สื่อมวลชนขนทัพรับคำท้า ลงแปลงปลูกกับผู้ว่าฯ ชัชชาติ

เขตบางบอน 10 ก.ค.- ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ขอบคุณสื่อมวลชน 30 สำนัก ร่วมกิจกรรม Kick off ผู้ว่าฯ ท้าสื่อ ปลูกต้นไม้ล้านต้น ระบุถ้าไม่ทำวันนี้ อนาคตก็ไม่มีต้นไม้ให้ลูกให้หลานเรา


“เราเห็นต้นไม้ที่เห็นสูงพวกนี้ คือ คนในอดีตปลูกทั้งนั้น เมื่อสิบปีก่อน ยี่สิบปีก่อน ถ้าเราไม่ทำวันนี้ อนาคตก็ไม่มีต้นไม้ให้ลูกให้หลานเรา ที่จะให้ร่มเงา ที่จะกรองฝุ่น ที่จะดูดซับก๊าซเรือนกระจก ก็เป็นนิมิตหมายอันดี และเป็นโครงการระยะยาว ต้องขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชนจาก 30 สำนักข่าว ที่มาร่วมปลูกต้นไม้ในวันนี้” นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นกิจกรรม Kick off ผู้ว่าฯ ท้าสื่อ ปลูกต้นไม้ล้านต้น

สำหรับกิจกรรม “Kick off ผู้ว่าฯ ท้าสื่อ ปลูกต้นไม้ล้านต้น” ในวันนี้ (10 ก.ค. 65) เริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 07.00 น. โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รวมพลังคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารเขตบางบอน ทีมนักประชาสัมพันธ์กรุงเทพมหานครจากสำนักและสำนักงานเขต พร้อมด้วยผู้บริหารสำนักข่าว สื่อมวลชน และประชาชน ร่วมปลูกต้นไม้จำนวน 1,000 ต้น ณ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ เขตบางบอน (สวน 9 เนิน เดินตามรอยพ่อ)


ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่าสำหรับนโยบายปลูกต้นไม้ล้านต้น ช่วงแรกอาจจะมีคนคิดว่าทำไม่ได้จริง แต่เพียง 1 เดือนผ่านไป หลายคนก็เปลี่ยนความคิด เพราะไม่ใช่เพียง กทม.เป็นผู้ปลูก แต่เป็นความร่วมมือร่วมใจกันของทุกคนในกรุงเทพฯ ซึ่งโครงการปลูกต้นไม้ไม่ใช่โครงการระยะสั้น แต่เป็นโครงการระยะยาว วันนี้ก็มีสื่อมวลชนหลายสำนักยินดีมาร่วมกัน ซึ่งเรื่องจำนวนไม่ใช่สำคัญ ที่สำคัญคือการมีส่วนร่วม การปลูกฝังจิตสำนึกของการดูแลเมือง การร่วมมือกันทำเมืองให้ดีขึ้น นี่คือมิติที่สำคัญที่อยากจะส่งต่อออกไป เพราะกรุงเทพมีสิ่งดี ๆ สิ่งที่สวยงามอีกเยอะ เพียงแค่เราช้าลงสักนิดหนึ่ง มองสิ่งดี ๆ สิ่งสวยงามรอบตัวเรา และมีสื่อมวลชนช่วยกันเผยแพร่สิ่งเหล่านี้ ก็จะสร้างพลังบวกให้กับเมือง เราจะเปลี่ยนเมืองได้หากเราร่วมมือร่วมใจกัน แค่ปลูกคนละต้น ให้เราก็โตไปพร้อมกับต้นไม้ ก็จะทำให้เมืองเราดีขึ้นแล้ว

สำหรับนโยบาย “ปลูกต้นไม้ล้านต้น สร้างพื้นที่สีเขียวและกำแพงกรองฝุ่นทั่วกรุง” ได้มีการเชิญชวนภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์การปลูกต้นไม้ล้านต้นร่วมกับกรุงเทพมหานคร ซึ่ง “สื่อมวลชน” คืออีกหนึ่งกลุ่มที่เห็นถึงประโยชน์ในการปลูกต้นไม้ เพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวให้เมืองหลวง จึงได้ร่วมแสดงความจำนง “รับคำท้า” ของผู้ว่าฯ ชัชชาติ กันอย่างล้นหลาม โดยขณะนี้มีสื่อมวลชนแจ้งความประสงค์ร่วมปลูกต้นไม้กับกทม.แล้ว 19,090 ต้น ดังนี้ Thai PBS 1,000 ต้น / ช่อง 3 1,000 ต้น / Voice TV 1,390 ต้น / เดลินิวส์ 1,000 ต้น / บ้านและสวน 1,000 ต้น / THE STANDARD 5,000 ต้น / WORKPOINT GROUP 1,500 ต้น / Nation Group 2,200 ต้น / sanook.com (สนุกดอทคอม) 1,000 ต้น / The Reporters 1,000 ต้น / ไทยรัฐ 3,000 ต้น โดยต้นไม้ที่สำนักข่าวต่าง ๆ แสดงความประสงค์ร่วมบริจาค จะทยอยปลูกจนครบในช่วงระยะเวลา 4 ปี

ในส่วนของกิจกรรม “Kick off ผู้ว่าฯ ท้าสื่อ ปลูกต้นไม้ล้านต้น” ในวันนี้ ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมสื่อมวลชนสัมพันธ์ ที่มีหมุดหมายสำคัญเพื่อแสดงพลังแห่งความร่วมมือร่วมใจของกรุงเทพมหานครและพี่น้องสื่อมวลชนกว่า 300 ชีวิต ที่ทุ่มเทสรรพกำลัง แรงกายและแรงใจร่วมกันปลูกต้นไม้ จำนวน 1,000 ต้น ประกอบด้วยต้นกล้า 11 ชนิด ได้แก่ ต้นประดู่ป่า ต้นประดู่ ต้นอินทนิลน้ำ ต้นตะเคียนทอง ต้นมะค่าโมง ต้นพะยูง ต้นแคนา ต้นยางนา ต้นพยอม ต้นมะฮอกกานี และต้นมะฮอกกานีใบใหญ่ ในพื้นที่สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ เขตบางบอน (สวน 9 เนิน เดินตามรอยพ่อ) ซึ่งเป็นสวนขนาดใหญ่แห่งเดียวของเขตบางบอน มีพื้นที่ 100 ไร่ อยู่ในพื้นที่ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ปัจจุบันกรุงเทพมหานครเป็นผู้ดูแล โดยนอกจากจะเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่มีต้นไม้ร่มรื่นแล้ว ยังเป็นสถานที่ออกกำลังกาย มีสนามกีฬา สนามเด็กเล่น แหล่งเรียนรู้ตามวิถีธรรมชาติ อีกทั้งยังมีแก้มลิง การบำบัดน้ำตามธรรมชาติ การทำเกษตร และสวนสุขภาพ


โดยในวันนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ปลูกต้นแคนา ซึ่งเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง มีความสูงของต้นประมาณ 10-20 เมตร ทนทานต่อสภาพอากาศได้ดี เหมือนดั่งผู้ว่าฯ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือความแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตามความเชื่อของคนไทย หากปลูกต้นแคนาไว้หน้าบ้านจะช่วยเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลให้แก่ชีวิต จะมีผู้คอยอุปถัมภ์ค้ำชูเพราะคำว่า แค หมายถึง การดูแลเอาใจใส่ หากทำมาค้าขายก็จะเจริญรุ่งเรืองด้วย

ทั้งนี้ นโยบาย “ปลูกต้นไม้ล้านต้น สร้างพื้นที่สีเขียวและกำแพงกรองฝุ่นทั่วกรุง” มีเป้าประสงค์ 5 ประการ ได้แก่ 1. ปลูกเพื่อลดฝุ่นและมลพิษ 2. ปลูกให้เกิดร่มเงาในการใช้ชีวิต 3. ปลูกเพื่อส่งเสริมความหลากหลายของระบบนิเวศเมือง 4. ปลูกให้ชุมชนมีรายได้ สนับสนุนชุมชนเกษตรกรรมในกรุงเทพฯ และ 5. ปลูกให้คนและต้นไม้โตไปพร้อม ๆ กัน โดยกำหนดจัดกิจกรรมร่วมกันปลูกต้นไม้ทุกวันอาทิตย์ ให้วันอาทิตย์เป็นวันปลูกต้นไม้กรุงเทพฯ ซึ่งปัจจุบันมีผู้แสดงความจำนงร่วมปลูกต้นไม้กับกรุงเทพมหานครแล้วมากกว่า 1 ล้าน 3 แสนต้น ภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือน

นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครได้จัดทำแดชบอร์ด “ศูนย์รายงานการปลูกต้นไม้” ทางเว็บไซต์ www.bkk1milliontrees.com สำหรับติดตามผลการดำเนินโครงการปลูกต้นไม้ล้านต้น แผนที่แสดงจุดและจำนวนต้นไม้ที่ได้ปลูกไปแล้ว และรายงานการปลูกต้นไม้ ซึ่งประกอบด้วย ต้นไม้ทั้งหมดที่ปลูกแล้ว ยอดจองปลูกต้นไม้ ประเภทต้นไม้ที่ปลูกไปแล้ว (ไม้ยืนต้น ไม้พุ่ม ไม้เลื้อย) รวมถึงมีช่องทางแจ้งความประสงค์ร่วมโครงการของหน่วยงานและภาคเอกชน ส่วนช่องทางการร่วมโครงการสำหรับประชาชน อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการให้เสร็จสมบูรณ์ก่อนเปิดให้ใช้งานอย่างเต็มรูปแบบเร็ว ๆ นี้ โดยจะมีการเพิ่มปฏิทินกิจกรรมการปลูกต้นไม้ล่วงหน้า 2 เดือน (8 สัปดาห์) เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้ามาดูตารางกิจกรรมและแสดงความประสงค์ขอร่วมกิจกรรมได้ต่อไป .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

แอร์อินเดียบินกลับเดลีแล้ว หลังตรวจไม่เจอระเบิด

ภูเก็ต 13 มิ.ย. – เครื่องบินแอร์อินเดีย พร้อมผู้โดยสาร 155 คน ออกจากสนามบินภูเก็ต กลับเมืองเดลีแล้ว หลังตรวจละเอียดยิบ ไม่พบระเบิดตามจดหมายขู่ สอบเครียด 3 ผู้ต้องสงสัยชาวอินเดีย แต่ต้องปล่อยไป เพราะไร้หลักฐานมัด ยันไม่กระทบการให้บริการท่าอากาศยานฯ เมื่อเวลา 09.30 น. หอบังคับการบินสนามบินภูเก็ต ได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์ควบคุมการบิน บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ว่าลูกเรือสายการบิน AIR INDIA เที่ยวบินที่ AI 379 เส้นทางบิน HKT-ภูเก็ต-DEL (เดลี) ผู้โดยสารจำนวน 156 คน พบข้อความขู่วางระเบิดในแผ่นกระดาษระบุว่า ‘F… you all bomb’ วางไว้ในห้องน้ำ จากนั้นสายการบินได้ประกาศเข้าสู่แผนฉุกเฉิน ให้นักบินนำเครื่องบินมาลงที่สนามบินภูเก็ต โดยทางสนามบินภูเก็ต ได้ประกาศใช้แผนเผชิญเหตุของสนามบิน Airport Contingency Plan และดำเนินการตั้งศูนย์อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ EOC เพื่อควบคุมและบริหารจัดการสถานการณ์ตามแผนฯ […]

คดี “ทักษิณ” ชั้น 14 ศาลเรียกพยาน 20 ปาก-นัดไต่สวนอีก 6 นัด ก.ค.นี้

กรุงเทพฯ 13 มิ.ย. – คดี “ทักษิณ” วันนี้ ศาลเตรียมเรียกพยาน 20 ปาก พร้อมนัดไต่สวนอีก 6 นัด ช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ถือเป็นการเริ่มกระบวนการไต่สวนเรื่องการบังคับคดีของอดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

ผู้ว่าฯ สระแก้ว ยืนยันไม่มีการปิดด่านบ้านคลองลึก

สระแก้ว 13 มิ.ย. – ผู้ว่าฯ สระแก้ว ลงพื้นที่สยบข่าวลือปิดด่านคลองลึก หลังชาวไทย-กัมพูชา ตื่นตระหนกแห่ข้ามฝั่ง จนเกิดความวุ่นวายหน้าด่าน ขณะฝั่งปอยเปตเริ่มตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เกิดความวุ่นวายขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 12.30 น. หลังจากมีกระแสข่าวลือในกลุ่มผู้ค้าชาวกัมพูชาและชาวไทย ว่าทางการจะมีคำสั่งปิดด่านชั่วคราวในช่วงบ่าย ระหว่างเวลา 13.00-14.00 น. ทำให้ประชาชนทั้ง 2 ฝั่งเร่งรีบข้ามแดนและสอบถามข้อมูลกันอย่างจ้าละหวั่น โดยข่าวลือดังกล่าวแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากเดินทางข้ามแดนก่อนถึงช่วงเวลาที่เข้าใจกันว่าจะปิดด่าน ทำให้บรรยากาศหน้าด่านเต็มไปด้วยความตึงเครียดและสับสน ด้านผู้ว่าฯ สระแก้ว ลงพื้นที่ชี้แจงเรื่องดังกล่าว ยืนยันไม่มีคำสั่งปิดด่าน พร้อมขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และย้ำชัดว่าเวลาการเปิด-ปิดด่านยังคงเป็นไปตามประกาศเดิมของกองกำลังบูรพา คือเปิด 08.00-16.00 น. ทุกวัน โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือคำสั่งใหม่ ฝั่งปอยเปตเริ่มตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากไทยแหล่งข่าวด้านความมั่นคงกัมพูชา เปิดเผยว่า ฝ่ายปกครองในฝั่งปอยเปตได้ดำเนินการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่เชื่อมโยงกับฝั่งไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมข้อมูลและสื่อสารในพื้นที่ชายแดน ฝั่งกัมพูชาปิดด่านบ้านแหลมไม่แจ้งล่วงหน้าส่วนบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เมื่อเวลา 10.45 น. เกิดความวุ่นวาย หลังฝั่งกัมพูชา มีการปิดประตูด่านฝั่ง ต.บึงรัง […]

ผู้รอดชีวิตจากแอร์อินเดียเผยหนีออกทางประตูฉุกเฉินที่เสียหาย

นิวเดลี 13 มิ.ย. – ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากเหตุเครื่องบินแอร์อินเดียตก ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 240 คน กล่าวว่า เขาเดินออกมาจากประตูฉุกเฉินที่พังเสียหาย หลังจากเครื่องบินชนเข้ากับหอพักวิทยาลัยแพทย์ในเมืองอาห์เมดาบัด นายราเมศ วิศวาศกุมาร ซึ่งตำรวจระบุว่า เขานั่งอยู่ที่นั่ง 11เอ (11A) ใกล้ประตูฉุกเฉิน และสามารถหนีรอดมาได้ทางช่องทางประตูฉุกเฉินที่ชำรุดเสียหาย เขาถูกบันทึกภาพไว้หลังเหตุเครื่องบินตกเมื่อวันพฤหัสบดี ขณะกำลังเดินกะเผลกๆ อยู่บนถนนในสภาพเสื้อยืดเปื้อนเลือดและมีรอยฟกช้ำบนใบหน้า คลิปภาพชาวอังกฤษเชื้อสายอินเดียผู้นี้ที่เผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ ถูกนำไปออกอากาศในสถานีข่าวเกือบทั้งหมดของอินเดีย หลังจากเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ลำดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุตกหลังออกเดินทางจากสนามบินได้ไม่นาน นายวิศวาศกุมาร ให้สัมภาษณ์ขณะนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลว่า เขาไม่อยากจะเชื่อว่ารอดชีวิตมาได้อย่างไร และคิดว่าต้องตายแน่ ๆ แต่พอเขาลืมตา เขาก็รู้สึกตัวว่ายังไม่ตาย และพยายามปลดเข็มขัดนิรภัย เพื่อออกจากที่นั่ง และพยายามหนีออกมาจากตัวเครื่องบิน นายวิศวาศกุมาร เล่าว่า เครื่องบินดูเหมือนจะหยุดนิ่งกลางอากาศเป็นเวลา 2-3 วินาที หลังจากที่ขึ้นบินไปในอากาศ และไฟในห้องโดยสารที่เป็นสีเขียวและสีขาวก็สว่างขึ้น เขารู้สึกได้ว่าแรงขับเคลื่อนของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น แต่แล้วเครื่องบินก็ชนเข้ากับหอพักด้วยความเร็ว แพทย์ระบุว่า นายวิศวาศกุมารไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงใด ๆ ในขณะที่เขากล่าวว่า เขาเดินออกจากจุดเครื่องบินตก โดยบาดเจ็บจากบาดแผลไฟไหม้ที่แขนซ้ายเท่านั้น นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี […]