สำนักข่าวไทย 5 ก.ค. – “หมอประสิทธิ์” เรียกร้องกลับมาเข้มมาตรการโควิด สวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่ปิด หลังติดเชื้อโควิดพุ่งสูง เตรียมเสนอ ศบค.ออกระเบียบใส่หน้ากาก
ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ว่า การระบาดของไทยขณะนี้ไม่ได้แตกต่างจากหลายประเทศ ทั่วโลกที่พบการระบาดของ BA.4-BA.5 ไปแล้วกว่า 110 ประเทศ และการรายงานตัวเลขติดเชื้อที่แท้จริงก็ต่ำกว่าความเป็นจริง เนื่องจากหลายประเทศเลิกตรวจหาเชื้อไปแล้ว บางประเทศที่ตรวจก็ไม่ได้ตรวจสายพันธุ์ การเปิดประเทศทำให้พบ BA.4-BA.5 จากการนำเข้าโดยนักท่องเที่ยวต่างชาติ และคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ โอกาสแพร่กระจายเชื้อจึงมากขึ้น คาดว่าไม่นานเชื้อ BA.4-BA.5 จะกลายเป็นสายพันธุ์หลัก แต่ข้อมูลทั่วโลกพบว่าเชื้อไม่ก่อความรุนแรง แต่สิ่งที่ต้องย้ำ คือมาตรการต่าง ๆ ต้องกลับมากระชับมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่ฉีดไม่ครบ อยากรณรงค์เร่งฉีดให้ครบ โดยเฉพาะเข็มกระตุ้นที่ยังฉีดกันได้แค่ร้อยละ 42-43 จากที่ตั้งเป้าไว้ร้อยละ 50 เพราะก่อนหน้านี้กลุ่มเสี่ยง 608 ที่ฉีดเข็มกระตุ้นเข็ม 3 ยังเสียชีวิต แต่ขณะนี้มีรายงานแม้ฉีด 4 เข็มก็เสียชีวิตได้ ทั้งนี้ไม่ควรรอ วัคซีนรุ่น 2 เพราะกว่าจะออกมาฉีดได้คาดว่าในช่วงปลายปี เพราะยังอยู่ในขั้นตอนทดลองมนุษย์ นอกจากนี้คงต้องกระชับมาตรการการใส่หน้ากาก การเว้นระยะห่าง และล้างมือด้วย
ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยน อยากให้ผู้ใหญ่ในประเทศส่งสัญญาณ เพราะขณะนี้มีการติดเชื้อเพิ่ม จึงเสนอให้รัฐบาลต้องกลับมากระชับมาตรการป้องกันให้มากขึ้น โดยเฉพาะการออกข้อบังคับให้ใส่หน้ากากอนามัยในพื้นที่ปิด ซึ่งจะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ เป็นมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขคงจะต้องเสนอ ศบค.พิจารณา สอดรับกับหนังสือที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขสั่งการถึงผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขทุกเขตเตรียมพร้อมให้หน่วยบริการสุขภาพรับมือผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น เป็นมาตรการที่ต้องรีบทำ อย่ารอจนเตียงไม่พอจะไม่ทันต่อสถานการณ์ แม้สถานการณ์เวลานี้อาจจะไม่รุนแรงเหมือนสายพันธุ์เดลตา เพราะคนฉีดวัคซีนไปค่อนข้างมาก ตัวเชื้อไม่ได้รุนแรง แต่เชื้อตัวนี้แพร่ระบาดเร็วมาก หากแพร่เร็วจนเพิ่มจำนวนมากก็เสี่ยงที่เกิดการกลายพันธุ์ได้ ที่น่าห่วงคือกลุ่มเสี่ยงที่อาจจะได้รับเชื้อจากคนที่ไม่แสดงอาการ จึงต้องย้ำถึงการฉีดวัคซีนให้ครบ แม้ไม่ได้ป้องกันติดเชื้อ แต่ยังป้องกันความรุนแรงของโรค ส่วนยอดผู้ป่วยโควิดใน รพ.ศิริราช ยอมรับว่าเพิ่มขึ้นจริง โดยเฉพาะผู้ป่วยไอซียูที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งผู้ป่วยเหล่านี้มาด้วยโรคประจำตัว เมื่อมาตรวจกลับพบเป็นโควิดร่วมด้วย ขณะนี้เตียงรองรับผู้ป่วยโควิดยังเพียงพอ. -สำนักข่าวไทย