สธ.ย้ำจ่ายยาโควิดตามเกณฑ์

รพ.ราชวิถี 10 ส.ค. – กรมการแพทย์ร่วม รพ.รามาธิบดี ย้ำจ่ายยาต้านไวรัสรักษาโควิดตามเกณฑ์ ไม่จำเป็นไม่อยากให้ใช้พร่ำเพรื่อ เตือนแพกซ์โลวิดแรง หากใช้ร่วมกับยาอื่น เช่น ไมเกรน ทำให้ปลายนิ้วดำ เสี่ยงตัดนิ้ว ส่วนคนป่วยลิ่มเลือดอาจเกิดภาวะเลือดออกในสมอง แนะใช้ยาและอยู่ในความดูแลของแพทย์


นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์​ พร้อมด้วย พญ.นฤมล สวรรค์ปัญญาเลิศ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมการแพทย์ และ ผศ.นพ.กำธร มาลาธรรม รองผู้อำนวยการ รพ.รามาธิบดี และในฐานะที่ปรึกษาสมาคมโรคติดเชื้อ แถลงเกณฑ์แนวทางการรักษาโควิด-19 ว่า สถานการณ์การติดเชื้อวันนี้ พบติดเชื้อ 2,335 คน โดยเป็นผู้ป่วยใน กทม.รักษาตัวใน รพ.จำนวนมาก แต่อัตราการใส่ท่อช่วยหายใจน้อย ผิดกับต่างจังหวัดที่มีอัตราใส่ท่อช่วยหายใจมากกว่า ฉะนั้นสถานการณ์ใน กทม.ทรงตัวและดีขึ้นนิดหน่อย ส่วนผู้เสียชีวิต 32 คน ที่เห็นว่าจำนวนมาก เพราะใช้เวลานอนรักษาตัวใน รพ.นานกว่าเสียชีวิต ซึ่งเกณฑ์การจ่ายยาต้านไวรัสในผู้ป่วยยังคงเหมือนเดิม และใช้ตามแนวทางการรักษาที่ปรับปรุงฉบับล่าสุด คือ ฉบับที่ 24 ผู้ที่ไม่มีอาการ ไม่มีปัจจัย ก็ไม่จำเป็นต้องได้รับยาต้านไวรัส และโรคนี้สามารถหายเองได้ โดยไม่ต้องรับยา และสาเหตุที่ไม่จ่ายยาต้านไวรัสโมลนูพิราเวียร์และแพล็กซ์โลวิดให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี และหญิงตั้งครรภ์ เพราะเกิดปัญหาการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส และอาจทำให้ผู้ป่วยได้รับผลกระทบ เพราะยาใช้แค่ปีเดียว และเป็นการใช้ในภาวะฉุกเฉิน และไหนจะมีภาวะรีบาวด์เกิดขึ้นอีก พร้อมยืนยันยาโมลนูพิราเวียร์ไม่ได้ขาดแคลนมีการสั่งซื้อเพิ่มโดยองค์การเภสัชกรรม

พญ.นฤมล กล่าวว่า สำหรับเกณฑ์การรักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิดยังคงเดิม แม้ในอนาคตวันที่ 1 ตุลาคม 2565 โควิดจะกลายเป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง จากเดิมเป็นโรคติดต่ออันตราย แต่เกณฑ์การให้จ่ายยาอาจมีการปรับเปลี่ยนในอนาคต หากมีผลการศึกษาวิจัยพบว่ายาตัวไหนอันตรายหรือเกิดผลกระทบกับผู้ป่วย หรือหากมียาตัวใหม่ที่ดีกว่าเดิม ก็อาจมีการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ ทั้งนี้ เกณฑ์การรักษายึด 7+3  วัน ได้แก่ ผู้ป่วยไม่มีอาการ ไม่ปัจจัย หรืออาการเล็กน้อย แยกกักที่บ้าน ส่วนคนที่มีปัจจัยเสี่ยง ทั้ง 608 หรือโรคร่วม ปอดอักเสบเล็กน้อยจนถึงปอดเสบ ออกซิเจนในเลือดต่ำว่า 94% ให้รักษาที่ รพ.  


