กรุงเทพฯ 10 พ.ย. – คนไทยยังต้องลุ้นดูฟุตบอลโลก การกีฬาแห่งประเทศไทย รอเอเย่นต์สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ ตอบกลับงบซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก 2022 จำนวน 600 ล้านบาท มีโอกาสได้มากน้อยแค่ไหน
หลังจากบอร์ด คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. มีมติอนุมัติเงินกองทุน กทปส. 600 ล้านบาท ให้การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. ประสานซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 จากที่ กกท. ขอกรอบวงเงินไป 1,600 ล้านบาท หรือ 42 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งไม่เพียงพอต่อการซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกครั้งนี้
วันนี้ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศ พร้อมด้วย นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม รองผู้ว่าการ ฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย, นางโปรดปราน สมานมิตร รองผู้ว่าการ ฝ่ายส่งเสริมกีฬา และนายสมพร ไชยสงคราม ผอ.สำนักกฎหมายการกีฬาแห่งประเทศไทย และคณะทีมงาน ประชุมหารือเตรียมแผนแนวทางประสานงานในการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก2022 ที่ประเทศกาตาร์ ใหม่เพื่อเตรียมแผนหาทางออกในการหางบประมาณมาซื้อฟุตบอลโลกครั้งนี้ ว่าจะเดินหน้าอย่างไรต่อ
ผู้ว่าฯ กกท. ได้ทำหนังสือไปยังเอเย่นต์สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า ในการต่อรองการซื้อลิขสิทธิ์ หลังจากได้งบจากกองทุน กทปส. 600 ล้านบาท ว่าจะสามารถทำได้อย่างไรบ้าง และงบ 600 ล้านบาท จะสามารถซื้อลิขสิทธิ์ได้มากน้อยแค่ไหน โดยตอนนี้รอทางฟีฟ่า ทำหนังสือตอบกลับ
ส่วนภาคเอกชนมีการพูดคุยอยู่บ้าง แต่ก็ยังตอบไม่ได้ว่ามีใครบ้าง ส่วนคนไทยจะได้ดูฟุตบอลโลกหรือไม่ทาง กกท. จะพยายามทำหน้าที่ในการประสานงานอย่างเต็มที่ โดยก่อนหน้านี้ก็ปล่อยให้ทางภาคเอกชนซื้อลิขสิทธิ์ แต่เมื่อภาคเอกชนยังดีลไม่ประสบความสำเร็จ และเวลากระชั้นชิด ทางการกีฬาแห่งประเทศได้รับมอบหมายจากรัฐบาลในการช่วยประสานงานต่อเพื่อให้คนไทยได้ดูฟุตบอลโลกครั้งนี้
ส่วนกรณีการซื้อลิขสิทธิ์ครั้งนี้ของไทยแพงกว่าชาติอื่นๆ ในอาเซียน ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เรายังไม่ได้ตกลงในราคา 1,600 ล้านบาท ส่วนการเปรียบเทียบกับชาติอื่นๆ นั้น ต้องดูว่าบริบทของแต่ละประเทศว่าแตกต่างกันอย่างไร กกท. มีการต่อรองกับเอเย่นต์ฟีฟ่ามาโดยตลอด
ขณะที่ภาคเอกชน อย่าง บริษัท ซัมมิท ฟุตแวร์ จำกัด หรือ แอร์โรซอฟ ที่เพิ่งซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลยูโร 2020 แหล่งข่าวผู้บริหารของบริษัทที่ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไทย มองว่า การที่ไม่มีภาคเอกชนสนใจซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกครั้งนี้ เพราะ ลิขสิทธิ์ที่ฟีฟ่าขายให้กับไทยแพงเกินไป จึงไม่มีใครกล้าลงทุน ส่วนแอโรซอฟ ยืนยันว่ายังไม่มีภาครัฐทาบทามมาและจะไม่ร่วมซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกครั้งนี้แน่นอน
สำหรับคอบอลชาวไทย ยังต้องลุ้นกันต่อไปว่าจะได้ชมฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้ ครบทุกนัดหรือไม่ หรือจะไม่ได้ดูก็มีโอกาสเป็นได้ได้เช่นเดียวกัน ต้องลุ้นว่าจะมีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลเหมือนครั้งยูโร 2020 ที่คอบอลไทยได้เฮชมการถ่ายทอดสดก่อนแข่งเพียงแค่วันเดียว .-สำนักข่าวไทย