กรุงเทพฯ 29 ก.ค. – ผู้ให้บริการ Telemedicine ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 สิทธิบัตรทองกลุ่มสีเขียว ยืนยันความพร้อม รับบริการช่องทางนี้ได้พบแพทย์และได้ยาทุกคน สเต็ปต่อไปเตรียมขยายการดูแลครอบคลุมไปถึงสิทธิประกันสังคมและข้าราชการ
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดเสวนาออนไลน์ เรื่องติดเชื้อ Covid ใช้สิทธิบัตรทอง อาศัยอยู่ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล รักษาผ่านระบบ Telemedicine ได้ด้วยแอปพลิเคชันได้ง่าย ไม่โดนลอยแพ เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา โดยมีผู้แทนจาก 2 บริษัทผู้ให้บริการ Telemedicine ร่วมพูดคุย
ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แม้ไม่เท่าช่วงพีคในครั้งก่อนหน้า แต่ก็สร้างความตกใจแก่ประชาชนพอสมควร อย่างไรก็ดี สปสช. ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้เตรียมช่องทางการดูแลผู้ป่วยในหลายช่องทาง เช่น การไปรับบริการที่โรงพยาบาลตามสิทธิสุขภาพที่ตนมีอยู่ หรือการไปรับบริการที่ร้านยาใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการ “เจอ แจก จบ” และยังมีบริการเสริมอีกช่องทางหนึ่ง นั่นก็คือการรับบริการเจอ แจก จบ ผ่านระบบ Telemedicine ซึ่ง สปสช. ได้ร่วมมือกับ 2 ผู้ให้บริการ คือ แอปฯ หมอดี และแอปฯ กู๊ด ด็อกเตอร์ ในการให้บริการแก่ผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียว ที่ใช้สิทธิบัตรทองที่อยู่ใน กทม. และ 5 จังหวัดปริมณฑล
“นอกจากนี้แล้วเมื่อเร็วๆ นี้ สปสช. ยังได้เปิดสายด่วน 1330 ให้ผู้ที่ตรวจ ATK แล้วพบว่าติดเชื้อและยังไม่ได้รับบริการ สามารถโทรเข้ามารับความช่วยเหลือ โดยทีมงานของสายด่วน 1330 จะทำการสอบถามประเมินอาการในเบื้องต้น หากจำเป็นต้องได้รับยาก็จะจัดส่งยาไปให้ถึงบ้าน อย่างไรก็ดี ในส่วนของยาฟาวิพิราเวียร์ ที่ สปสช. ได้รับจัดสรรมาจาก สธ. นั้นหมดลงพอดี ขอใช้โอกาสนี้แจ้งให้ทราบว่าผู้ที่ติดต่อเข้ามาในช่วงนี้อาจต้องรอการจัดสรรยาเพิ่มเติมจาก สธ. ก่อน” ทพ.อรรถพร กล่าว
ด้าน นพ.สุทธิชัย โชคกิจชัย หัวหน้าฝ่ายการแพทย์ บริษัท กู๊ด ด็อกเตอร์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการแอปฯ กู๊ด ด็อกเตอร์ กล่าวว่า ในขณะนี้คนไทยได้รับวัคซีนโควิดจำนวนมากแล้ว แม้ว่าจะติดเชื้อแต่อาการก็จะไม่รุนแรง ดังนั้น ถ้าพบว่าตัวเองติดเชื้อ อย่าตกใจ ขอให้มองว่าจะไปรับบริการเจอ แจก จบ ที่ไหนได้บ้าง มีช่องทางอะไรที่สะดวกที่สุด ซึ่ง สปสช. ได้จัดสรรช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการไปรับบริการที่โรงพยาบาล การไปรับบริการที่ร้านยา และในส่วนของกู๊ด ด็อกเตอร์ฯ ได้เข้ามาเสริมอีกทางหนึ่ง เพราะด้วยจำนวนผู้ป่วยที่มากขึ้น อาจมีจำนวนหนึ่งที่ลำบากในการไปพบแพทย์ สามารถรับบริการเจอ แจก จบ ผ่านระบบ Telemedicine ได้ผ่านมือถือ โดยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล แพทย์สามารถสั่งยาและบริษัทจะจัดส่งยาให้ถึงบ้านผู้ป่วย รวมทั้งมีเภสัชกรโทรไปให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ยาอีกด้วย
