อสมท เปิดตัวธุรกิจดิจิทัล “The New Digital Journey”

กทม. 20 ส.ค.-อสมท เดินเครื่องธุรกิจใหม่ๆ ขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัลเต็มรูปแบบ ดึงพันธมิตร Line TV–TikTok ร่วมเติมความสนุก พร้อมพลิกโฉม สำนักข่าวไทย แพลตฟอร์มดิจิทัล มาเป็นสำนักข่าวออนไลน์เต็มรูปแบบ และ ปรับคาแรคเตอร์ mcot.net เป็น BACKBONE MCOT


นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) แถลงข่าว เปิดตัวธุรกิจดิจิทัล “The New Digital Journey” ตามที่ อสมท ได้ประกาศวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนองค์กรให้เป็น “Trusted Content & Platform” โดยเพิ่มหน่วยธุรกิจใหม่คือสายงานธุรกิจดิจิทัลและแพลตฟอร์ม เมื่อไตรมาส 1 ปี 2563 เพื่อปรับรูปแบบธุรกิจขององค์กรให้ตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมารับชมข้อมูลข่าวสารและ Content ทางสื่อออนไลน์มากขึ้น รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงที่ท้าทายจาก Digital Disruption ที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ทำให้ อสมท วางแผนพัฒนาศักยภาพของตัวเองในด้านธุรกิจ Digital อย่างรวดเร็ว มากขึ้น

ทศวรรษใหม่ของ อสมท หลังจากที่ทีมงานดิจิทัลมีความพร้อมมากขึ้น อสมท ได้ขับเคลื่อนธุรกิจเทคโนโลยี ภายใต้แนวคิด “The New Digital Journey” โดยขยายการเดินทางสู่ 3 เส้นทางใหม่ ประกอบด้วย Digital Content, Digital Entertainment, และ Digital Solutions เพิ่มการผลิต Contents ให้มีความหลากหลายมากขึ้น ขยายช่องทาง Entertainment ไปอยู่บนแพลตฟอร์มพันธมิตรดิจิทัลใหม่ๆ ที่ทันสมัย รวมถึงการเปิดตัว Digital Solutions ใหม่ๆ ผ่านแพลตฟอร์มที่ตอบสนองความต้องการ และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุค New Normal


การเพิ่มขีดความสามารถของ อสมท ในด้านธุรกิจดิจิทัลครั้งนี้เป็นการต่อยอดการผลิตเพื่อมุ่งสู่ธุรกิจข้อมูลและสารสนเทศ (Data and Information) ที่มีรากฐานมาจาก Content ที่น่าเชื่อถือ โดยตั้งเป้าหมายให้กับ Digital Content ของ อสมท ต้องก้าวสู่ระดับTop 5 ภายใน 2 ปี รวมถึงการแสวงหาพันธมิตรใหม่ๆ ในธุรกิจ Non Broadcast เพื่อขยายช่องทางการเติบโตของธุรกิจให้กับ อสมท ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งช่องทาง ในการสร้างรายได้ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นกับองค์กรในช่วงที่ธุรกิจสื่อดั้งเดิมอยู่ในช่วงขาลง

การเปิดศักราชใหม่ของธุรกิจดิจิทัลครั้งนี้ อสมท ได้จับมือกับพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งในด้านดิจิทัลแพลตฟอร์ม ประกอบด้วย Line TV และ บริษัท TikTok ประเทศไทย มาเสริมทัพความสนุกให้กับ Entertainment ของ อสมท ในครึ่งปีหลัง2563 อสมท จะร่วมกับพันธมิตรด้านดิจิทัลที่หลากหลายมากขึ้น โดยมีบริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นกลุ่ม Digital Agency รายใหญ่ที่มีฐานลูกค้ามากมาย รวมทั้งระบบการตลาดที่จะมาร่วมสร้างความเข้มแข็งให้กับ อสมท ในด้านดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง โซลูชั่นคู่ขนานกับการพัฒนาธุรกิจ E-commerce ที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นทุกปี

