มวยไทยสมัครเล่นเยาวชนปทท.ปิดฉาก ได้ยอดฝีมือลุยเวิลด์ที่ตุรกีต่อ

การแข่งขันมวยไทยสมัครเล่นเยาวชนชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2566 ที่หน้าอาคารนิมิตบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ ปทุมวัน ปิดฉากลงอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2566 โดยมี ดร.ศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ ประธานสหพันธ์สมาคมมวยไทยนานาชาติ (IFMA) และนายกสมาคมกีฬามวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ (AMTAT) เป็นประธานในพิธีปิด


สำหรับการแข่งขันวันสุดท้ายรอบเช้าเป็นการแข่งขันไหว้ครูมวยไทย ส่วนภาคบ่ายเริ่มตั้งแต่การแข่งขันคีตะมวยไทย และการชกของ 2 รุ่น คือ รุ่นอายุ 18-23 ปี ชาย-หญิง และรุ่นอายุ 15-17 ปี ชาย-หญิง

ผลการแข่งขันรุุ่นอายุ 18-23 ปี รุ่น 45 กิโลกรัมชาย เหรียญทอง อดิศร นุ้ยโส้ะ จาก มหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตชุมพร, เหรียญเงิน สิทธิศักดิ์ ไชชยมงคล จากสมาคมกีฬาจังหวัดแม่ฮ่องสอน, หรียญทองแดง ณัฐสิทธิ์ อายุยืน จาก มรภ.สุราษฎร์ธานี กับ ชินวัตร จันตะมะ จากกองทัพภาคที่ 3


รุ่น 45 กิโลกรัมหญิง เหรียญทอง อริศรา นุ่นเอียด จากทหารอากาศ, เหรียญเงิน ศุภ ฟ้าธรณีแสง จากโรงเรียนกีฬากรุงเทพฯ, เหรียญทองแดง จุฑารัตน์ วิชัยดิษฐ์ จากมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตชุมพร กับ นฤมล มณีฉาย จาก มรภ.สุราษฎร์ธานี

รุ่น 48 กิโลกรัมชาย เหรียญทอง บริรักษ์ ดีเร็ว จากกองทัพบก, เหรียญเงิน อนุชิต พิมานฉิมพลี จากสมาคมกีฬาจังหวัดแม่ฮ่องสอน, เหรียญทองแดง สุธาวี แซ่เฒ่า จากมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตชุมพร กับ ซัมซู สนิแล จากสมาคมกีฬากรุงเทพฯ

รุ่น 48 กิโลกรัมหญิง เหรียญทอง กุลณัฐ อ่อนอก จากทหารอากาศ, เหรียญเงิน อภิชญา เลขมาศ จากมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตชุมพร, เหรียญทองแดง รวิวรรณ รักชิตร จาก มรภ.สุราษฎร์ธานี กับ เกวลิน เขียวพรมมา จากสมาคมกีฬากรุงเทพฯ


รุ่น 51 กิโลกรัมชาย เหรียญทอง ณัฐพงค์ พงค์พันธ์ จากกองทัพบก, เหรียญเงิน พิทธพร อันโน จากมรภ.สุรินทร์, เหรียญทองแดง รณกร ยาคำ จากกองทัพภาคที่ 3 กับ ธนวัฒน์ จิตรครบุรี จากมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตชุมพร

รุ่น 51 กิโลกรัมหญิง เหรียญทอง นิราวรรณ ตังจิว จากทหารอากาศ, เหรียญเงิน จิตติมา พรหมเสน จาก โรงเรียนกีฬากรุงเทพฯ, เหรียญทองแดง กานต์ธีรา เฉลิมสถาน จากมหาวิทยากีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตชุมพร กับ วีรวรรณ เขตสักขี จาก มรภ.สุรินทร์

รุ่น 54 กิโลกรัมชาย เหรียญทอง ทศพร ศรีพรมหม จากกองทัพบก, เหรียญเงิน ธราดล สนธิช่วย จาก มรภ.สุราษฎร์ธานี, เหรียญทองแดง วายุ หวัดแท่น จากสมาคมกีฬากรุงเทพฯ กับ เฉลิมชนม์ วงค์เทพ จากสมาคมกีฬจังหวัดแม่ฮ่องสอน

รุ่น 54 กิโลกรัมหญิง เหรียญทอง ธนิษฐา เพลินจิตร จากทหารอากาศ, เหรียญเงิน สุธาทิพย์ ทองตรีพันธุ์ จากมรภ.สุราษฎร์ธานี, เหรียญทองแดง สุรัชดา นามรักษ์ จากโรงเรียนกีฬากรุงเทพฯ กับ เปรมฤดี พรหมจันทร์ จาก มหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตชุมพร

