กทม.กำชับเทศกิจปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย-ห้ามรับส่วย

กรุงเทพฯ 13 มิ.ย. – กทม.ประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักเทศกิจ และหัวหน้าฝ่ายเทศกิจ สำนักงานเขต กำชับเทศกิจกวดขันปฏิบัติหน้าที่ตามแนวข้อกฎหมาย ห้ามรับส่วย


นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักเทศกิจ และหัวหน้าฝ่ายเทศกิจ สำนักงานเขต ครั้งที่ 6/2565 เพื่อมอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานแก่เจ้าหน้าที่เทศกิจ โดยมีนายชาตรี วัฒนเขจร รองปลัด กทม. นางสาวธนพร แดงจิ๋ว ผู้ช่วยปลัดกรุงเทพมหานคร นายศุภกฤต บุญขันธ์ ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักเทศกิจ และหัวหน้าฝ่ายเทศกิจ 50 สำนักงานเขต ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมกรุงธน 3 สำนักเทศกิจ

ในที่ประชุมสำนักเทศกิจสรุปนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่เกี่ยวข้องกับด้านเทศกิจ โดยสำนักเทศกิจเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ 10 นโยบาย ประกอบด้วย 1. เทศกิจผู้ช่วยจราจร 2. สร้างการมีส่วนร่วมของผู้ค้าแผงลอย ภาคประชาชน และเอกชนในพื้นที่ ช่วยดูแลพื้นที่การค้า 3. ขึ้นทะเบียนผู้ค้าแผงลอย พร้อมติดตามการดำเนินการ 4. เตรียมโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมรองรับพื้นที่การค้าหาบเร่แผงลอย 5. ใช้ข้อมูลอาชญากรรมกำหนดพิกัดอันตราย เพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย 6. ทางเท้าเดิมโล่ง สะอาด เป็นระเบียบ 7. แจ้งปัญหาวินมอเตอร์ไซค์ ผ่านแพลตฟอร์มฟองดูว์ 8. จัดชุดปฏิบัติการสำรวจตรวจตราคนไร้บ้านและขอทานในเมือง 9. กวดขันจับ/ปรับ การทิ้งขยะลงแหล่งน้ำอย่างจริงจัง และ 10. ผู้ว่าฯ เที่ยงคืน สนับสนุนการใช้ชีวิตและเศรษฐกิจกลางคืน


สำหรับนโยบายซึ่งสำนักเทศกิจเป็นหน่วยงานสนับสนุน 16 นโยบาย ประกอบด้วย 1. พัฒนาฐานข้อมูลดิจิทัลพื้นที่จุดเสี่ยงความปลอดภัย (BKK Risk Map) 2. รถหยุด รถติด ลดหยุด ลดติด 3. ตรวจจับรถควันดำจากต้นตอ 4. ส่งเสริมให้ผู้ค้าแผงลอยมีความมั่นคงในการประกอบอาชีพ 5. หาพื้นที่ของเอกชนหรือหน่วยงานราชการที่สามารถจัดเป็นพื้นที่ขายของสำหรับหาบเร่หรือศูนย์อาหาร (hawker center) 6. ยกระดับคุณภาพกล้องวงจรปิด ป้องกันอาชญากรรมเชิงรุก 7. ใช้ CCTV กวดขันวินัยจราจร 8. ปลูกฝังจิตสำนึก ส่งเสริมการสร้างระเบียบ กวดขันวินัยจราจรอย่างเข้มงวด 9. รณรงค์สิทธิและระเบียบวินัยพลเมืองในเรื่องจราจร ความสะอาด คอร์รัปชัน สิ่งแวดล้อม 10. เพิ่มเวลา เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก เพิ่มการเข้าถึงสวนและพื้นที่สาธารณะ 11. เปิดบ้านอุ่นใจ ที่ปลอดภัยของคนไร้บ้าน 12. คาร์บอนคุมได้ กทม.ปลอดคาร์บอน (BMA Net Zero) 13. กำหนดหน้าที่และเป้าหมายของคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระดับเขตและระดับจังหวัด 14. จัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในระดับเขต 15. เปิดข้อมูลการเดินทางในกรุงเทพฯ ให้เป็นสาธารณะ และ 16. กำกับดูแลและเร่งคืนผิวจราจรการก่อสร้างอย่างใกล้ชิด เพื่อการจราจรที่คล่องตัว

