ภาครัฐและเอกชน ลงนามทางการ โครงการ 1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ พลัส เทงบ 1,640 ล้านบาท หนุน 87 สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยยาว 4 ปี

29 มี.ค.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานแถลงข่าว ทำเนียบรัฐบาล โครงการ 1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ พลัส พร้อมลงนามกับ 17 รัฐวิสาหกิจ สนับสนุนวงการกีฬาไทยผ่านสมาคมกีฬาต่างๆ โดยมีผู้บริหารจากทั้งหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน และหน่วยงานกีฬาที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อร่วมเป็นสักขีพยานเป็นจำนวนมาก


ทั้งนี้ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายการสนับสนุนสมาคมกีฬา ได้ประสานหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน เพื่อร่วมขับเคลื่อนพัฒนาวงการกีฬาควบคู่ไปกับการผลักดันให้การกีฬาเป็นซอฟท์เพาเวอร์ ที่สำคัญของประเทศ ภายใต้หลักการที่ต้องการให้มีหน่วยงานเข้ามาสนับสนุนอย่างกว้างขวางทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงขยายการสนับสนุนให้ครบถ้วนครอบคลุมทุกสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยนั้น ล่าสุดบรรลุผลแล้ว 

นายเศรษฐา ทวีสิน เผยว่า การดำเนินการดังกล่าวได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากทั้งหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ บริษัทเอกชน, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, กระทรวงการคลัง, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และการกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งการลงนามในหนนี้ มีผู้ให้การสนับสนุนทั้งสิ้น 38 หน่วยงาน และมีสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยที่ได้รับการสนับสนุน จำนวน 87 สมาคม


นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การสนับสนุนจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 4 ปี ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาวงการกีฬาอย่างต่อเนื่องในระยะยาว โดยวงเงินที่จะสนับสนุนไปยังสมาคมกีฬาต่างๆ จะมีจำนวนประมาณปีละ 400 ล้านบาท คิดเป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น 1,640 ล้านบาท และคาดว่าการสนับสนุนสมาคมกีฬาอย่างทั่วถึงและต่อเนื่องเช่นนี้ จะช่วยให้สมาคมกีฬาต่างๆ สามารถวางแผนการพัฒนาในระยะยาวได้
อย่างเหมาะสม และก่อให้เกิดประโยซน์สูงสุดต่อการพัฒนาวงการกีฬาไทย

สำหรับปีแรก ในส่วนของรัฐวิสาหกิจ ที่ให้เงินสนับสนุนสมาคมกีฬาเป็นจำนวน 173.5 ล้านบาท สนับสนุนเป็นจำนวนเงินมาแล้ว 169.5 ล้านบาท คงเหลืออีก 4 ล้านบาท รายละเอียดการสนับสนุน มีดังนี้ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สนับสนุน 8 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬายิงปืนรณยุทธ์ฯ 4 ล้านบาท / ส.กีฬาเอ็กสตรีมฯ 4 ล้านบาท, การทางหลวงพิเศษแห่งประเทศไทย สนับสนุน 8 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬายิงเป้าบินฯ 5 ล้านบาท / ส.กีฬาเทคบอลฯ 3 ล้านบาท, บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) สนับสนุน 20 ล้านบาท 4 สมาคม แบ่งเป็น ส.กีฬาทางอากาศและการบินฯ 2 ล้านบาท / ส.กีฬาคาราเต้ฯ 3 ล้านบาท / ส.กีฬายิงปืนฯ 4 ล้านบาท / ส.กีฬาจักรยานฯ 10 ล้านบาท 

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สนับสนุน 5 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาบิลเลียดฯ 5 ล้านบาท, ธนาคารเพื่อการเกษตรฯ – ธกส. สนับสนุน 12 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาบาสเกตบอลฯ 12 ล้านบาท, สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล สนับสนุน 20 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาเจ็ตสกีฯ 3 ล้านบาท / ส.กีฬาปีนหน้าผาฯ 1.5 ล้านบาท / ส.กีฬาเบสบอลฯ 2.5 ล้านบาท / ส.กีฬาแบดมินตันฯ 5 ล้านบาท / ส.กีฬาคนตาบอดฯ 2 ล้านบาท / ส.กีฬาคนหูหนวกฯ 1 ล้านบาท / ส.กีฬาคนพิการทางปัญญา 1 ล้านบาท / ส.กีฬาฟิกเกอร์สเก็ตและสปีดสเก็ตติ้ง 3 ล้านบาท 


