ปภ.รายงานอุทกภัยใน 10 จังหวัด ประชาชนได้รับผลกระทบ 60,050 ครัวเรือน

รายงานน้ำท่วมกี่จังหวัด

14 ก.ย. – ปภ. รายงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 10 จังหวัด ประชาชนได้รับผลกระทบ 60,050 ครัวเรือน เร่งระดมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน และเร่งคลี่คลายสถานการณ์โดยเร็ว


นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากอิทธิพลของร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีแนวพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงใต้และลมตะวันตกเฉียงใต้ในระดับบนปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ระหว่างวันที่ 16 ส.ค.-14 ก.ย. 67 มีสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 28 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก พะเยา น่าน ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ เลย อุดรธานี หนองคาย หนองบัวลำภู ปราจีนบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ระยอง ภูเก็ต ยะลา นครศรีธรรมราช พังงา ตรัง และสตูล รวม 129 อำเภอ 590 ตำบล 3,134 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 132,615 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยและดินถล่ม รวม 34 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ รวม 24 ราย โดยปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 14 กันยายน 2567) ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 10 จังหวัด รวม 33 อำเภอ 160 ตำบล 733 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 60,050 ครัวเรือน ดังนี้

1) เชียงราย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อ.แม่สาย อ.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่จัน อ.เชียงแสน อ.เชียงของ และ อ.เมืองฯ รวม 24 ตำบล 123 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 45,329 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 4 ราย ผู้ได้ร้บบาดเจ็บ 2 คน ระดับน้ำลดลง


2) แม่ฮ่องสอน เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.สบเมย และ อ.ปางมะผ้า รวม 2 ตำบล 4 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 78 คน ระดับน้ำลดลง

3) ตาก เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.พบพระ อ.แม่สอด อ.แม่ระมาด และ อ.ท่าสองยาง รวม 11 ตำบล 31 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 720 คน ระดับน้ำลดลง

4) สุโขทัย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ อ.กงไกรลาศ รวม 3 ตำบล 20 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 361 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง


5) พิษณุโลก เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.พรหมพิราม อ.บางระกำ และ อ.เมือง รวม 7 ตำบล 15 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 576 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว

6) เพชรบูรณ์ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.หนองไผ่ และ อ.ชนแดน รวม 5 ตำบล 13 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 49 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

7) หนองคาย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.สังคม อ.ศรีเชียงใหม่ อ.ท่าบ่อ อ.เมือง อ.รัตนวาปี รวม 16 ตำบล 75 หมู่บ้าน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น

8) เลย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.ปากชม อ.เชียงคาน รวม 7 ตำบล 27 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว

9) อ่างทอง เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ อ.วิเศษชัยชาญ รวม 3 ตำบล 16 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 346 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว

10) พระนครศรีอยุธยา เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อ.บางบาล อ.บางปะหัน อ.ผักไห่ อ.เสนา อ.พระนครศรีอยุธยา อ.บางปะอิน และ อ.บางไทร รวม 82 ตำบล 409 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 12,584 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว

สำหรับการแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน โดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ พร้อมเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย อาทิ เครื่องสูบส่งน้ำระยะไกล เครื่องสูบน้ำ รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย และรถผลิตน้ำดื่ม เพื่อระบายน้ำบรรเทาความเดือดร้อนและผลิตน้ำดื่มสะอาดแจกจ่ายให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ หากมีความจำเป็นต้องระบายน้ำออกจากพื้นที่ลงสู่พื้นที่อื่น ได้กำชับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดประสานเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการดำเนินการโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนเป็นสำคัญ และเลือกใช้วิธีการที่ส่งผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด พร้อมกันนี้ยังได้สนับสนุนถุงยังชีพรวมแล้วกว่า 10,000 ชุด แจกจ่ายให้แก่ประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่เกิดสถานการณ์อุทกภัยขึ้น

ในส่วนของการเสริมกำลังดูแลให้ความช่วยเหลือประชาชนในจังหวัดเชียงราย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ร่วมกับกองทัพบก (ทบ.) สนธิกำลังร่วมส่งเฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 จำนวน 1 ลำ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยประจำ ฮ.ปภ.32 “The Guardian Team” สนับสนุนภารกิจการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ จ.เชียงราย

นอกจากนี้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 15 เชียงราย ยังได้ส่งทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัย เข้าร่วมปฏิบัติภารกิจให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ จ.เชียงราย ประกอบไปด้วย รถไฟฟ้าส่องสว่างขนาด 200 KVA รถผลิตน้ำดื่ม รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถกู้ภัยเคลื่อนที่เร็ว รถลากเรือเคลื่อนที่เร็ว รถบรรทุกเล็ก เรือท้องแบน อุปกรณ์กู้ภัยทางน้ำ เสื้อชูชีพ และถุงยังชีพ เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่

นอกจากนี้ ปภ. ยังได้ส่งทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัย ยานพาหนะ จากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตใกล้เคียง และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตภาคอื่นที่ไม่มีสถานการณ์ภัย เข้าร่วมปฏิบัติภารกิจให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคเหนือ ประกอบด้วย ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 1 ปทุมธานี เขต 2 สุพรรรณบุรี เขต 3 ปราจีนบุรี เขต 4 ประจวบคีรีขันธ์ เขต 8 กำแพงเพชร เขต 9 พิษณุโลก เขต 10 ลำปาง เขต 16 ชัยนาท และเขต 17 จันทบุรี ขณะนี้ทีมปฏิบัติการได้เดินทางถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 15 เชียงราย ซึ่งเป็นจุดระดมทรัพยากร (Staging area) ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมรับมอบภารกิจและกระจายทีมลงช่วยเหลือในพื้นที่ต่างๆ แล้ว

สำหรับพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังต่อไป

ในส่วนของพื้นที่เสี่ยงภัยที่แม้ปัจจุบันยังไม่เกิดสถานการณ์อุทกภัยขึ้น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัดให้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมแจ้งเตือนประชาชนทันทีที่มีแนวโน้มเกิดสถานการณ์ภัยในพื้นที่ รวมถึงจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ เครื่องมือ อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้พร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนทันทีที่เกิดสถานการณ์ภัยขึ้น

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามรายงานคาดการณ์สาธารณภัยและประกาศการแจ้งเตือนภัยได้ที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” โดยสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android และหากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง.-317-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]