“Telehealth หรือ Telemedicine สามารถทำให้แพทย์ที่อยู่ส่วนกลางให้บริการผู้ป่วยที่อยู่ห่างไกล ลดการเดินทาง ลดการเสียเวลา เป็นการแชร์ทรัพยากร นอกจากนี้วิชาชีพต่างๆ ก็เข้าถึงคนไข้ได้มากขึ้น ปกติกู๊ด ด็อกเตอร์ฯ เราให้บริการด้านสุขภาพแบบครอบคลุมอยู่แล้ว รวมทั้งยังให้บริการ Home Isolation ในการระบาดช่วงที่ผ่านมากว่า 8,000 ราย ซึ่งในครั้งนี้ได้ร่วมมือกับ สปสช. ในการดูแลผู้ติดเชื้อแบบเจอ แจก จบ ซึ่งยืนยันว่าผู้ป่วยจะได้คุยกับแพทย์และได้รับยาตามอาการอย่างแน่นอน” นพ.สุทธิชัย กล่าว
ในส่วนของขั้นตอนการเข้ารับบริการนั้น บริษัทกำหนดเวลาให้บริการตั้งแต่ 08.00-17.00 น. ผู้ป่วยสามารถสแกน QR code ที่ สปสช. ทำการเผยแพร่เพื่อเข้ารับบริการของ Good Doctor ได้เลย เมื่อสแกนแล้วจะมีแบบสอบถามให้กรอก เพื่อทำการคัดกรองสิทธิและตามข้อกำหนดทางการแพทย์ หลังจากคัดกรองแล้ว เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับไปยังผู้ป่วยแล้วส่งต่อเพื่อพบแพทย์ จากนั้นแพทย์จะสั่งจ่ายยาให้ตามอาการ ในส่วนของยานั้น ยาฟาวิพิราเวียร์ไม่จำเป็นต้องได้ทุกคน ให้เป็นตามดุลพินิจของแพทย์ เพราะว่ายามีผลข้างเคียง แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้แพทย์จะสั่งจ่ายยาให้ เช่นเดียวกับยาฟ้าทลายโจร ถ้าจำเป็นต้องใช้ก็จะจัดส่งให้เช่นกัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและอาการของผู้ป่วยแต่ละราย
นพ.สุทธิชัย กล่าวต่อไปว่า ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา หลังจากเริ่มเปิดบริการไปแล้วพบว่ามีบางกลุ่มที่ไม่เข้าเกณฑ์ที่รับบริการ Telemedicine ได้ เช่น เป็นกลุ่มเสี่ยง 608 ซึ่งเป็นกลุ่มที่แนะนำให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อจะได้ประเมินอาการอย่างละเอียดมากยิ่งขึ้น หรือเป็นผู้ป่วยที่ใช้สิทธิประกันสังคม หรือข้าราชการ ขณะนี้การให้บริการผู้ป่วยโควิด-19 ของกู๊ด ด็อกเตอร์ ยังครอบคลุมเฉพาะสิทธิบัตรทอง
อย่างไรก็ดี ในกลุ่ม 608 พบว่าในระยะหลังมานี้ เมื่อเจ็บป่วยแล้วอาการไม่ได้รุนแรงมาก ทางบริษัทจึงเริ่มหารือกับ สปสช. และ สธ. ถึงความเป็นไปได้ในการขยายบริการ Telemedicine ให้ครอบคลุมผู้ป่วยกลุ่มนี้มากขึ้น เช่นเดียวกับสิทธิประกันสังคมและข้าราชการก็อยู่ระหว่างการหารือ เพื่อขยายการดูแลให้ครอบคลุมทั้ง 2 สิทธินี้ต่อไป
