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) สนับสนุน 7.5 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาสกีและสโนว์บอร์ด 2.5 ล้านบาท / ส.กีฬาว่ายน้ำฯ 2 ล้านบาท / ส.กีฬาตะกร้อฯ 1.5 ล้านบาท / ส.กีฬาฟุตบอลฯ 1.5 ล้านบาท, GPSC บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จํากัด (มหาชน) สนับสนุน 7.5 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาฟุตบอลฯ 3.5 ล้านบาท / ส.กีฬาบริดจ์ฯ 2 ล้านบาท / ส.กีฬาสกีและสโนว์บอร์ดฯ 1 ล้านบาท / ส.กีฬาตะกร้อ 0.5 ล้านบาท, IRPC บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) สนับสนุน 5 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาจักรยานฯ 3 ล้านบาท / ส.กีฬาอีสปอร์ตฯ 2 ล้านบาท 

ส่วนปีแรกของภาคเอกชนที่สนับสนุนสมาคมกีฬา มี 2 แห่ง ให้เงินสนับสนุนเป็นจำนวนเงิน 37 ล้านบาท รายละเอียด มีดังนี้ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สนับสนุน 25 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬากอล์ฟฯ 8 ล้านบาท / กีฬาอีสปอร์ตฯ 13 ล้านบาท / ส.กีฬาเปตองฯ 4 ล้านบาท, บริษัท บางจาก คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) สนับสนุน 12 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬามวยสากลฯ 12 ล้านบาท 

ด้านบริษัทจดทะเบียนที่สนับสนุนสมาคมกีฬา มี 13 แห่ง สนับสนุนเป็นจำนวนเงินรวม 51.05 ล้านบาท รายละเอียดมีดังนี้ บมจ. บีซีพีจี สนับสนุน 10 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬามวยสากลฯ 10 ล้านบาท, บมจ. บี.กริม เพาเวอร์ 10 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาขี่ม้าโปโลฯ 10 ล้านบาท, บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ สนับสนุน 5 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาลอนเทนนิสฯ 5 ล้านบาท, บมจ. ทีโอเอ เพนท์ (ประเทศไทย) สนับสนุน 5 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาบาสเกตบอลฯ 5 ล้านบาท 

บมจ.โอสถสภา สนับสนุน 10.3 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬามวยสากลฯ 5 ล้านบาท / ส.กีฬาตะกร้อ 0.8 ล้านบาท / ส.กีฬาทางอาการและการบินฯ 0.5 ล้านบาท / ส.กีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นฯ 2.4 ล้านบาท / ส.กีฬาจักรยานฯ 0.8 ล้านบาท / ส.กีฬาเทเบิลเทนนิสฯ 0.8 ล้านบาท, บมจ. วอริกซ์ สปอร์ต สนับสนุน 4 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาบาสเกตบอลฯ 4 ล้านบาท, ธนาคารกรุงเทพฯ สนับสนุน 2 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาบริดจ์ฯ 2 ล้านบาท, บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา สนับสนุน 1.5 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาเทเบิลเทนนิสฯ 1.5 ล้านบาท 

บมจ. พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค สนับสนุน 1 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาสกีและสโนว์บอร์ดฯ 1 ล้านบาท, บมจ. เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น สนับสนุน 2 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาเทเบิลเทนนิสฯ 1 ล้านบาท / ส.กีฬาคนพิการฯ 1 ล้านบาท, บมจ. เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ สนับสนุน 0.1 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬากระดานโต้คลื่นฯ 0.1 ล้านบาท, บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส สนับสนุน 0.1 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬากระดานโต้คลื่นฯ 0.1 ล้านบาท, บมจ. เจ้าพระยามหานคร สนับสนุน 0.05 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬากรีฑา 0.01 ล้านบาท / ส.กีฬาคนพิการ 0.01 ล้านบาท / ส.กีฬาแบดมินตันฯ 0.01 ล้านบาท / ส.กีฬาฟุตบอลฯ 0.01 ล้านบาท / ส.กีฬาวอลเลย์บอลฯ 0.01 ล้านบาท

ขณะที่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ สนับสนุน 5 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาเทเบิลเทนนิส 5 ล้านบาท และ การกีฬาแห่งประเทศไทย สนับสนุน 39.9 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬายูโดฯ 2.5 ล้านบาท / ส.กีฬาฮอกกี้น้ำแข็งฯ 2 ล้านบาท ซึ่งเงินสนับสนับสนุนที่เหลือได้กระจายให้สมาคมที่ไม่ได้รับการสนับสนุน จากรัฐวิสาหกิจและเอกชนอีกจำนวน 40 สมาคม-614

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เผยกัมพูชาโจมตีตั้งแต่ 5 ทุ่มถึงรุ่งสาง

กทม. 28 ก.ค.-ทบ. เผยกัมพูชาโจมตีตั้งแต่ 5 ทุ่มถึงรุ่งสาง ขณะ ทภ.2 เตือนอย่าเชื่อข่าวปลอม กองทัพไม่สนทางรัฐบาลเจรจา กร้าวเดินหน้ารบ-ประกาศอัยการศึก พร้อมชวนกดรีพอร์ทโพสต์-คอมเมนต์ผู้ไม่หวังดีโจมตีสื่อทางการไทย กองทัพบกทันกระแส รายงานว่าเข้าวันที่ 5 ของสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ตั้งแต่ 5 ทุ่ม เที่ยงคืน ตี 1 ตี 3 จนฟ้าเริ่มสาง ทหารไทยยังไม่ได้พักมีทุกแบบ ทั้งคืน นอกจากนี้ กองทัพภาคที่2 ยังได้ขอความร่วมมือ ชาวโซเชียลไทย กดรีพอร์ท Report โพสต์หรือคอมเม้นต์ของผู้ไม่หวังดี ที่ต้องการเข้ามา กลั่นแกล้ง ก่อกวน และโจมตี สื่อทางการไทย พร้อนเตือนประชาชน อย่าหลงเชื่อข่าวปลอม กรณีที่มีข่าวว่า “กองทัพแข็งกร้าว! ลั่นเดินหน้ารบ ซัดรบ.อย่าหวังเจรจา ขณะเขมรยึดพื้นที่ไทย จ่อใช้กฎอัยการศึกทั่วประเทศ”.-313.-สำนักข่าวไทย

ไทยตอนบน ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง และฝนตกหนักมากบางพื้นที่

กทม. 28 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบน ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง และฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือและอีสาน ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง และมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06.00 น. วันนี้ ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้ […]

กองทัพภาคที่ 2 แจงภาพระเบิดอาคารร้างฝั่งกัมพูชา

กทม. 28 ก.ค.-กองทัพภาคที่ 2 แจงภาพระเบิดอาคารร้างฝั่งกัมพูชา พบฝ่ายกัมพูชาตั้งอาวุธยิงสนับสนุนวิถีโค้งโจมตีพื้นที่พลเรือนฝ่ายไทย ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงกรณีมีภาพการระเบิดที่อาคารร้างฝั่งกัมพูชา ตามที่ปรากฏข่าวสารในสื่อสังคมออนไลน์ เหตุการณ์การระเบิดบริเวณอาคารร้างฝั่งกัมพูชาซึ่งอยู่ใกล้แนวชายแดนไทย ฝ่ายไทยมีการตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้ตั้งอาวุธยิงสนับสนุนวิถีโค้งไว้บริเวณพื้นที่พลเรือน และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับภารกิจทางทหารในหลายพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมากัมพูชาใช้อาวุธดังกล่าวในการโจมตีพื้นที่พลเรือนของฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่อง นำมาซึ่งความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย อันถือเป็นการกระทำที่เข้าข่าย “ใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์” (Human Shield) ซึ่งเป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรมสากล ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 จึงขอยืนยันว่า การใช้กำลังทางทหารของกองทัพไทยมุ่งเป้าเฉพาะไปยังเป้าหมายทางทหารที่ตรวจพบว่ามีการโจมตี หรือคุกคามต่อความมั่นคงของชาติไทย เท่านั้น ทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ยังคงยึดมั่นในหลักสันติวิธี การเคารพในอธิปไตยของประเทศเพื่อนบ้าน และไม่ใช้ความรุนแรงกับพลเรือนทุกกรณี แต่ต้องดำเนินมาตรการป้องกันตนเองจากภัยคุกคามที่เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ และอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ.-สำนักข่าวไทย

เขมรยิงจรวดตกใส่ชาวบ้านกันทรลักษ์ เสียชีวิตอีก 1 ราย

ศรีสะเกษ 27 ก.ค. – ไม่เลือกเป้าหมาย! กัมพูชายิงจรวดตกใส่บ้านเรือนประชาชน ต.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชาวบ้านเสียชีวิตอีก 1 ราย บาดเจ็บ 1 คน ด้าน ผบ.ตร.ลงพื้นที่ศรีสะเกษ กำชับดูแลทรัพย์สินประชาชน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ทำหน้าที่แข็งขัน .-สำนักข่าวไทย