ไทยส่อโดนโทษหนัก พบเคยถูกลงโทษจุดพลุแฟลร์แล้ว 4 ครั้ง

ปทุมธานี 26 มิ.ย. – สมาคมฟุตบอลไทยส่อโดนลงโทษปรับเงิน และแบนจัดฟุตบอลระดับนานาชาติ หลังแฟนบอลจุดพลุแฟลร์ ในเกมไทย แพ้ เกาหลีใต้ ศึกยู 17 ปี ชิงแชมป์เอเชีย ด้านนายกสมาคมฯ สั่งรวบรวมหลักฐาน ดำเนินคดีมือจุดพลุ


หลังจากฟุตบอลเยาวชน 17 ปีทีมชาติไทย แพ้ เกาหลีใต้ 1-4 ในศึกเยาวชน 17 ปี ชิงแชมป์เอเชีย 2023 รอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่ปทุมธานี สเตเดียม ดับฝันแข้งไทยไปเล่นในศึกชิงแชมป์โลกยู-17ปี ที่ประเทศอินโดนีเซีย ปลายปีนี้ หลังตกรอบ พลาดคว้าตั๋วไปแข่งขันฟุตบอลโลก รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี สมัยที่ 3 ส่วนเกาหลีใต้ เป็น 1 ใน 4 ทีม ของเอเชียที่ได้สิทธิ์ไปแข่งขันชิงแชมป์โลก

เหตุการณ์ช่วงที่นักเตะ ยู 17 ปี กำลังเดินเข้าไปขอบคุณแฟนบอลที่อัฒจันทร์ฝั่งเอส ปรากฏว่า แฟนบอลจุดพลุแฟลร์ขึ้นมา จนทีมงานต้องเรียกนักเตะให้เดินกลับ ทำให้กลุ่มแฟนบอลไม่พอใจ ตะโกนต่อว่านักเตะไทย พร้อมขว้างปาพลุไฟลงมาในสนาม โดยการจุดพลุของแฟนบอลครั้งนี้ อาจจะทำให้ไทยมีโอกาสโดนลงโทษหนักจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย หรือเอเอฟซี หลังจากเคยถูก เอเอฟซี ลงโทษเรื่องการจุดพลุแฟลร์มาแล้วถึง 4 ครั้ง


  • ครั้งแรก วันที่ 6 ก.ย. 2014 ฟุตบอลยู-16 ชิงแชมป์เอเชีย 2014 โดนปรับ 360,000 บาท
  • ครั้งที่ 2 วันที่ 17 ธ.ค.2016 ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2016 รอบชิงชนะเลิศ โดนปรับ 1 ล้าน 1 แสนบาท
  • ครั้งที่ 3 วันที่ 26 ธ.ค.2022 ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2022 โดนปรับ 7 แสนบาท
  • ครั้งที่ 4 เดือนมีนาคม 2023 ฟุตบอลชายหาดชิงแชมป์เอเชีย 2023 โดนปรับ 2.4 ล้านบาท
  • ครั้งที่ 5 วันที่ 25 มิ.ย. 2023 ในศึกฟุตบอลเยาวชน-17 ปี ชิงแชมป์เอเชีย ส่อเค้าจะโดนเอเอฟซี ปรับเพิ่มขึ้น หลังกระทำความผิดซ้ำซาก

ถ้าประเทศไทยถูกลงโทษสถานหนักอาจมีผลกระทบต่อการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลอายุไม่เกิน 23 ปี ชิงแชมป์เอเชีย 2024 รอบคัดเลือก ที่จะจัดขึ้นจังหวัดชลบุรีในเดือนกันยายนนี้ รวมถึงฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก ในเดือนตุลาคมนี้อีกด้วย หรือจะมีการลงโทษห้ามแฟนบอลเข้าสนาม หรือห้ามจัดการแข่งขันเกมในระดับนานาชาติ