จุดเปลี่ยนประการแรก รุก Content สู่ดิจิทัลแพลตฟอร์ม ปรับคาแรคเตอร์ของ Website mcot.net ให้แตกต่างจากสำนักข่าวไทยออนไลน์ โดยพัฒนา MCOT DIGITAL พลิกแบรนด์สู่การเป็น Platform BACKBONE MCOT ขยายฐานผู้ชมตอบโจทย์คนเมือง เติมภาพลักษณ์ของ MCOT DIGITAL ให้มีความชัดเจนมากขึ้นด้วย Creative Content พร้อมแคมเปญพิเศษคอนเทนต์ออนไลน์ เอาใจ สายกิน สายช้อป นักรีวิว โดยจะผนึกกำลังพันธมิตร Food Story, Retty Thailand, และ spoonwalk


นอกจากนี้ สำนักข่าวไทย พลิกโฉมสำนักข่าวไทยบนแพลตฟอร์มดิจิทัล มาเป็นสำนักข่าวออนไลน์เต็มรูปแบบ ด้วยกลยุทธ์ More Reach, More Impact ปรับทัพคนข่าวดิจิทัลเข้าถึงผู้ชมทั่วโลก เพิ่มความทันสมัยและเข้าถึงผู้ชมมากขึ้นในชื่อ “MCOT Online News” เติมจุดเด่นให้เป็นสำนักข่าวออนไลน์ระดับนานาชาติ ด้วยการสร้างสรรค์ VDO Content ภาษาต่างประเทศ และการนำเสนอบทวิเคราะห์ Exclusive Contents ซึ่งมีสำนักข่าวต่างประเทศ เช่น China Media Group เป็นพันธมิตรหลัก นอกเหนือจาก Asia Vision และ OANA

“ชัวร์ก่อนแชร์” เติมเต็มเทคโนโลยีการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่สังคมอยากรู้ ให้ความรู้เท่าทันสื่อ เพื่อต้านกระแสข่าวปลอม (Fake News) ทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยนักวิชาการชั้นนำของประเทศ และผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ พร้อมกับการสร้างสรรค์คอนเทนท์ “Innovative Learning” เพื่อให้ลงถึงระดับเยาวชน

ฟิน สนุก กับ Entertainment ไร้ขีดจำกัด
“WHAM” Music and Art Community Platform Lifestyle Platform เพื่อคนไทยที่มีใจรัก ในดนตรี แฟชั่น และศิลปะร่วมสมัย โดดเด่นด้วยการนำเสนอสาระบันเทิงแบบรอบด้านไร้พรมแดน ไร้สังกัด จากพันธมิตรดนตรี 6 ค่ายเพลง 3 มหาวิทยาลัยดนตรีดัง เสริมทัพความสนุกกับ WHAM 360 Fusion Music รายการเพลงวาไรตี้ บน LINE TV ฮิตติดกระแสขึ้นสู่ Trend Twitter ในปี 2564 เตรียมพบกับ WHAMER ศิลปินอินดี้น้องใหม่ ที่น่าจับตามอง

IRIS Project เกมไอริส เกมแนว Survival ที่ตื่นเต้นเร้าใจ พัฒนาโดยฝีมือคนไทย ลงทุนโดย อสมท เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมเกมในประเทศให้เติบโต ส่งเสริมนักพัฒนาเกมรุ่นใหม่ โดยใช้เกมเป็นสื่อสร้างสรรค์ สอดแทรกแนวคิดและความรู้ให้แก่เยาวชน เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อสร้างธุรกิจ Non-Broadcast ให้เข้มแข็ง และรองรับนวัตกรรมบันเทิงของคนรุ่นใหม่

9 Entertain แอปพลิเคชันบันเทิงโฉมใหม่ ประจำปี 2020 ที่จะพาคุณบันเทิงไปกับฟีเจอร์ต่างๆ Star Event ที่พร้อมให้สิทธิร่วมกิจกรรมพิเศษ กับศิลปินดาราที่ชื่นชอบ ทั้งคอนเสิร์ต ไลฟ์พิเศษ แฟนมีตติ้ง และอีกหนึ่งกิจกรรมที่โดดเด่นในแอปพลิเคชัน คือ Star Voting & Ranking การโหวตที่ทันสมัยบนสมาร์ทโฟนใช้ง่าย เข้าถึงง่าย ที่เชิญให้กลุ่มเป้าหมาย ร่วม Comment & Vote ศิลปินดาราที่ตนเองชื่นชอบพร้อมลุ้นรับของรางวัลพิเศษ ร่วมใกล้ชิดและเป็นส่วนหนึ่งของศิลปินดารามากกว่าที่เคยสัมผัส

Little Yak แพลตฟอร์มเนื้อหาและ Community สร้างสรรค์พัฒนาการรอบด้านที่เหมาะสำหรับเด็กและครอบครัว เป็นแหล่งรวมข้อมูลที่ผู้ปกครองต้องรู้

Digital Solutions ชูแพลตฟอร์มใหม่ในยุค New Normal MCOT มีแผนเปิดตัว Digital Solutions ในรูปแบบ Platform ต่างๆ และยังมีบริการ Digital Solutions ในรูปแบบแพลตฟอร์มใหม่ๆ ที่จะมา ตอบโจทย์ของผู้บริโภคในยุค New Normal ได้แก่ The Master แพลตฟอร์มที่รวบรวมกูรูในสาขาต่างๆ ที่จะมาให้ความรู้ เคล็ดลับและทางลัดสู่ความสำเร็จ ติดตามเรียนรู้แนวคิดจากกูรูตัวจริงเกี่ยวกับแนวโน้มของโลกในปัจจุบัน และการรับมือสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงในอนาคต ผ่านมุมมองระดับ Master แบบ Exclusive ภายใต้แนวคิด “Think Like The Master” เริ่มในไตรมาส 4 ปี 2563

The Shot แพลตฟอร์มขายลิขสิทธิ์Footage ทั้ง วิดีโอ ภาพนิ่งและกราฟิก (Vector) ที่ถ่ายทำโดยช่างภาพระดับมืออาชีพ แพลตฟอร์ม The Shot จะเปิดตัวด้วย Footage ที่มีคุณภาพสูงของช่างภาพข่าวและสารคดีที่มีประสบการณ์และทักษะทางเทคนิคระดับสากล ประกอบด้วยเหตุการณ์สำคัญของไทยที่มี คลังภาพเหตุการณ์และวิดีโอสำคัญๆ มากมาย แพลตฟอร์มนี้จะเป็น Hub ของภาพถ่ายและ Footage ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ซึ่งช่างภาพมืออาชีพสามารถเข้าร่วมเป็น Partner กับ The Shot by MCOT ได้ เริ่มในไตรมาส 4 ปี 2563

แรงใจ แอปพลิเคชัน แพลตฟอร์ม Labor Job Marketplace ที่จะช่วยให้แรงงานทั่วประเทศ ได้มีงานทำ โดยจะเน้นเป้าหมายฐานผู้ฟังคลื่นลูกทุ่งมหานคร FM95 คลื่นลูกทุ่งอันดับ 1 ของประเทศไทยที่มีฐานผู้ฟังอยู่ทั่วประเทศ ครอบคลุมผู้ฟังกลุ่มแรงงานจากหลากหลายสาขาอาชีพ แพลตฟอร์ม แรงใจ ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยจับคู่แรงงานกับกลุ่มผู้ประกอบการที่กลับมาดำเนินธุรกิจตามปกติ และมีความต้องการหาบุคลากรให้ตรงตามความต้องการของธุรกิจ

ShopMania E-Commerce เป็นแหล่งรวมสินค้าคุณภาพที่คัดสรรแล้ว โดยเน้นคุณภาพ ที่ตอบโจทย์คนไทย ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเพื่อสุขภาพและความงามที่ได้รับมาตรฐาน และสินค้ายอดนิยมในท้องถิ่นต่างๆ ที่ผ่านการคัดสรรคุณภาพอย่างพิถีพิถัน ในราคาส่งตรงจากผู้ผลิต โดยเฉพาะ ผู้ผลิตไทยเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ SME ของไทย รวมไปถึงสินค้า Home Shopping จาก ShopmaniaTV เป็นต้น

ShopMania E-Commerce จึงเป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการช่วยผู้ประกอบการไทยในต่างจังหวัด ให้สามารถเข้าถึงธุรกิจ E-Commerce โดยมีทีมงานคุณภาพอยู่ทั่วประเทศคอยคัดสรรกลุ่มสินค้ายอดนิยม เข้าร่วมจำหน่าย โดยโครงการนี้ ได้ร่วมมือกับบริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) ยักษ์ใหญ่ทางด้านดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง โซลูชั่น ของเมืองไทยเป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม ด้วยมาตรฐานสากล พร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัย และเป็นทางเลือกใหม่ในการช้อปปิ้งโดยสินค้าจะถูกจำแนกแบ่งตามหมวดหมู่อย่างเหมาะสม เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของผู้ซื้อในโลกออนไลน์ปัจจุบัน