ธนาคารออมสิน สนับสนุน 20 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬายิมนาสติกฯ 3 ล้านบาท / ส.กีฬาวินเซิร์ฟฯ 7 ล้านบาท / ส.กีฬายูยิตสูฯ 6 ล้านบาท / ส.กีฬายิงธนูฯ 1.5 ล้านบาท / ส.กีฬาเนตบอลฯ 2.5 ล้านบาท, การไฟฟ้านครหลวง สนับสนุน 10 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬากรีฑาฯ 5 ล้านบาท / ส.กีฬาคนพิการฯ 3 ล้านบาท, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สนับสนุน 12 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาวอลเลย์บอลฯ 12 ล้านบาท, การไฟฟ้าฝ่ายผลิต สนับสนุน 27 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬายกน้ำหนักสมัครเล่น 20 ล้านบาท / ส.กีฬาเรือพายฯ 7 ล้านบาท 

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สนับสนุน 20 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาเทควันโด 20 ล้านบาท, บริษัทธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด สนับสนุน 1 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาตะกร้อฯ 1 ล้านบาท, การท่าเรือแห่งประเทศไทย สนับสนุน 5 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาเรือพายฯ 5 ล้านบาท, การประปานครหลวง 3.5 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาโบว์ลิ่ง 3.5 ล้านบาท, การประปาส่วนภูมิภาค 2 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาตะกร้อฯ 2 ล้านบาท 

ด้าน บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และ บริษัทในเครือที่สนับสนุนสมาคมกีฬา ให้เงินสนับสนุนงบเป็นจำนวน 200 ล้านบาท รายละเอียด มีดังนี้ PTT บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) สนับสนุน 100 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาฟุตบอลฯ 25 ล้านบาท / ส.กีฬาลอนเทนนิสฯ 15 ล้านบาท / ส.กีฬาฮอกกี้ฯ 15 ล้านบาท / ส.กีฬาว่ายน้ำฯ 15 ล้านบาท / ส.กีฬามวยสากลฯ 15 ล้านบาท / ส.กีฬาขี่ม้าฯ 10 ล้านบาท / ส.กีฬาเทควันโดฯ 5 ล้านบาท 

PTTEP บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) สนับสนุน 50 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาฟุตบอลฯ 20 ล้านบาท / ส.กีฬาเรือใบฯ 15 ล้านบาท / ส.กีฬาฮอกกี้ฯ 8 ล้านบาท / ส.กีฬาวินเซิร์ฟฯ 7 ล้านบาท, TOP บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) สนับสนุน 15 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาคนพิการฯ 5 ล้านบาท / ส.กีฬาวอลเลย์บอลฯ 5 ล้านบาท / ส.กีฬาเทเบิลเทนนิสฯ 3 ล้านบาท / ส.กีฬาว่ายน้ำฯ 2 ล้านบาท, OR บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) สนับสนุน 15 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬารักบี้ฟุตบอลฯ 7 ล้านบาท / ส.กีฬาสวอชฯ 5 ล้านบาท / ส. กีฬาคนพิการทางสมองฯ 3 ล้านบาท 

GC บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) สนับสนุน 7.5 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาสกีและสโนว์บอร์ด 2.5 ล้านบาท / ส.กีฬาว่ายน้ำฯ 2 ล้านบาท / ส.กีฬาตะกร้อฯ 1.5 ล้านบาท / ส.กีฬาฟุตบอลฯ 1.5 ล้านบาท, GPSC บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จํากัด (มหาชน) สนับสนุน 7.5 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาฟุตบอลฯ 3.5 ล้านบาท / ส.กีฬาบริดจ์ฯ 2 ล้านบาท / ส.กีฬาสกีและสโนว์บอร์ดฯ 1 ล้านบาท / ส.กีฬาตะกร้อ 0.5 ล้านบาท, IRPC บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) สนับสนุน 5 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาจักรยานฯ 3 ล้านบาท / ส.กีฬาอีสปอร์ตฯ 2 ล้านบาท 

ส่วนปีแรกของภาคเอกชนที่สนับสนุนสมาคมกีฬา มี 2 แห่ง ให้เงินสนับสนุนเป็นจำนวนเงิน 37 ล้านบาท รายละเอียด มีดังนี้ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สนับสนุน 25 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬากอล์ฟฯ 8 ล้านบาท / กีฬาอีสปอร์ตฯ 13 ล้านบาท / ส.กีฬาเปตองฯ 4 ล้านบาท, บริษัท บางจาก คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) สนับสนุน 12 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬามวยสากลฯ 12 ล้านบาท 

ด้านบริษัทจดทะเบียนที่สนับสนุนสมาคมกีฬา มี 13 แห่ง สนับสนุนเป็นจำนวนเงินรวม 51.05 ล้านบาท รายละเอียดมีดังนี้ บมจ. บีซีพีจี สนับสนุน 10 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬามวยสากลฯ 10 ล้านบาท, บมจ. บี.กริม เพาเวอร์ 10 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาขี่ม้าโปโลฯ 10 ล้านบาท, บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ สนับสนุน 5 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาลอนเทนนิสฯ 5 ล้านบาท, บมจ. ทีโอเอ เพนท์ (ประเทศไทย) สนับสนุน 5 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาบาสเกตบอลฯ 5 ล้านบาท 

บมจ.โอสถสภา สนับสนุน 10.3 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬามวยสากลฯ 5 ล้านบาท / ส.กีฬาตะกร้อ 0.8 ล้านบาท / ส.กีฬาทางอาการและการบินฯ 0.5 ล้านบาท / ส.กีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นฯ 2.4 ล้านบาท / ส.กีฬาจักรยานฯ 0.8 ล้านบาท / ส.กีฬาเทเบิลเทนนิสฯ 0.8 ล้านบาท, บมจ. วอริกซ์ สปอร์ต สนับสนุน 4 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาบาสเกตบอลฯ 4 ล้านบาท, ธนาคารกรุงเทพฯ สนับสนุน 2 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาบริดจ์ฯ 2 ล้านบาท, บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา สนับสนุน 1.5 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาเทเบิลเทนนิสฯ 1.5 ล้านบาท 

บมจ. พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค สนับสนุน 1 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาสกีและสโนว์บอร์ดฯ 1 ล้านบาท, บมจ. เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น สนับสนุน 2 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาเทเบิลเทนนิสฯ 1 ล้านบาท / ส.กีฬาคนพิการฯ 1 ล้านบาท, บมจ. เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ สนับสนุน 0.1 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬากระดานโต้คลื่นฯ 0.1 ล้านบาท, บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส สนับสนุน 0.1 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬากระดานโต้คลื่นฯ 0.1 ล้านบาท, บมจ. เจ้าพระยามหานคร สนับสนุน 0.05 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬากรีฑา 0.01 ล้านบาท / ส.กีฬาคนพิการ 0.01 ล้านบาท / ส.กีฬาแบดมินตันฯ 0.01 ล้านบาท / ส.กีฬาฟุตบอลฯ 0.01 ล้านบาท / ส.กีฬาวอลเลย์บอลฯ 0.01 ล้านบาท

ขณะที่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ สนับสนุน 5 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬาเทเบิลเทนนิส 5 ล้านบาท และ การกีฬาแห่งประเทศไทย สนับสนุน 39.9 ล้านบาท แบ่งสนับสนุน ส.กีฬายูโดฯ 2.5 ล้านบาท / ส.กีฬาฮอกกี้น้ำแข็งฯ 2 ล้านบาท ซึ่งเงินสนับสนับสนุนที่เหลือได้กระจายให้สมาคมที่ไม่ได้รับการสนับสนุน จากรัฐวิสาหกิจและเอกชนอีกจำนวน 40 สมาคม-614

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ยกหารือเวที UN พรุ่งนี้

สวีเดน 26 ส.ค.-“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา หลังกัมพูชาใช้โล่มนุษย์ยั่วยุในพื้นที่ต่อเนื่อง เตรียมยกเรื่องนี้หารือเวที UN ที่เจนีวา พรุ่งนี้ ยันยังไม่ส่งทูตกลับ จนกว่าเขมรแสดงให้เห็นว่าจริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังการหารือทวิภาคีกับนางมารีอา มัลเมอร์ สเตเนอร์การ์ด (Maria Malmer Stenergard) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสวีเดน ถึงสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ที่มีการยั่วยุโดยใช้พลเรือนเป็นเครื่องมืออย่างต่อเนื่อง ว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่หน่วยงานในพื้นที่ต้องช่วยกันระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน เพราะเมื่อมีพลเรือนเข้ามาเกี่ยวข้อง ในการทำงานของทางทหารก็จะยากลำบาก อาจจะนำไปสู่การสร้างความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น ดังนั้นหน่วยงานที่เป็นพลเรือนในพื้นที่ก็จำเป็นจะต้องเข้ามาดูแลและแก้ไขสถานการณ์ตรงนี้ นายมาริษ กล่าวว่า ในการพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสวีเดน ตนได้อธิบายให้เข้าใจว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่กัมพูชาพยายามใช้ ซึ่งขัดต่อความตกลงในกฎบัตรสหประชาชาติเป็นอย่างมาก เหมือนกับใช้ประชาชนและพลเรือนเป็นโล่มนุษย์ เพื่อที่จะทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ซึ่งประเทศสวีเดนก็เข้าใจ และพรุ่งนี้ (27 ส.ค.) ตนจะมีโอกาสได้ชี้แจงกับที่ประชุม UN ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ตนจะยกประเด็นนี้ขึ้นแสดงความห่วงกังวลว่า การใช้วิธีเอาพลเรือนมาเป็นตัวกดดัน หรือมาสร้างความตึงเครียด หรือขยายความตึงเครียดบริเวณชายแดนมากยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ […]

พายุคาจิกิเริ่มแผลงฤทธิ์ถล่มหลายจังหวัดภาคเหนือ น่านยกระดับรับมือ

26 ส.ค. – พายุคาจิกิเริ่มแผลงฤทธิ์แล้ว หลายจังหวัดทางภาคเหนือมีฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก จนมีน้ำท่วมหลายพื้นที่ และต้องจับตาไปที่จังหวัดน่าน ซึ่งพายุคาจิกิเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่และเริ่มส่งผลกระทบตั้งแต่ช่วงค่ำวันนี้ ทำให้จังหวัดน่านยกรระดับมาตรการป้องกันและเตรียมรับมือกับน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม.-สำนักข่าวไทย

Gripen ที่จัดซื้อใหม่ประสิทธิภาพดีกว่าลำเดิมที่มีอยู่

สวีเดน 26 ส.ค. – แม้รัฐบาลไทยและสวีเดนได้ลงนามความร่วมมือซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตีกริพเพน E และ F ไปแล้ว แต่กว่าจะได้รับเครื่อง จะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 4 ปี ระหว่างนี้จะมีการวางกรอบพัฒนาร่วมกัน แน่นอนว่ารุ่นใหม่สเปกใหม่ดีกว่ารุ่นเก่าที่เรามี แตกต่างอย่างไร ติดตามจากรายงาน.-สำนักข่าวไทย

คนไทยรวมพลังร้องเพลงชาติกึกก้องบ้านหนองจาน

26 ส.ค. – ชาวไทยกว่า 500 คน รวมตัวร้องเพลงชาติ ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ บริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว แสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (26 ส.ค.68) ประชาชนไทยกว่า 500 คน มารวมตัวกันบริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ และร่วมกันร้องเพลงชาติไทย จนเสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพื่อแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย และพร้อมยืนหยัดเคียงข้างกองทัพในการปกป้องอธิปไตย ชาวบ้านยังจัดเตรียมอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็น ไปมอบให้ทหาร เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เข้าควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอความร่วมมือประชาชนที่มาร่วมชุมนุมให้อยู่ในแนวพื้นที่ที่กำหนดไว้เพื่อป้องกันการเผชิญหน้า “เจ๊เอ๋” ณัฐฐารินทร์ เกษมสารพิพัฒน์ เจ้าหนี้คนดัง บอกว่า วันนี้ประชาชนคนไทยต้องมาเผชิญหน้ากับชาวกัมพูชาด้วยตัวเอง เพราะผู้มีหน้าที่โดยตรงนิ่งเฉย ส่วนที่บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และพลโทวันชนะ สวัสดี นำคณะลงพื้นที่ พบมีชาวกัมพูชาสร้างบ้านเรือนรุกล้ำเขตไทย 18 หลัง […]