สำหรับการดำเนินการตามโครงการจัดระเบียบหาบเร่-แผงลอย กทม.ขอความเห็นชอบกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อขอกำหนดพื้นที่ทำการค้า 95 จุด ได้รับความเห็นชอบ 86 จุด อยู่ระหว่างพิจารณาทบทวน 9 จุด เจ้าพนักงานท้องถิ่นลงนามประกาศแล้ว 55 จุด อยู่ระหว่างเสนอเจ้าพนักงานท้องถิ่นเพื่อพิจารณา 31 จุด ส่วนการดำเนินการโครงการกวดขันรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จอดหรือขับขี่บนทางเท้า ตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค. 61-6 มิ.ย. 65 สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ 41,566 ราย ดำเนินการว่ากล่าวตักเตือน 3,865 ราย ดำเนินคดี 37,701 ราย เปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 45,606,800 บาท โดยระหว่างวันที่ 1-6 มิ.ย. 65 เทศกิจสำนักงานเขตสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ 135 ราย แยกเป็นประชาชนทั่วไป 119 ราย วินจักรยานยนต์ 14 ผู้ให้บริการแกร็บ 2 ราย ราย ปรับเป็นเงิน 140,200 บาท

ด้านการดำเนินการกรณีป้ายโฆษณาที่ติดตั้งในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค. 61-6 มิ.ย. 65 เทศกิจสำนักงานเขต จัดเก็บได้ 235,251 ป้าย แจ้งความดำเนินคดี 51 ราย จับ-ปรับ 5,753 คดี ปรับเป็นเงิน 15,849,100 บาท โดยระหว่างวันที่ 1-6 มิ.ย. 65 เทศกิจสำนักงานเขตจัดเก็บได้ 550 ป้าย จับปรับ 13 คดี ปรับเป็นเงิน 26,500 บาท รวมทั้งการดำเนินการเกี่ยวกับซากรถยนต์ จากการสำรวจซากยานยนต์ที่ถูกจอดทิ้งไว้ในที่สาธารณะ มีจำนวน 1,189 คัน เคลื่อนย้ายแล้ว 1,178 คัน เจ้าของเคลื่อนย้าย 1,039 คัน สำนักงานเขตเคลื่อนย้าย 139 คัน คงเหลือซากยานยนต์ที่รอเคลื่อนย้าย 11 คัน สถานที่เก็บซากยานยนต์ส่วนกลางกรุงเทพมหานคร (หนองแขม) มีซากยานยนต์ที่เก็บรักษา 76 คัน สถานที่เก็บซากยานยนต์บริเวณใต้ทางด่วน สี่แยกประเวศ เขตประเวศ มีซากยานยนต์ 14 คัน


รวมถึงโครงการเทศกิจจราจร ในเดือน พ.ค. 65 ซึ่งเปิดการเรียนการสอนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 65 ได้จัดเจ้าหน้าที่เทศกิจอำนวยความสะดวกด้านการจราจรบริเวณหน้าโรงเรียน สถานศึกษา จุดวิกฤตจราจร ฯลฯ เพื่ออำนวยความสะดวกกับเด็กนักเรียน ครู อาจารย์ ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไป พร้อมดำเนินการจัดระเบียบการเว้นระยะห่างทางสังคมในการป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) บริเวณโรงเรียนในพื้นที่ความรับผิดชอบ โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,710 ราย ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่เทศกิจ 511 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจ 119 ราย เจ้าหน้าที่อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน 26 ราย เจ้าหน้าที่ครูและนักเรียน 550 ราย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 490 ราย ในส่วนของเจ้าหน้าที่เทศกิจได้ดำเนินการปฏิบัติหน้าที่จราจรบริเวณหน้าโรงเรียน กทม. 261 แห่ง จำนวนเทศกิจ 397 ราย บริเวณหน้าโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 44 แห่ง จำนวนเทศกิจ 56 ราย บริเวณหน้าโรงเรียนเอกชน 41 แห่ง จำนวนเทศกิจ 58 ราย รวมเจ้าหน้าที่เทศกิจปฏิบัติหน้าที่จราจร 511 ราย ในโรงเรียนทั้งหมด 346 แห่ง

รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า สำนักเทศกิจได้จัดประชุมหัวหน้าฝ่ายเทศกิจทั้ง 50 เขต เดือนละ 1 ครั้งเพื่อกำชับการทำงานให้เป็นไปตามนโยบายของคณะผู้บริหาร ในครั้งนี้ที่ประชุมได้สรุปแนวทางการทำงานนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าฯ ชัชชาติ มี 10 นโยบายที่สำนักเทศกิจเป็นหน่วยงานหลัก และ 16 นโยบายที่ไปร่วมดำเนินการกับหน่วยงานอื่น โดยใน 10 นโยบายจะมีการรายงานผลการทำงานทุกวันที่ 1 และ 15 ของเดือน เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขให้ตรงตามเป้าหมายนโยบายของผู้ว่าฯ ซึ่งหลาย ๆ นโยบายก็สอดคล้องกับที่ดำเนินการอยู่แล้ว ต้องมีปรับเป้าหมายบ้าง ขณะนี้หลายเขตก็ได้ดำเนินการตามนโยบายใหม่แล้ว

สำหรับปัญหาการทุจริตของเทศกิจ ได้กำชับให้ผู้บริหารและหัวหน้าฝ่ายเทศกิจของเขตต้องดูแลเจ้าหน้าที่เทศกิจให้ปฏิบัติตามแนวทางกฎหมาย เรื่องเหล่านี้ก็จะลดน้อยลง พร้อมกำชับว่า จากนี้ไปหากมีเรื่องร้องเรียนประเภทนี้ ได้สั่งการให้ส่งเรื่องให้ตนดูทุกเรื่อง และจะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และตรวจสอบด้านวินัย ทั้งนี้ หลังจากที่เข้ารับตำแหน่ง เริ่มมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับหาบเร่แผงลอยเข้ามาแล้ว ซึ่งตนได้รับเรื่องและจะลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ในสัปดาห์นี้

“เรื่องส่วยส่วนใหญ่ในแต่ละปีที่ผ่านมาจะเป็นเรื่องร้องเรียนของหาบเร่แผงลอย ซึ่งสาเหตุที่เกิดขึ้นมาจากการกระทำไม่ถูกกฎหมายทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้ถูกเรียกรับเงินที่ปฏิบัติไม่ถูกกฎหมาย และเจ้าหน้าที่ที่ใช้ช่องว่างเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ควรทำ หากดำเนินการตามกฎหมายก็จบ แต่หากไปเรียกรับสินบน แม้จะเป็นเงินไม่มากก็อาจทำให้บางคนที่เดือดร้อนต้องมีชีวิตลำบาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ควรทำ ยืนยันว่า ปัญหาการทุจริตเรื่องนี้สามารถควบคุมดูแลได้” รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าว. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

รวบยกแก๊ง 4 ชาวอังกฤษขับรถชิงทรัพย์ชาวอเมริกัน

ภูเก็ต 19 ก.ย. – วานนี้มีเหตุอุกอาจกลางเมืองภูเก็ต กลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถชนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายก่อนลงไปชิงนาฬิกาหรู มูลค่ากว่า 2 ล้าน เช้านี้ตำรวจรวบผู้ก่อเหตุได้ครบ เชื่อวางแผนทำกันเป็นขบวนการ.-สำนักข่าวไทย

ไทยยึดหลักสากล จัดการปมบ้านหนองหญ้าแก้ว

กระทรวงการต่างประเทศ 19 ก.ย.- “อนุทิน” แจงประธานอาเชียน เหตุบ้านหนองหญ้าแก้ว ไทยยืนยันยึดหลักสากล จัดการปัญหา กัมพูชาขัดข้อตกลงหยุดยิง ใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ ไร้มนุษยธรรม ไม่สร้างสรรค์ บิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมเรียกร้องกัมพูชาแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหา นายนิกรเดช พลางกูล อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ที่มีการรื้อถอนสิ่งกีดขวางของฝ่ายไทย และมีการปะทะจนมีเจ้าหน้าที่ไทยได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถือเป็นการทำผิดกฎหมายไทยหลายมาตรา โดยย้ำว่าที่ผ่านมาฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดทุกประการมาโดยตลอด ข้อตกลงนี้เป็นหมุดหมายสำคัญที่จะปูทางไปสู่สันติภาพ แม้สถานการณ์สงบลง แต่กัมพูชายังยั่วยุในรูปแบบต่างๆ ซึ่งขัดข้อตกลงหยุดยิง พร้อมย้ำว่าการวางเครื่องกีดขวางเสริมความมั่นคง เป็นการดำเนินการในอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยอดกลั่น และใช้เวลาชี้แจงกับประชาชนกัมพูชา แต่ไม่เป็นผล ที่สุดเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนของไทยต้องเข้าระงับเหตุตามหลักสากล ตามหลักมนุษยชนการปลุกระดมให้ประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์ ขัดกฎหมายระหว่างประเทศ ไร้มนุษยธรรม ขาดความรับผิดชอบ ไม่สร้างสรรค์ และไม่ยึดถือประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง นอกจากนี้ ทั้ง 2 ประเทศให้คำมั่นหยุดยิงไปแล้ว แต่กัมพูชาเลือกเส้นทางจากต่างไทยโดยสิ้นเชิง ไทยมุ่งมั่นแสวงหาสันติภาพ ซึ่งต่างจากกัมพูชาที่แสวงหาความรุนแรง การวางรั้วลวดหนามของฝ่ายไทย เป็นไปเพื่อป้องกันการปะทะ และเพื่อสร้างความปลอดภัยของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และเหตุความรุนแรงอาจนำไปสู่การสูญเสีย […]

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“คุณหญิงกัลยา” ลาออกสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

กทม. 19 ก.ย.- “คุณหญิงกัลยา” ลาออกสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ขอบคุณสำหรับโอกาสที่ผ่านมา คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ประกาศลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ โดยระบุว่า “ข้าพเจ้า คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ขอเรียนแจ้งความประสงค์ในการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตลอดเวลาที่ผ่านมาในการที่ข้าพเจ้าได้เป็นส่วนหนึ่งของพรรค ข้าพเจ้าได้รับเกียรติและประสบการณ์อันทรงคุณค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสร่วมผลักดันนโยบายด้านวิทยาศาสตร์ การศึกษา และการสร้างโอกาสให้เยาวชนประสบความสำเร็จ รวมถึงการขับเคลื่อนโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชนตามแนวพระราชดำริ เพื่อแก้จน แก้หลาก และแก้แล้ง อันช่วยให้พี่น้องเกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งล้วนเป็นประสบการณ์ที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้ายังคงมีความเชื่อมั่นว่า “การศึกษา คือรากฐานสำคัญที่สุดในการพัฒนาคนและชาติ” จึงตั้งใจจะอุทิศเวลาและความรู้ ความสามารถทั้งหมดต่อจากนี้ เพื่อพัฒนาการศึกษาไทย สร้างโอกาสที่เท่าเทียม และขับเคลื่อนการเรียนรู้สู่ความยั่งยืนต่อไป ขอขอบพระคุณพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้มอบโอกาสและความไว้วางใจเสมอมา ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดีต่อพรรคประชาธิปัตย์ ให้ประสบความสำเร็จในภารกิจเพื่อประชาชนและประเทศชาติสืบไป”.-315.-สำนักข่าวไทย