“การวางพื้นฐานทางธุรกิจใหม่นี้ จะใช้เวลาประมาณ 1-2 ปี เพื่อสร้างเม็ดเงินใหม่ๆ มาทดแทนรายได้จากธุรกิจเดิมและคาดหวังให้ธุรกิจนี้มีการขยายและเติบโตมากขึ้น ซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้ของ อสมท จะมาจาก 3 แหล่งใหญ่ในอนาคต คือโทรทัศน์ วิทยุ และดิจิทัล ในขณะที่ธุรกิจโครงข่าย เป็นส่วนสนับสนุนที่ก่อให้เกิดรายได้คงที่ แต่ธุรกิจดิจิทัลจะมีอัตราการเติบโตที่เร็วกว่าตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้ของ อสมท ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะมาจากธุรกิจโทรทัศน์ 35% ธุรกิจวิทยุ 30% ธุรกิจดิจิทัล 25% และอื่นๆ 10% ภายในปี 2565” นายเขมทัตต์ กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงย้ำเวทีโลกกัมพูชาเปิดฉากโจมตีก่อน UNSC แนะเจรจาสันติวิธี

กระทรวงการต่างประเทศ 26 ก.ค.- “มาริษ” เผยเวที UNSC ให้ไทยกัมพูชายับยั้งชั่งใจ เจรจา 2 ฝ่ายสันติวิธียุติขัดแย้ง ย้ำแจงเวทีโลกแล้วกัมพูชาละเมิดอธิปไตยไทย-เปิดฉากโจมตีก่อน บอกสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ได้เป็นการคุกคามสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ สั่งกรมสนธิฯ พิจารณายื่นศาลอาญาโลกฟ้องเขมรฐานอาชญากรสงคราม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อนำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี ค.ศ. 2025 (High-Level Political Forum on Sustainable Development 2025) หรือ HLPF2025 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์กว่า ในห้วงการประชุมดังกล่าว ตนเองได้ใช้โอกาสนี้ พบหารือกับผู้แทนระดับสูงจากสหประชาชาติ และผู้แทนระดับสูงประเทศต่าง ๆ เพื่อชี้แจงพัฒนาการชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งตนเองได้ยืนยันให้ทุกประเทศ และผู้แทนระดับสูงของสหประชาชาติได้รับทราบมาโดยตลอดการปฏิบัติภารกิจว่า การปะทะกันเมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม ฝ่ายกัมพูชา เป็นผู้เริ่มโจมตีก่อน พร้อมแสดงความกังวล ต่อการโจมตีในสถานที่ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร เช่น โรงพยาบาล ปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ ซึ่งสะท้อนการโจมตีพื้นที่พลเรือนไทย […]

องคมนตรีมอบสิ่งของพระราชทาน ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษ 26 ก.ค.- สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนศรีสะเกษ ดุเดือดกว่าทุกวัน ขณะองคมนตรีมอบสิ่งของพระราชทานแก่ประชาชนที่ศูนย์อพยพ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรีเดินทางมายังที่พักอาศัยของผู้อพยพ จ.ศรีสะเกษ มอบสิ่งของพระราชทานให้กับประชาชน พร้อมแจ้งให้ทราบถึงกระแสความห่วงใย หลังทราบข่าวประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทรงมีความห่วงใยประชาชนและไม่ประสงค์ที่จะเห็นมีการบาดเจ็บล้มตายเพิ่มอีก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่เรียบร้อย ขอให้ประชาชนอยู่ในพื้นที่อพยพไปอีกสักระยะ ขณะเดียวกัน พยาบาลจากคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา ให้บริการตรวจดูแลสุขภาพเบื้องต้นและปฏิบัติการทางจิตรฉรีญาพร้อมมอบสิ่งของให้กับผู้อพยพหลังต้องจากบ้านมาวันนี้เป็นวันที่ 3 แล้ว ซึ่งตามหลักบางรายอาจเกิดความเครียดสะสมขึ้นได้ ปกติแล้วบริเวณศูนย์อพยพแห่งนี้ซึ่งห่างจากชายแดนประมาณ 40 กิโลเมตร จะไม่ได้ยินเสียงปืนใหญ่ แต่วันนี้แม้จะอยู่ที่ศูนย์อพยพก็สามารถได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังขึ้น ไม่น้อยกว่า 9 นัดแล้วในขณะนี้ -สำนักข่าวไทย