แนวทางจ่ายยาไม่มีอาการ ไม่ให้ยาต้านไวรัส อาจพิจารณาฟ้าทะลายโจร มีอาการไม่รุนแรง ปอดปกติ ไม่มีปัจจัยเสี่ยง โรคร่วม อาจให้ยาฟาวิพิราเวียร์ ควรให้เร็วที่สุด มีอาการรุนแรง แต่มีปัจจัยเสี่ยงโรคร่วมสำคัญหรือปอดอักเสบเล็กน้อย-ปานกลาง ให้ยาต้านไวรัสตัวใดตัวหนึ่ง เช่น โมลนูพิราเวียร์ เรมดิซิเวียร์ แพกซ์โลวิด และฟาวิพิราเวีย์ยังจำเป็นสำหรับเด็ก ปอดอักเสบ ระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดต่ำกว่า 94 ให้ยาเรมดิซิเวียร์ ทั้งนี้ การให้จ่ายทุกประเภทต้องอยู่ในดุลพินิจของแพทย์

ผศ.นพ.กำธร กล่าวว่า ส่วนตัวไม่กังวลเรื่องเชื้อดื้อยา หากการจ่ายยาอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ แต่ที่ห่วงคือผลข้างเคียง เนื่องจากยาใช้ในภาวะฉุกเฉิน ดังนั้น คนที่ไม่ได้ประโยชน์จากการใช้ยา ก็ไม่สมควรใช้ รวมถึงการซื้อหายามาเก็บไว้ แนวทางการให้จ่ายยาต้านไวรัส ถูกพิจารณาโดยผู้เชี่ยวชาญ แล้วเห็นว่ากลุ่มไหนสมควรได้รับยา เพราะโควิดขณะนี้สามารถหายได้เอง โดยไม่ต้องรับยา พร้อมยอมรับห่วงเรื่องกระแสเรียกร้องการจ่ายยาโดยยึดความถูกใจเป็นที่ตั้ง โดยไม่ยึดความถูกต้อง เพราะยาเหล่านี้ยังไม่รู้ผลข้างเคียงในระยะยาว ยกตัวอย่างยาแพกซ์โลวิดมีผลกระทบกับยาหลายตัว หากใช้ร่วมกับคนที่เป็นไมเกรน โดยไม่อยู่ความดูแลของแพทย์​อาจทำให้ปลายนิ้วดำ หรือเกิดเนื้อตาย และอาจต้องตัดนิ้วทิ้ง กลายเป็นสูญเสียอวัยวะ หรือการใช้ยาร่วมกับยาละลายลิ่มเลือด มีโอกาสเกิดภาวะเลือดออกในสมอง และเสียชีวิต จึงไม่อยากแนะนำให้ซื้อยามาใช้เอง

ส่วนโมลนูพิราเวียร์ออกฤทธิ์หยุด RNA ของไวรัส ซึ่งอาจทำให้ยีนส์ของคนแบ่งตัวผิด แม้โอกาสเกิดน้อย แต่ไม่มีใครรู้ผลระยะยาว จึงไม่อยากให้ใช้ยาพร่ำเพรื่อ และเป็นสาเหตุที่ไม่จ่ายยาให้กับเด็กเล็กและหญิงตั้งครรภ์ การใช้จ่ายยาเหล่านี้ต้องถึงประโยชน์ของคนที่จะได้ และความจำเป็น นอกจากนี้ ยังเกิดภาวะรีบาวด์ โดย รพ.รามาธิบดี เริ่มพบผู้ป่วยภาวะรีบาวด์หรือกลับมาป่วยโควิดซ้ำในกลุ่มคนที่ได้รับยา 2 ตัวนี้ ได้แก่ โมลนูพิราเวียร์ และแพกซ์โลวิด จากการติดตามพบประมาณ 1-2% ของผู้ป่วย อย่างไรก็ตามภาวะรีบาวด์ จะหายภายใน 2 สัปดาห์ แม้หายเองได้ ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใคร เพราะวุ่นวาย ผลกระทบกับใช้ชีวิต และการทำงาน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย