รองผู้ว่าฯ กทม. ตรวจการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำบึงหนองบอน

กรุงเทพฯ 11 มิ.ย. – “รศ.วิศณุ” รองผู้ว่าฯ กทม. ตรวจการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำบึงหนองบอน เล็งหาแนวทางเปิดใช้งานจุดที่แล้วเสร็จช่วยระบายน้ำช่วงฤดูฝนปีนี้


(11 มิ.ย.65) เวลา 07.30 น. รศ.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำจากบึงหนองบอนลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณอาคารรับน้ำคลองเคล็ด เขตประเวศ จากนั้นเดินทางไปบริเวณสถานีสูบน้ำบางอ้อ เขตบางนา โดยมี นายณรงค์ เรืองศรี รองปลัดกรุงเทพมหานคร นายสมศักดิ์ มีอุดมศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักการระบายน้ำ สำนักงานเขตในพื้นที่ และผู้รับจ้างโครงการ ร่วมลงพื้นที่และรายงานข้อมูล

กรุงเทพมหานคร โดยสำนักการระบายน้ำดำเนินโครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำจากบึงหนองบอนลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งอุโมงค์ระบายน้ำดังกล่าวมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 ม. ความยาว 9,106 ม. ความลึก 30 ม. โดยแนวอุโมงค์เริ่มจากอาคารรับน้ำบริเวณบึงหนองบอน ลอดใต้แนวคลองหนองบอน แนวคลองตาช้าง ถนนศรีนครินทร์ ถนนอุดมสุข ซอยอุดมสุข 29 ถนนสุขุมวิท 101/1 ลอดใต้แนวคลองบางอ้อ ผ่านสถานีสูบน้ำบางอ้อและออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณปากคลองบางอ้อ โดยมีอาคารรับน้ำ 7 แห่ง เพื่อรวบรวมน้ำในคลองต่างๆ ที่อุโมงค์ลอดผ่าน ให้ระบายลงสู่ระบบอุโมงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ประกอบด้วย อาคารรับน้ำบึงหนองบอน อาคารรับน้ำคลองหนองบอน อาคารรับน้ำคลองเคล็ด อาคารรับน้ำคลองหลอด กม.3 (ปล่องรับน้ำอุดมสุข 56) อาคารรับน้ำคลองหลอด กม.2 (ปล่องรับน้ำอุดมสุข 42) อาคารรับน้ำซอยสุขุมวิท 101/1 อาคารรับน้ำถนนสุขุมวิท 66/1 สถานีสูบน้ำอุโมงค์บางอ้อ ขนาดกำลังสูบ 60 ลบ.ม./วินาที และอาคารทิ้งน้ำ 1 แห่ง ปัจจุบันผลงานความก้าวหน้าทั้งโครงการทำได้ 91.44 % เมื่อโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จ จะช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังบริเวณถนนอ่อนนุช ถนนอุดมสุข ถนนสุขุมวิท เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 85 ตร.กม. ในพื้นที่เขตประเวศ เขตสวนหลวง เขตพระโขนง เขตบางนา และบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง


นอกจากนี้อุโมงค์ระบายน้ำจากบึงหนองบอนลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโครงการแก้มลิงบึงหนองบอน ซึ่งเป็นพื้นที่รองรับน้ำตั้งอยู่ในเขตประเวศ มีพื้นที่ทั้งหมด 644 ไร่ 1 งาน 37.5 ตร.ว. เริ่มขุดบึงเมื่อปี 36 ใช้พื้นที่ประมาณ 500 ไร่ โดยขุดลึกประมาณ 10 ม. แล้วเสร็จเมื่อปี 42 สามารถเก็บกักน้ำได้ 7 ล้านลบ.ม. (ความจุของอ่างเก็บน้ำส่วนที่ต่ำกว่าระดับน้ำต่ำสุดที่กำหนด 2 ล้านลบ.ม. พร่องน้ำเป็นแก้มลิงได้ 5 ล้านลบ.ม.) สามารถบริหารจัดการน้ำในแก้มลิงบึงหนองบอน จำนวน 5 ล้านลบ.ม. โดยใช้เวลาระบายน้ำ 1 วัน ทำให้สามารถรองรับน้ำฝนจากพายุลูกต่อไป