รุ่น 57 กิโลกรัมชาย เหรียญทอง เกียรติบัณฑิต พื้นบน จาก มรภ.สุรินทร์, เหรียญเงิน ศุภกร ศิริลุน จากกองทัพบก, เหรียญทองแดง พศุตม์ ขนอม จากมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตชุมพร กับ ศักดา ขาวเรือง มรภ.สุราษฎร์ธานี

รุ่น 60 กิโลกรัมชาย เหรียญทอง อัษฎาวุธ บุญรัตน์ จากมรภ.สุราษฎร์ธานี, เหรียญเงิน วิทย์วัช อ้วนตี จากกองทัพภาคที่ 3, เหรียญทองแดง วีรภัทร บุตรหลัง จากมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตชุมพร กับ ธนรัฐ ยังงาม จาก มรภ.สุรินทร์

ขณะที่รุ่นอายุ 15-17 ปี รุ่น 45 กิโลกรัมชาย เหรียญทอง ธัญยามัย ศรีทองบูลย์ จากโรงเรียนกีฬาเทศฯสุราษฎร์ธานี เหรียญเงิน ธีรภัตร์ อิตัน จากสมาคมกีฬากรุงเทพฯ, เหรียญทองแดง นันทวัฒน์ จันทร์พุ่ม จากโรงเรียนกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช กับ ศุภสิน แก้วมี จาก โรงเรียนกีฬากรุงเทพฯ

รุ่น 45 กิโลกรัมหญิง เหรียญทอง นรชา ตังจิว จากทหารอากาศ, เหรียญเงิน สุนิสา อนามนารถ จาก โรงเรียนกีฬากรุงเทพฯ, เหรียญทองแดง หริกานต์ แสงทอง จากสมาคมกีฬาจังหวัดสุราษฎร์ธานี กับ ธิดารัตน์ กันย์บุรี จากค่ายมวยศูนย์ฯตาก

รุ่น 48 กิโลกรัมชาย เหรียญทอง ศรฤทธิ์ นาคนวล จากกองทัพภาค 3, เหรียญเงิน เกรียงศักดิ์ ไกยสิทธิ์ จากโรงเรียนกีฬาเทศฯสุราษฎร์ธานี, เหรียญทองแดง ชาคริส ลูเหลิม จากโรงเรียนกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช กับ ปิยพงษ์ นวลแก้ว จากกองทัพบก

รุ่น 48 กิโลกรัมหญิง เหรียญทอง อนุธิดา แสงขาว จากท่ามะปราง, เหรียญเงิน ปลายฝน สุวรรณ จากทหารอากาศ, เหรียญทองแดง นริสรา จันชาดา จากสมาคมกีฬาจังหวัดชัยภูมิ กับ กมลรัตน์ มีพริ้ง จาก สมาคมกีฬาจังหวัดสุราษฎร์ธานี

รุ่น 51 กิโลกรัมชาย เหรียญทอง สิทธินนท์ ดำเนียม จากโรงเรียนกีฬากรุงเทพฯ, เหรียญเงิน อัมรินทร์ เพชรฤทธิ์ จากโรงเรียนกีฬาจังหวัดตรัง, เหรียญทองแดง อาทิตย์ แสนงาม จากกองทัพบก กับ อภิโชค ผากา จากกองทัพภาค 3

รุ่น 51 กิโลกรัมหญิง เหรียญทอง มณีวรรณ เคี่ยมการ จากสมาคมกีฬาจังหวัดสุราษฎร์ธานี, เหรียญเงิน โสธิดา สิทธิไชย จากท่ามะปราง, เหรียญทองแดง มิญชญา สีมวงศ์ จากทหารอากาศ กับ ชนัญชิตา ณ วิจิตร จาก โรงเรียนกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช

รุ่น 54 กิโลกรัมชาย เหรียญทอง พัชรพล แสนสวาท จากกองทัพบก, เหรียญเงิน วิวิธวินท์ เลนทำมี จาก โรงเรียนกีฬากรุงเทพฯ, เหรียญทองแดง คเชนทร์ ตุลารักษ์ จากสมาคมกีฬากรุงเทพฯ กับ ณัฐพัชน์ ศรีนวลยอดใส จากกองทัพภาค 3

รุ่น 54 กิโลกรัมหญิง เหรียญทอง เอวิตรา สอนฤทธิ์ จากสมาคมกีฬาจังหวัดชัยภูมิ, เหรียญเงิน วลีพร เอมโคกสรุด จากโรงเรียนกีฬากรุงเทพฯ, เหรียญทองแดง สุพัตตรา อินธิราช จากท่ามะปราง กับ สโรชา หนูเนียม จากโรงเรียนกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช

รุ่น 57 กิโลกรัมชาย เหรียญเงิน ณัฐวุฒิ พรหมแก้ว จากโรงเรียนกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช, เหรียญเงิน ศุภโชค ขุนชาญ จากโรงเรียนกีฬาเทศฯสุราษฎร์ธานี, เหรียญทองแดง ธีรภัทร พรมเลข จากกองทัพภาค 3 กับ สุรบดินทร์ สุขดารา จากกองทัพบก

รุ่น 60 กิโลกรัมชาย เหรียญทอง อภิรักษ์ กุนอก จากกองทัพบก, เหรียญเงิน ปภังกร จันทรโสภา จากกองทัพภาค 3, เหรียญทองแดง สุกฤษฎิ์ นาคปรีชา จากสมาคมกีฬากรุงเทพฯ กับ สันณห์สิริ ดอกชะเอม จากโรงเรียนกีฬาเทศฯสุราษฎร์ธานี

ส่วนการแข่งขันร่ายรำไหว้ครูมวยไทย ประเภทบุคคลหญิง แชมป์ตกเป็นของ เนตรนภา สีหาคำแท้ รับเงินรางวัล 12,000 บาท อันดับ 2 ปิยะดา สุธรรมมา รับเงินรางวัล 8,000 บาท อันดับ 3 ขวัญพิชชา ภาคแก้ว, อริศรา แยกโคกสูง รับเงินรางวัลคนละ 4,000 บาท ส่วนประเภทบุคคลชาย แชมป์เป็นของ ธนวัฒน์ แสงนาค รับเงินรางวัล 12,000 บาท อันดับ 2 นัฐพล ไชยมาตย์ รับ 8,000 บาท อันดับ 3 อัครวัฒน์ เจริญพันธ์, อุกกฤษฎ์ น้อยอุบล รับเงินรางวัลคนละ 4,000 บาท

ขณะที่การแข่งขันไม้มวยไทย ประเภทคู่หญิง แชมป์ตกเป็นของ กานต์พิชชา สรวงศิริ กับ เนตรนภา สีหาคำแท้ รับเงินรางวัล 18,000 บาท อันดับ 2 ขวัญพิชชา ภาคแก้ว กับ จิรัชญา ทีคำแก้ว รับ 12,000 บาท อันดับ 3 คัมภีรพรรณ เทียมทัศ กัย ศิริตุลา หอมจำปา, วนิษา ไชยจูด กับ สุพัชฎาภรณ์ ดำชื่น รับ 6,000 บาท ส่วนประเภทคู่ชาย แชมป์เป็นของ พิทยา ทิพย์ปรานี กับ ธนวัฒน์ แสงนาค รับเงินรางวัล 18,000 บาท อันดับ 2 จิรวัฒน์ จิตระงับ กับ สหภาพ ลาภสถิตย์ รับ 12,000 บาท อันดับ 3 นครินทร์ ใจเร็ว กับ ธีระวัฒน์ ผลไธสง, อุกกฤษฎ์ น้อยอุบล กับ อัครวัฒน์ เจริญพันธ์ รับเงินรางวัล 6,000 บาท

ส่วนการประกวดคีตะมวยไทยชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2566 รุ่นทั่วไปอายุไม่เกิน 23 ปี ทีมชนะเลิศตกเป็นของ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตเพชรบูรณ์ รับโล่พร้อมเงินรางวัล 100,000 บาท อันดับ 2 วิทยาลัยมวยไทยศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง รับโล่พร้อมเงินรางวัล 50,000 บาท, อันดับ 3 โรงเรียนบ้านวังโพรง จังหวัดพิษณุโลก รับโล่พร้อมเงินรางวัล 30,000 บาท, รางวัลชมเชย โรงเรียนวัดกองแก้ว (ผาดกาบแก้ว) จังหวัดสมุทรปราการ และ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา พิษณุโลกเขต 2 จังหวัดพิษณุโลก รับโล่ พร้อมเงินรางวัล 15,000 บาท

ดร.ศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ ประธานสหพันธ์สมาคมมวยไทยนานาชาติ (IFMA) และนายกสมาคมกีฬามวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ (AMTAT) เปิดเผยว่า มาตรฐานในการจัดการแข่งขันมวยไทยสมัครเล่นเยาวชนชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2566 ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง กระแสตอบรับจากแฟนมวยค่อนข้างหนาตา บรรยากาศคึกคัก สถานที่แข่งขันมีความพร้อมทางกรมพลศึกษาในฐานะเจ้าของสถานที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ในส่วนกิจกรรมที่จัดแข่งขันนอกเหนือจากการประชันฝีมือศิลปะแม่ไม้มวยไทยในการต่อสู้ของแต่ละรุ่นการชกแล้วนั้นยังมีเรื่องของการแสดงตีตะมวยไทย ไม้มวย ทำให้การแข่งขันมีเรื่องของเอ็นเตอร์เทนเมนท์เข้ามาร่วมด้วยทำให้กลายเป็นทำให้เป็นที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น