ซึ่งก่อนหน้านี้สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า ห้ามจุด ‘พลุแฟลร์’ ในสนาม เนื่องจากอุปกรณ์ดังกล่าว ไม่ใช่อุปกรณ์เชียร์ อีกทั้งยังอันตราย ความร้อนของไฟจากพลุแฟลร์ สูงถึง 1,600 องศาเซลเซียส ระยะเวลาการเผาไหม้อยู่ที่ 60 วินาที มีโอกาสก่อให้เกิดเพลิงไหม้หรือสร้างความบาดเจ็บ และเคยทำให้แฟนบอลบอลเสียชีวิตเพราะพลุแฟลร์มาแล้ว ในปี 1992 เด็กชายชาวสเปนเสียชีวิตในสนามคัมป์นู ของบาร์เซโลนา เนื่องจากโดนพลุแฟลร์ กระแทกเข้าที่หน้าอก ดังนั้นฟีฟ่าจึงประกาศห้ามการใช้ดอกไม้ไฟหรือพลุแฟลร์เด็ดขาด

สำหรับ “พลุแฟลร์” เป็นอุปกรณ์ส่องสัญญาณควันสีแดง ซึ่งเป็นวัตถุที่ต้องขออนุญาตเพื่อนำเข้าเนื่องจากเป็นวัตถุที่มีความไวไฟสูง ใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น แฟลร์เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่เรือทุกลำต้องมีเพื่อส่งสัญญาณต่างๆ ลักษณะของพลุแฟลร์อาจเป็นได้ทั้งปืนยิงพลุ หรือแท่งพลุ ที่เรียกว่า “Red handflare


ขณะที่ พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย สั่งทุกฝ่ายรวบรวมหลักฐานมือจุดพลุ และเตรียมดำเนินคดีขั้นสูงสุด เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่าง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผ่าไชน่า เรลเวย์ คว้า 3 โครงการรัฐในภูเก็ต

เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นปฐมบทในการปูพรมตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ หลังพบเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. และโครงการรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ ล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต ตรวจพบ 3 โครงการ และหนึ่งในนั้นกำลังมีปัญหาก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน

มหาสงครามโลก

นักวิชาการชี้ “มหาสงครามโลกครั้งที่ 3” เกิดแน่ถ้าโลกยังตึงเครียด

นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศระดับแนวหน้าของไทย มีความเห็นตรงกันว่า หากผู้นำชาติมหาอำนาจไม่เร่งลดระดับความตึงเครียดสถานการณ์โลก

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว หลังอยู่ปฏิบัติภารกิจค้นหา-กู้ชีพ สนับสนุนกู้ภัยไทย เหตุตึก สตง.ถล่ม กว่า 1 สัปดาห์

ธรรมชาติใต้ดินเปลี่ยนไป หลังแผ่นดินไหว 1 สัปดาห์

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ แม้บนพื้นผิวดินจะไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่พบความเปลี่ยนแปลงสภาพใต้ดินจนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหลุมยุบขนาดใหญ่ น้ำพุร้อนที่เคยพุ่งจากใต้ดินหายไป แต่น้ำตกที่แห้งในหน้าแล้งกลับมีน้ำไหลออกมา ซึ่งนักธรณีวิทยายืนยันเป็นผลพวงจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

“ไฮโซกำมะลอ” กระโดดชั้น 3 สน.โคกคราม

“ไฮโซเก๊” โลก 2 ใบ เครียดปีนตึก หลังถูก “คะน้า” ดาราสาว ออกมาแฉกลางรายการดัง จนตำรวจต้องเข้าเกลี้ยกล่อมพาไปโรงพัก แต่ยังวิ่งหนีการควบคุม กระโดดลงมาจากชั้น 3 สน.โครกคราม บาดเจ็บ

วันที่ 11 ปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. ถล่ม

วันที่ 11 ของปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. พังถล่ม เจ้าหน้าที่เดินหน้าใช้เครื่องจักรหนักเข้า เคลียร์ซากต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซนบี และซี ที่คาดว่าเป็นจุดที่มีผู้ติดค้างอยู่จำนวนมาก

ชุดค้นหาลงโพรงโซน B, C ลึก 5-6 เมตร ได้กลิ่นแรง ไม่พบผู้สูญหาย

“กู้ภัย” เผยเจาะโพรงพื้นที่โซน B และ C ได้แล้ว พร้อมส่งชุดค้นหาลงโพรงไปตรวจสอบลึก 5-6 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม แต่ได้กลิ่นแรง เร่งเดินหน้าเครื่องจักรหนักเคลียร์ซากต่อเนื่อง ยันจะช่วยเหลือจนกว่านำร่างสุดท้ายออกมาครบ