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 26 ก.พ.65 ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุน้ำใต้ดินไหลเข้ามายังภายใน Shaft ซึ่งอยู่ใต้สะพานคลองเคล็ด บริเวณด้านล่างของจุดเชื่อมต่อระหว่าง Segment ของอุโมงค์ กับ D-wall ทำให้น้ำพัดทรายใต้อุโมงค์เข้ามาใน Shaft และไหลเข้าไปในอุโมงค์ ซึ่งทรายที่ไหลเข้ามานั้น ทำให้ชั้นดินบริเวณด้านบนอุโมงค์เกิดการทรุดตัว รวมถึงเสาเข็มสะพานข้ามคลองเคล็ดที่ปลายเสาเข็มระดับอยู่เหนืออุโมงค์พังทลายลงมา ผู้รับจ้างได้เสนอแนวทางการแก้ไขอุโมงค์ระบายน้ำที่เสียหายบริเวณสะพานคลองเคล็ด ดังนี้ แนวทางแก้ไขที่ 1 ก่อสร้าง Pile Wall คร่อมแนวอุโมงค์เดิมที่เสียหายและขุดดินติดตั้งค้ำยัน เพื่อรื้อถอนและก่อสร้างอุโมงค์ใหม่ โดยรักษาแนวอุโมงค์เดิม เพื่อให้กลับคืนสู่สภาพเดิมให้มากที่สุด จึงก่อสร้างกำแพงกันดินครอบแนวอุโมงค์ที่เสียหาย และขุดเปิดจากผิวดินลงไปถึงระดับอุโมงค์เดิม เพื่อรื้อถอนและติดตั้งอุโมงค์ใหม่ ใช้เวลาก่อสร้าง 35 เดือน

แนวทางแก้ไขที่ 2 ทำการก่อสร้างปล่องใหม่ และก่อสร้างระบบกำแพงกันดินตามแนวอุโมงค์ เพื่อขุดดินก่อสร้างอุโมงค์ใหม่ยกระดับขึ้นมาอยู่เหนือแนวอุโมงค์เดิม ก่อสร้าง Shaft ใหม่ เพื่อเชื่อมต่อแนวอุโมงค์ที่ไม่เกิดความเสียหายและแนวอุโมงค์ระดับใหม่ระยะห่างจาก Shaft ก่อสร้างโดยขุดเปิดหน้าดิน เทคอนกรีตพื้น หลังคาอุโมงค์ และถมดินคืนสภาพถนน ใช้เวลาก่อสร้าง 18 เดือน ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางแก้ไข คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 24 เดือน พร้อมทั้งก่อสร้างอุโมงค์ชั่วคราวตั้งแต่ปล่องอุโมงค์รับน้ำคลองเคล็ดถึงอาคารสถานีสูบบางอ้อ โดยปิดกั้นปากอุโมงค์ปล่องรับน้ำคลองเคล็ดด้วยการก่อสร้าง Pile wall จากนั้นสูบน้ำออกจากอุโมงค์และทำความสะอาดด้านในอุโมงค์ คาดว่าจะสามารถใช้อุโมงค์สูบระบายน้ำช่วงอาคารรับน้ำคลองเคล็ดถึงอาคารรับน้ำสุขุมวิท 66/1 ได้ในเดือนพ.ย.65


รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จุดแรกที่มาตรวจคือพื้นที่ก่อสร้างอาคารรับน้ำคลองเคล็ด ที่ผ่านมาได้เกิดการทรุดตัวเนื่องจากน้ำใต้ดินไหลเข้ามาภายใน Shaft บริเวณด้านล่างของจุดเชื่อมต่อระหว่าง Segment ของอุโมงค์กับ D-wall ทำให้น้ำพัดทรายใต้อุโมงค์เข้ามาใน Shaft และไหลเข้าไปตามตัวอุโมงค์ ทำให้ชั้นดินด้านบนอุโมงค์และสะพานข้ามคลองเกิดการทรุดตัว ซึ่งผู้รับจ้างได้หาแนวทางในการแก้ไขอุโมงค์ที่เสียหาย อาจต้องใช้ระยะเวลาซ่อมแซม อีกทั้งการทำงานที่ยากอยู่เนื่องจากอยู่ใต้ดินลึก 30 ม. ขณะนี้อยู่ระหว่างการชั่งน้ำหนักเพื่อหาทางเลือกในจุดที่คุ้มค่าที่สุด และเกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด นอกจากนี้ผู้รับจ้างได้ดำเนินการก่อสร้างอุโมงค์ชั่วคราว ตั้งแต่ปล่องอุโมงค์รับน้ำคลองเคล็ดถึงอาคารสถานีสูบบางอ้อ คาดว่าจะสามารถใช้งานได้ในเดือนพ.ย.65 จุดต่อมาคือสถานีสูบน้ำบางอ้อ ผู้รับจ้างได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดกำลังสูบ 60 ลบ.ม./วินาที พร้อมทั้งเชื่อมต่อระบบไฟฟ้าแล้ว

“ในส่วนของอุโมงค์ระบายน้ำที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ จะพิจารณาหาแนวทางเพื่อเปิดใช้งานให้เกิดประโยชน์ อย่างน้อยจะช่วยระบายน้ำในช่วงฤดูฝนปีนี้ ซึ่งจะช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมครอบคลุมพื้นที่ 85 ตร.กม. ในพื้นที่เขตประเวศ เขตบางนา และพื้นที่ใกล้เคียง” รองผู้ว่าฯ วิศณุ กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

แฟนนางงามแห่ต้อนรับ “โอปอล” กลับไทยสุดอบอุ่น

กรุงเทพฯ 14 มิ.ย. – แฟนนางงามแห่รับ “โอปอล สุชาดา” Miss World 2025 กลับไทยสุดอบอุ่น ก่อนขึ้นรถแห่ฉลองทั่วกรุง “โอปอล” สุชาตา ช่วงศรี มิสเวิลด์ 2025 เดินทางกลับถึงไทย ด้วยเที่ยวบิน TG603 ร่วมงาน ‘Home Coming 72nd Miss World 2025’ ท่ามกลางการต้อนรับสุดอบอุ่นจากแฟนนางงามแน่นสนามบินสุวรรณภูมิ โอปอล กล่าวขอบคุณคนไทย และบอกว่ามงกุฎนี้เป็นของพวกเราทุกคน ตั้งเป้าใช้ตำแหน่งเพื่อช่วยเหลือสังคม หลังจบพิธี โอปอลขึ้นรถโรลส์-รอยซ์เปิดประทุน โบกธงชาติไทย มุ่งหน้าท้องฟ้าจำลอง ร่วมขบวนแห่ฉลองชัยมิสเวิลด์คนแรกของประเทสไทยอย่างสมเกียรติ บรรยากาศที่ท้องฟ้าจำลองมีประชาชนมารอต้อนรับโอปอล บรรดาแฟนนางงามต่างแสดงสัญลักษณ์ด้วยการใส่ชุดสีฟ้า บางคนมีการทำมงกุฎ Miss World มาใส่ และทันทีที่รถของโอปอลเลี้ยวเข้ามายังท้องฟ้าจำลอง มีการโห่ร้องต้อนรับอย่างอบอุ่น ส่วนแรงบันดาลใจในการทำรถขบวนแห่ของ Miss World 2025 นี้ นายธีรฉัตร อินถา ผู้ออกแบบขบวน ระบุว่า ได้มีการนำวัฒนธรรมผสมผสานระหว่างสากลและวัฒนธรรมไทย […]

ประชุม JBC วันแรกเป็นไปด้วยดี สองฝ่ายหารือตรงไปตรงมา

14 มิ.ย.- โฆษก กต. เผยการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก สำหรับการประชุมจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC ครั้งที่ 6 ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า หลังจากคณะผู้แทนไทยฯ ที่นำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้เรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้มีข้อสั่งการ นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมเริ่มจากที่พบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิค ที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งช่วงบ่ายก็จะเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่นการพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าคุย และปรับความคิดหากันด้วยดี ฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น […]

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย