กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – อนามัยโพลเผยหลังประกาศ “สวม-ถอด” หน้ากากอนามัยตามความสมัครใจ พบประชาชนป้องกันตนเองมากขึ้น เมื่ออยู่ในสถานที่แออัด หรือใกล้ชิดกลุ่มเสี่ยง
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ภายหลังราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 46 ประกาศ เรื่องของการสวมหรือถอดหน้ากากตามความสมัครใจเป็นแบบมีเงื่อนไขนั้น จากข้อมูลการสำรวจอนามัยโพลของกรมอนามัย เรื่อง “แนวโน้มพฤติกรรมการปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันโรค” ระหว่างวันที่ 24-27 มิถุนายน 2565 พบว่าประชาชนสวมหน้ากากเมื่อเข้าสถานที่ปิด เมื่อใกล้ชิดผู้ป่วย ผู้มีความเสี่ยงสูง หรือร่วมกิจกรรมที่มีคนรวมตัวกันหนาแน่นเพิ่มขึ้นจาก 89.7% เป็น 91% ล้างมือด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์ทุกครั้ง เมื่อสัมผัสวัตถุหรือสิ่งของที่ใช้ร่วมกัน เพิ่มขึ้นจาก 89.8% เป็น 91% และคัดกรองตนเองเมื่อมีอาการ หรือเมื่อมีความเสี่ยงด้วย ATK เพิ่มขึ้นจาก 81.4% เป็น 83.5%
นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า แม้จะมีการผ่อนคลายมาตรการให้สวมและถอดหน้ากากตามความสมัครใจได้ แต่ขอแนะนำให้ประชาชนยังคงป้องกันตนเองอย่างเหมาะสม โดยสวมหน้ากากเมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่นในสถานที่ที่มีความแออัด มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก และไม่สามารถเว้นระยะห่างได้ รวมทั้งสถานที่ที่มีการระบายอากาศไม่ดี ส่วนกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มที่หากติดเชื้อแล้วมีอาการรุนแรง ได้แก่ กลุ่ม 608 และผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ควรสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีตลอดเวลาเมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการแพร่ของโรค.-สำนักข่าวไทย