ดร.ศักดิ์ชาย กล่าวต่อว่า ในเรื่องมาตรฐานและความสามารถของนักกีฬาทีมเหล่านี้เป็น 16 ทีมยอดฝีมือเรื่องของมวยไทยที่ผ่านการคัดเลือกกันมาแล้ว นักกีฬาทุกคนคุณภาพใกล้เคียงกัน เราจะเห็นได้ว่านักกีฬาเหล่านี้มีทักษะในการชกและมีความเข้าใจมากขึ้น การกอดรัดฟัดเหวี่ยงแบบเดิมๆ น้อยลงไป สอดคล้องกับมาตรฐานที่ IFMA ต้องการให้เป็นสากลมากขึ้น นักมวยที่ชนะเลิศทุกรุ่นจะได้เป็นตัวแทนทีมมวยไทยเยาวชนทีมชาติไทยไปแข่งขันมวยไทยเยาวชนชิงแชมป์โลก รายการ 2023 “IFMA Youth World Championships & U23 World Cup” ระหว่างวันที่ 29 กันยายน-8 ตุลาคม 2566 ที่ประเทศตุรกี ต่อเนื่องทันที ซึ่งหลังจากนี้จะต้องเร่งดำเนินการเรื่องเอกสาร ตรวจเลือด เช็กร่างกายตามขั้นตอนก่อนเดินทาง ซึ่งเราหวังว่านักมวยของไทยจะทำผลงานไม่น้อยหน้าชาติใดเพราะนักมวยไทยของเรามาตรฐานสูงใช้ได้เลย แต่เราจะไม่ประมาทชาติอื่นๆ อีกหลายประเทศ

สำหรับการแข่งขันมวยไทยสมัครเล่นเยาวชนชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2566 จัดโดย สมาคมกีฬามวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ (AMTAT) ได้รับการสนับสุนจากการกีฬาแห่งประเทศไทย (SAT), กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF) และสหพันธ์สมาคมมวยไทยนานาชาติ (IFMA) ซึ่งจะเป็นรายการคัดเลือกนักกีฬามวยไทยเป็นตัวแทนทีมชาติไทยไปแข่งขันระดับนานาชาติในศึกมวยไทยเยาวชนชิงแชมป์โลก รายการ 2023 IFMA Youth World Championships & U23 World Cup ระหว่างวันที่ 29 กันยายน-8 ตุลาคม 2566 ที่ประเทศตุรกี

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]

“พิเชษฐ์” ชิงปิดประชุมสภาฯ หลังถกวุ่นเสนอนับองค์ประชุม

รัฐสภา 17 ก.ค.- “พิเชษฐ์” ทำแฮตทริก ชิงปิดประชุมสภาฯ หลัง “สส.ปชน.” เสนอนับองค์ประชุม ขณะที่ สส.เพื่อไทย ขอให้นับแบบขานชื่อ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ขณะรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 66 และรายงานการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินประจำปีงบประมาณ 2566 ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยมีผู้อภิปรายไปเพียงคนเดียวคือนายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. พรรคประชาชน ทำให้นายเฉลิมพงศ์ แสงดี สส.ภูเก็ต พรรคประชาชน ลุกขึ้นอภิปรายว่า เห็นสมาชิกในห้องประชุมบางตาอยากจะเช็คความตั้งใจการทำงานของสส.ฝ่ายรัฐบาล จึงขอนับองค์ประชุม และมีผู้รับรองถูกต้องจากนั้นนายพิเชษฐ์ กดออดเรียกสมาชิกพร้อมกล่าวว่า “ไม่อยากอภิปรายแล้วหรือ” พร้อมทั้งขอให้วิปรัฐบาลแจ้งสส.ที่อยู่ในห้องประชุมอื่นเพื่อรีบเข้าห้องประชุมใหญ่ ขณะที่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การขอนับองค์ประชุมและมีผู้รับรอง ถือเป็นสิ่งสวยงาม แต่หากมีคนเสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ คงใช้เวลาถึงค่ำ ดังนั้น ขอร้องเพื่อนสมาชิก เดือนนี้ขออย่านับองค์ประชุมเลย แล้วไปนับองค์ประชุมเดือนหน้า […]

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]