“วิ่งผ่าเมือง”ครั้งที่ 6 คึกคัก! แห่สมัครแล้ว 2.5 หมื่นคน คาดเงินสะพัด 560 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ณ ห้องประชุม Convention hall อาคาร TOYOTA ALIVE นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มอบหมายให้ นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมแถลงข่าวความพร้อมในการจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับโลก รายการ “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก พรีเซ็นต์ บาย โตโยต้า” ครั้งที่ 6 (Amazing Marathon Bangkok 2023 presented by TOYOTA) หรือ “วิ่งผ่าเมือง”


โดยได้รับเกียรติจาก นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, มร.อเลสซิโอ พุนซี ผู้อำนวยการอาวุโสสมาคมกรีฑาโลก (World Athletics), นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท., นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ, นายสุรศักดิ์ เกิดจันทึก รองผู้ว่าการฝ่ายยุทธศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), พันตำรวจเอก สันทัด ลยางกูร รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล, นายสุชาติ แจสุรภาพ ประธานกรรมการมาตรฐานการวิ่ง สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยฯ, นายกอบเกียรติ แสงวนิชย์ ผู้อำนวยการจัดการแข่งขันฯ และนายณัทธร ศรีนิเวศน์ รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ตลอดจนผู้สนับสนุนทั้งภาครัฐและเอกชน และเหล่านักวิ่ง ร่วมงานอย่างคับคั่ง

นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช กล่าวว่า รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้มีโอกาสร่วมเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ได้รับการรับรองจากสมาคมกรีฑาโลก ให้เป็น 1 ในการแข่งขันมาราธอนในเมืองหลวงระดับต้น ๆ ของโลก รายการ Amazing Marathon Bangkok 2023 presented by TOYOTA ถือเป็นรายการวิ่งมาราธอนในเมืองหลวงอย่างเป็นทางการของประเทศ โดยกระทรวงฯ เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งในปี 2559 และได้มอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นแม่งานหลัก ซึ่งตนขอชมเชยแก่ท่านผู้ว่าการ ททท. ท่านผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันทุกท่าน ที่สามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ของการจัดงานวิ่งในเมืองหลวงได้ด้วยดี จนทำให้รายการนี้ได้รับการยอมรับจาก World Athletics ให้เป็นรายการมาราธอนที่จัดขึ้นในเมืองหลวงอย่างมีคุณภาพในลำดับต้นๆ ของทวีปเอเชีย”


“การแถลงข่าวครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงเหล่านักวิ่ง อาสาสมัคร เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ด้วยการร่วมกันมาประกาศความพร้อมของการจัดงานในวันนี้ ตนขออวยพร ให้การดำเนินการจัดการแข่งขัน Amazing Thailand Marathon Bangkok presented by TOYOTA ประสบความสำเร็จไปด้วยดี” นายณณัฏฐ์ กล่าว

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันฯ กล่าวว่า การแข่งขันรายการนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 6 โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้มอบหมายให้ ททท. สานต่อนโยบายของอดีตรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ทั้ง 3 ท่าน รัฐบาลชุดนี้นำโดยนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ได้จัดตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ “ซอฟท์พาวเวอร์แห่งชาติ” เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศ ผ่านต้นทุนทางวัฒนธรรม โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากำหนดกลยุทธ์และแผนการดำเนินงานต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด กระทรวงฯ จึงได้มอบหมายนโยบายสำคัญนี้ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัด 5 งานหลักของประเทศในช่วงสิ้นปี และหนึ่งในกิจกรรมนั้น ก็คือการแข่งขัน Amazing Thailand Marathon Bangkok นั่นเอง

“สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ มียอดจำนวนผู้สมัครเข้าร่วมแข่งขัน ณ วันที่ 16 ตุลาคม 2566 เป็นจำนวนทั้งสิ้น 25,146 คน เป็นชาวไทย 20,971 คน และชาวต่างชาติ 4,175 คนจาก 65 ประเทศทั่วโลก คาดว่าการแข่งขันรายการนี้จะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของประเทศ ไม่น้อยกว่า 565 ล้านบาท”


นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ในฐานะที่ปรึกษา และประธานคณะกรรมการฝ่ายสถานที่ กล่าวว่า กรุงเทพมหานคร เป็นเจ้าภาพร่วม Hosted City ในรายการ Amazing Thailand Marathon Bangkok 2023 ซึ่งเราได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงที่จะส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการจัดการแข่งขันรายการนี้ในทุกๆ ปีอย่างต่อเนื่องไปอีก 5 ปี ผมขอถือโอกาสประกาศไว้ ณ ที่นี้ว่า รายการ ATMBKK เป็นรายการวิ่งมาราธอนอย่างเป็นทางการของกรุงเทพมหานคร

“ผมนเห็นว่าการแข่งขันรายการนี้ สร้างประโยชน์มากมายต่อนักวิ่ง รวมถึงประชาชน และชุมชนต่าง ๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความสุขให้กับนักวิ่ง รวมถึงยังเป็นแรงกระตุ้นให้ประชาชนทั่วไปหันมาให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายและใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับกรุงเทพมหานคร การใช้กิจกรรมด้านการท่องเที่ยวเชิงกีฬามาเป็นจุดขาย ถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะนอกจากจะมีนักท่องเที่ยวเกือบ 5 พันคน จาก 65 ประเทศทั่วโลกเดินทางมาจับจ่ายใช้สอยในประเทศแล้ว ยังจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานคร”

“ผมมีความเชื่อมั่นว่ารายการ Amazing Thailand Marathon Bangkok 2023 จะเป็นรายการวิ่งมาราธอนที่มีมาตรฐานเทียบเคียงระดับโลก จนเป็นที่ยอมรับจากนักวิ่งทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้ หวังว่าอีกไม่นาน รายการนี้จะสามารถยกระดับไปสู่ระดับโลกได้อย่าง โตเกียว มาราธอน หรือ บอสตัน มาราธอน ซึ่งจะเป็นประโยชน์อันใหญ่หลวงต่อกรุงเทพมหานคร” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว

มร.เอเลสซิโอ ปุนซี่ ผู้อำนวยการอาวุโสสมาคมกรีฑาโลก ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมดูแลมาตรฐานการจัดงานวิ่งบนถนน ได้ทำเซอร์ไพรส์คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ด้วยการบินตรงมาร่วมแสดงความยินดีและแถลงข่าวในวันนี้ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับทางรัฐบาลไทยและคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ที่สามารถดำเนินการจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนในเมืองหลวงในทุก ๆ ครั้ง ได้มาตรฐานโลก ไม่น้อยหน้าเมืองหลวงของประเทศอื่น ๆ กรุงเทพมหานคร ถือเป็นเมืองหลวงสำคัญของทวีปเอเชีย มีความพร้อมในทุก ๆ ด้าน ดังนั้น ตนเห็นว่าหากสมาคมกรีฑาโลกให้การสนับสนุนคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ อย่างต่อเนื่อง จะเป็นการช่วยยกระดับให้กรุงเทพมหานครเป็น 1 ใน 10 อันดับแรก ของการจัดวิ่งมาราธอนในเมืองหลวงของโลกอย่างแน่นอน

“ผมเดินทางมาร่วมงานแถลงข่าวในวันนี้เพราะต้องการประกาศให้ทุกท่านทราบทั่วกันว่า รายการ Amazing Thailand Marathon Bangkok ได้ถูกบรรจุให้เป็นหนี่งในมาราธอนซีรีย์เก็บสะสมคะแนนโลกของเมืองหลวง หรือ The Official Capital City Marathon World Series ซี่งสมาคมกรีฑาโลกจะเลือกเมืองหลวงเพียง 10 แห่ง มาบรรจุในซีรีย์สะสมคะแนนดังกล่าว โดยรายการนี้จะเป็น Final Race ในทุก ๆ ปี เราจะเริ่มโครงการนี้จากปีหน้าเป็นต้นไป” ผอ.อาวุโส ส.กรีฑาโลก กล่าว

นายณัทธร ศรีนิเวศน์ ในฐานะ Co-Race Director และผู้สนับสนุนหลัก กล่าวว่า รายการ “วิ่งผ่าเมือง” เกิดจากความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ททท. กทม. กกท. กองบัญชาการตำรวจนครบาล สมาคมกรีฑาโลก ไทยแลนด์ไตรลีก รวมถึง ภาคเอกชนอีกหลายๆ ท่าน ที่ทุกฝ่ายต่างให้ความร่วมมือ และความช่วยเหลือ ทั้งงบประมาณ และบุคลากร หรือสิ่งอื่นๆ ที่จะช่วยเหลือกันได้ รวมถึงการช่วยทำประชาสัมพันธ์ในอีกหลายๆ ช่องทาง

“โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ได้ให้การสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้นโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ ไทยแลนด์ไตรลีก มาตั้งแต่ปีแรกจนถึงปัจจุบัน ในปีนี้ มีความพิเศษยิ่งขึ้น โดยที่เราทั้งสามฝ่ายได้ร่วมกันจัดกิจกรรมที่จะส่งเสริมและสร้างกระแสให้คนออกมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ภายใต้ชื่อกิจกรรม Road to ATMBKK 2023 หรือ ซิตี้รัน…มันส์ ฟัน เวอร์ ในช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายนปีนี้ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวได้รับความสนใจจากนักวิ่งและประชาชนโดยทั่วไปเข้าร่วมเป็นจำนวนมากถึง 15,000 คน หากนำจำนวนผู้ร่วมกิจกรรมดังกล่าวมารวมกับผู้ร่วมแข่งขันการแข่งขัน Amazing Thailand Marathon Bangkok 2023 จะถือว่าการจัดงานรายการนี้ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมมากถึง 4 หมื่นคน เป็นการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวได้อีกหลายเท่าตัว” นายณัทธร กล่าว

นายกอบเกียรติ แสงวนิชย์ ผู้อำนวยการจัดการแข่งขัน กล่าวถึงรายละเอียดของการแข่งขันว่า รายการนี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ พระราชทานถ้วยรางวัลของรายการ จำนวนทั้งสิ้น 8 รางวัล ได้แก่ ถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สำหรับผู้ชนะในประเภทบุคคลทั่วไปชาย และบุคคลทั่วไปชายไทย ระยะมาราธอน จำนวน 2 รางวัล, ถ้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี สำหรับผู้ชนะในประเภทบุคคลทั่วไปหญิงและบุคคลทั่วไปหญิงไทย ระยะมาราธอน จำนวน 2 รางวัล และถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ จำนวน 4 รางวัล สำหรับผู้ชนะในประเภทบุคคลทั่วไป ชายและหญิง ระยะฮาล์ฟมาราธอน และผู้ชนะในประเภทบุคคลทั่วไป ชายไทยและหญิงไทย ระยะฮาล์ฟมาราธอน

นอกจากนี้ การแข่งขันยังเป็นรุ่นกลุ่มอายุต่าง ๆ โดยมีถ้วยรางวัลให้ชิงชัยกันทั้งสิ้น จำนวน 221 รางวัล มีเงินรางวัลรวมทั้งสิ้น 2,440,500 บาท ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.amazingthailandmarathon2023.com และทางเฟสบุ๊ก www.facebook.com/amazingthailandmarathonbkk

สำหรับ Amazing Thailand Marathon Bangkok 2023 presented by TOYOTA กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 3 ธันวาคม 2566 ระยะ 42 กม., 21 กม. ปล่อยตัว ณ ราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก ส่วนระยะ 10 กม., 5 กม. ปล่อยตัว ณ โลหะปราสาท ถนนราชดำเนิน โดยมีเส้นชัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและลานคนเมือง โดยกรุงเทพมหานคร ได้กำหนดให้ลานคนเมืองเป็นจุดนัดพบหลังเส้นชัย โซนอาหาร และจุดขึ้นรถชัตเติลบัส ส่วนกำหนดลงทะเบียนรับเบอร์-อุปกรณ์แข่งขัน ในวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง 2 ธันวาคม 2566

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ศิริโชค” เชื่อรถถูกเผาโยงการเมือง ตร.เร่งหาเบาะแสคนร้าย

6 ก.ค.- “ศิริโชค” ฟันธงเหตุรถยนต์ถูกลอบวางเพลิงมาจากเรื่องการเมือง ด้านตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้าย ส่วนบริษัทเจ้าของรถออกหนังสือชี้แจงสาเหตุไฟไหม้ ความคืบหน้าเหตุการณ์ไฟไหม้ รถ GWM HAVAL H6 PHEV ของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ 4 สมัย ซึ่งจอดอยู่ในบริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อช่วงตี 3 วานนี้ (5ก.ค.68) ทำให้รถเสียหายทั้งคันและได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.นาทวี เพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นความบกพร่องของรถหรือลอบวางเพลิง ล่าสุดในทางคดีมีการยืนยันชัดเจนแล้วว่า เป็นการจงใจลอบวางเพลิง โดยหลังจากที่วานนี้ พนักงานสอบสวน สภ.นาทวี และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้รถยนต์คันนี้ ปรากฏว่าพบมียางรถยนต์จำนวน 6 เส้นถูกเผาเหลือแต่เส้นใยเหล็ก พร้อมด้วยตับสิเหรงที่ใช้มุงหลังคา ซึ่งน่าจะเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟเพื่อทำการเผารถยนต์คันนี้อยู่บริเวณใต้ท้องรถ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุหรือความบกพร่องของรถแต่อย่างใด ด้านนายศิริโชค เปิดเผยว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการวางเพลิงโดยใช้ยางรถยนต์ ตับสิเหรง และใช้น้ำมันเบนซินราด จากที่ตนสังเกตแม้ว่าทางศูนย์หลักฐานจะยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ว่าดูจากรูปการแล้วพุ่งเป้าไปที่คนวางเพลิง ไม่ใช่ความบกพร่องของรถ แต่มีความตั้งใจที่จะให้เป็นความบกพร่องของรถเพราะเป็นรถไฟฟ้า แต่สุดท้ายจากหลักฐานที่พบบ่งชี้ไปที่การวางเพลิง มองว่ามาจากเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องการสร้างสถานการณ์ด้านความมั่นคงหรือเรื่องส่วนตัว เพราะตนไม่มีความแค้นส่วนตัวกับใครไม่ได้ทำธุรกิจในพื้นที่ ไม่มีเรื่องชู้สาว สิ่งที่เดียวที่มีคือการเป็นนักการเมือง […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดดังพิษณุโลก ย่องลาสิกขา หลังพัวพันข่าวดัง

พิษณุโลก 6 ก.ค.- “พระ ส.” เจ้าอาวาสวัดดัง จ.พิษณุโลก ย่องลาสิกขาเงียบ หลังพัวพันข่าวดัง ขณะทางวัดยังไม่แถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ได้ลาสิกขาอย่างเงียบ ๆ โดย พระครูวิโรจน์ธรรมากร เจ้าอาวาสวัดกรุงกรัก เจ้าคณะตำบลท่านางงาม เขต 2 เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางระกำ เป็นผู้ทำพิธีลาสิกขาให้พระ ส. ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นสามีคนแรกของหญิงสาวที่รู้จักในฉายา “น้องดอกไม้” หรือสีกา ก. และยิ่งได้รับความสนใจเมื่อมีข้อมูลระบุว่า น้องดอกไม้มีบุตรสาววัย 13 ปี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอดีตของพระ ส. ขณะทางวัดยังไม่มีการออกแถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุของการลาสิกขา แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเจ้าอาวาส เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดและศาสนา -สำนักข่าวไทย

น้ำโขงใกล้แตะ 9 เมตร สทนช.เตือนเฝ้าระวัง

บึงกาฬ 6 ก.ค.- “แม่น้ำโขง” ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ใกล้แตะ 9 เมตร สทนช. เตือนเฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง ที่จังหวัดบึงกาฬ เกิดฝนตกติดต่อกันกว่า 2 สัปดาห์ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและ สปป ลาว ตอนบน ประกอบกับ สปป ลาว มีฝนตกลงอย่างต่อเนื่อง และมีมวลน้ำเหนือจากจังหวัดเลย จังหวัดหนองคาย ไหลลงมาสมทบ ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเช้าวันนี้ จุดวัดระดับน้ำบ้านพันลำ วัดได้ 8.60 เมตร เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 30 เซนติเมตร แต่ยังอยู่ในระดับปกติ ส่วนที่ประตูระบายน้ำ ข้างสำนักงาน ตม.บึงกาฬ เจ้าหน้าทีเทศบาลได้เปิดประตูระบายน้ำ เพื่อให้น้ำที่สะสมตามท่อระบายน้ำต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองไหลลงสู่แม่น้ำโขง เช่นเดียวกับบริเวณด่านพรมแดนศุลกากร เรือโดยสารขนส่งสินค้าและเรือขนส่งผู้โดยสารไทย-ลาว ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือ เนื่องจากน้ำโขงไหลแรงและมีเศษวัชพืช เศษขยะไหลมากับสายน้ำ พร้อมขยับปรับระดับโป๊ะเทียบท่าให้อยู่ในระดับพอดี และผูกเชือกมัดโยงให้แน่นหนาเพื่อความปลอดภัย ขณะที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม […]