สำนักข่าวไทย 7 มิ.ย. – สัตวแพทย์ประจำกรมอุทยานฯ ยืนยันยังไม่พบฝีดาษวานรในลิงตามแหล่งท่องเที่ยวของไทย ที่สำรวจไป 25,000 ตัว ขอประชาชนอย่ารังเกียจลิงตามแหล่งท่องเที่ยว ส่วนการเว้นระยะห่างให้อาหารเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำในช่วงนี้
นายสัตวแพทย์ภัทรพล มณีอ่อน สัตวแพทย์ประจำกรมอุทยาน สัตว์ป่า และพันธุ์พืช หรือหมอลอต เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์ฝีดาษวานรของกรมอุทยานฯ ซึ่งได้ประสานกับกรมปศุสัตว์ จากการดำเนินงานมาตลอดระยะเวลา 10 ปี เพื่อศึกษาโครงสร้างประชากรลิงกว่า 25,000 ตัว จากที่มีทั้งหมดในแหล่งท่องเที่ยวประมาณ 50,000 ตัว ยืนยันไม่พบรอยโรคของฝีดาษวานรแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ได้ติดตามย้อนดูรอยโรคในสัตว์ตระกูลฟันกัดแทะที่นำเข้ามาในไทย ได้รับการยืนยันจากทั้ง 97 ตัวอย่าง ว่าให้ผลตรวจเชื้อเป็นลบ ดังนั้น จึงยืนยันได้ว่าในประเทศไทยยังไม่พบฝีดาษวานรในประชากรลิงแต่อย่างใด
นายสัตวแพทย์ภัทรพล กล่าวว่า การเฝ้าระวังเป็นสิ่งสำคัญที่สุด กรมอุทยานฯ จึงประสานใกล้ชิดกับกรมควบคุมโรค เพื่อร่วมกันหาข้อมูลอย่างระมัดระวัง โดยกรมอุทยานฯ ดูแลชนิดของสัตว์ที่นำเข้า ซึ่งบางครั้งพบคำว่า pox อย่างเดียว อาจหมายถึง chickenpox หรือ cow pox อย่างไรก็ตาม เพื่อความรอบคอบรัดกุมและทันต่อสถานการณ์ กรณีนี้อาจมีความจำเป็นต้องมีการตรวจคัดกรองเพิ่มในสัตว์ฟันกัดแทะที่ถูกนำเข้ามาในไทย และตรวจสอบย้อนหลัง เก็บข้อมูลเพิ่มเติม
นายสัตวแพทย์ภัทรพล ยังกล่าวถึงกรณีตอนนี้ลิงถูกรังเกียจในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ว่าจากการสำรวจลิงในแหล่งท่องเที่ยว 222 แห่งทั่วประเทศ มีลิงกว่า 50,000 ตัว พบลิง 25,000 ตัว ยังไม่พบเชื้อฝีดาษวานรแต่อย่างใด ขอให้ประชาชนในพื้นที่ที่มีลิงอยู่อย่าตื่นตระหนกว่าลิงจะนำโรคฝีดาษวานรมาสู่คน แต่การเว้นระยะห่าง เช่น การทำกิจกรรมระหว่างลิงกับคน ก็เป็นสิ่งจำเป็นในสถานการณ์เช่นนี้ การให้อาหารลิงอาจต้องนำมาไว้ ณ จุดใดจุดหนึ่ง และมีช่วงเวลาให้อาหาร มีเจ้าหน้าที่เป็นคนให้แทนนักท่องเที่ยว แต่สิ่งหนึ่งที่น่าเป็นห่วงคือ การจัดการขยะในพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีลิง เพราะยังมีอีกหลายโรคที่ติดต่อได้ เช่น พิษสุนัขบ้า มาลาเรีย การช่วยกันกำจัดขยะในพื้นที่น่าจะช่วยป้องกันโรคติดต่อหลายอย่างได้.-สำนักข่าวไทย