สำนักข่าวไทย 14 มิ.ย.- องค์กรสตรี จี้หน่วยงานแพทย์ให้ข้อมูลรอบด้าน หลังโชว์งานวิจัยต่างประเทศมีเพศสัมพันธ์ 21 ครั้ง/เดือน ลดมะเร็งต่อมลูกหมาก ชี้กลายเป็นเพิ่มภาระสตรี ภาระงานทั้งนอกบ้าน-ในบ้านล้นมือ ชี้เพศสัมพันธ์ต้องเกิดจากยินยอม หวั่นครอบครัวพัง ทั้งการบังคับ หรือซื้อบริการ
นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวถึงงานวิจัยในต่างประเทศที่มีการระบุมีเพศสัมพันธ์ 21 ครั้ง/เดือน ลดการเกิดมะเร็งต่อลูกหมาก ว่างานวิจัยนี้ทำให้ผู้หญิงกลายเป็นสิ่งที่ต้องมารองรับการแก้ไขปัญหาสุขภาพของเพศชาย และส่ออาจเกิดปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว ที่ยินยอมเพียงเพราะอยากให้ฝ่ายชายมีสุขภาพดี ความคิดเช่นนี้เข้าข่ายลักษณะชายเป็นใหญ่ อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวไม่ได้ต้องการมาโจมตีหลักฐานทางการแพทย์ แต่เห็นควรว่าสมาคมแพทย์ รวมถึงแพทย์ที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้ ควรออกมาให้ข้อมูลมากกว่าการเสนอแค่งานวิจัยแบบลอย ๆ เพราะไม่ได้บอกถึงสาเหตุของการเกิดโรค หรือการยับยั้งการเกิดโรคทางอื่น ทั้งนี้ การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงเป็นเรื่องของความยินยอม ความพร้อมใจ แต่งานวิจัยอาจก่อให้เกิดความรุนแรงในครอบครัวได้
นายจะเด็จ กล่าวว่า ผู้หญิงในยุคปัจจุบันมีบทบาทหน้าที่ทั้งนอกบ้านและในบ้าน มีความรับผิดชอบ 2 ด้าน แค่ทั้งทำงาน ทำงานบ้านก็ลำบากมากแล้ว การที่มีงานวิจัยเช่นนี้ออกมาโดยขาดการให้องค์ความรู้อื่นรองรับ เกรงว่าท้ายสุดภาระของผู้หญิงก็จะเพิ่มมากขึ้น และเกิดการมีสัมพันธ์โดยไม่ยินยอม หรือแม้แต่การมีสัมพันธ์กับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาเกิดขึ้น ก็จะกลายเป็นปัญหาครอบครัว หรือการมีสัมพันธ์กับคนเพศอื่น อันนี้จึงอยากให้ทางแพทย์ที่เกี่ยวข้องให้ความเข้าใจ มากกว่าการเผยงานวิจัยอย่างเดียว.-สำนักข่าวไทย