ด้าน ดร.อดิภัทร ชัยชนะสกุล กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจดิจิทัล เฮลท์ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป ผู้ให้บริการแอปฯ หมอดี กล่าวว่า บริษัทมีแพทย์ที่พร้อมให้การดูแลผู้ป่วยรวมกว่า 600 คน นอกจาก สปสช. แล้ว ยังให้บริการแก่ลูกค้าบริษัทประกันสุขภาพต่างๆ สามารถใช้บริการของแอปฯ หมอดี ได้โดยไม่ต้องสำรองจ่าย รวมทั้งยังมีบริการอื่นๆ ที่ไม่ใช่โควิด เช่น เบาหวาน ความดัน ฯลฯ ได้โดยไม่ต้องไปโรงพยาบาล ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อหรือเกิดความแออัด รวมทั้งยังมีบริการส่งพยาบาลไปถึงบ้านเพื่อฉีดวัคซีน ทั้งวัคซีนไข้หวัดใหญ่ วัคซีนปอดอักเสบ ฯลฯ ทำให้ดูแลผู้ป่วยติดเตียงได้ดียิ่งขึ้น และในส่วนของการให้บริการผู้ป่วยโควิด-19 นอกจากแพทย์และพยาบาลแล้ว บริษัทยังมีบริการแพทย์แผนไทย แพทย์แผนจีน และนักโภชนาการ เข้ามาร่วมให้บริการด้วย
ดร.อดิภัทร กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของขั้นตอนการรับบริการของแอปฯ หมอดี จะมีลักษณะเหมือนแอปฯ กู๊ด ด็อกเตอร์ กล่าวคือ สแกน QR code เมื่อสแกนแล้วจะมีแบบสอบถามเพื่อทำการคัดกรอง หลังจากคัดกรองแล้วจะมีทีมงานติดต่อกลับไปยังผู้ป่วยเพื่อส่งต่อให้แพทย์ ผู้ป่วยทุกคนจะได้พบแพทย์แน่นอน และหลังจากพบแพทย์แล้วจะได้รับการจัดส่งยาให้ตามอาการภายใน 24 ชั่วโมง และนอกจากการสแกน QR code แล้ว ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่ถนัดในการใช้งาน สามารถแอดไลน์มาที่แอปฯ หมอดีได้ ซึ่งจะมีทีมงานคอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนการสมัครเข้ารับบริการ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการได้ในที่สุด โดยปัจจุบันบริษัทให้บริการตั้งแต่ 08.00-24.00 น. แต่ถ้าจำเป็นสามารถให้บริการได้ 24 ชั่วโมง และถ้าจำเป็นสามารถให้บริการมากกว่า กทม. และปริมณฑล
“Telehealth/Telemedicine จำเป็นต้องเกิด เพราะในไทยมีแพทย์ 0.81 คนต่อประชากร 1,000 คนเท่านั้น เทียบกับอังกฤษ อเมริกา เรามีน้อยกว่า 3-5 เท่า การมี Telehealth ทำให้แพทย์เข้าถึงคนไข้มากขึ้น ในราคาที่ต่ำลง สามารถแก้ปัญหาในระยะสั้น ในต่างประเทศแผนกผู้ป่วยนอก 30-40% หันมาใช้ Telehealth แล้ว ในไทยเองถ้าเราสามารถทำให้แผนกผู้ป่วยนอกสามารถให้บริการผ่าน Telehealth ได้ 30-40% จะช่วยลดค่าใช้จ่ายลงได้มาก เราสามารถเอาค่าใช้จ่ายที่ลดได้นี้ไปใช้กับผู้ป่วยหนักได้มากขึ้น แต่การจะทำอย่างนี้ได้ ต้องได้รับความร่วมมือจากภาครัฐ ทั้ง สปสช. สธ. ตลอดจนกองทุนสุขภาพอื่นๆ ที่สำคัญคือประชาชน เราอยากเชิญชวนให้ประชาชนหันมาใช้บริการ Telehealth ให้มากขึ้น” ดร.อดิภัทร กล่าว .-สำนักข่าวไทย