สำนักข่าวไทย 29 พ.ค.- นักวิชาการด้านศิลปะและกิจกรรมท่องเที่ยว เห็นด้วยปรับที่ทำการ กทม. (เสาชิงช้า) ให้เป็นพิพิธภัณฑ์-แหล่งเรียนรู้ แนะระดมความคิดเห็นข้อเสนอแนะจากหลายภาคส่วน กทม.ไม่ควรเป็นเจ้าภาพคนเดียว
นายจุลภัสสร พนมวัน ณ อยุธยา นักวิชาการอิสระด้านศิลปวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์และการท่องเที่ยว ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวไทย กรณีว่าที่ ผู้ว่าฯ กทม. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จะย้ายที่ทำการกรุงเทพมหานคร มาอยู่ที่ดินแดง และปรับศาลาว่าการ กทม.ให้เป็นพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ ว่า มีความเหมาะสมมาก เพราะจะได้ที่ทำการของกรุงเทพมหานครที่ดินแดง ที่มีสถานที่กว้างขวางจอดรถได้ง่ายขึ้นกว่าที่เดิมแล้วศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ที่เสาชิงช้า มีความเหมาะสมที่จะเป็นพิพิธภัณฑ์แหล่งเรียนรู้มาก เพราะเป็นบริเวณของชุมชนดั้งเดิมเก่าแก่ มีการเชื่อมต่อกับแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง ที่สำคัญ ไทยยังขาด “พิพิธภัณฑ์เมือง” ต่างจากหลายประเทศในโลก ซึ่งพิพิธภัณฑ์เมืองของไทยจะเป็นการบอกเล่าความเป็นมาตั้งแต่การก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งมีความเก่าแก่ยาวนานถึง 240 ปี ที่นี่จะสามารถบอกเล่า ได้หลายเรื่องทั้งความสำคัญของชุมชน ช่างนาฏศิลป์ วัฒนธรรมอาหาร ทำให้คนไทยทั่วไปเองได้เข้าใจและรู้จักตัวเองให้มากพอ จุดประกายให้มองเห็นคุณค่าความเป็นไทย ไม่เฉพาะแต่นักท่องเที่ยว เช่น ทำไมย่านนี้จึงมีชื่อว่า ถนนดินสอ ถนนตีทอง ถนนตะนาว ตรอกศิลป์ เป็นต้น
นายจุลภัสสร กล่าวว่าหากเรามีศูนย์กลางที่จะทำให้ทุกคนได้รับรู้เรื่องเหล่านี้ ก็จะเป็นประโยชน์และส่งต่อความรู้ รุ่นสู่รุ่น พิพิธภัณฑ์เมืองนี้ จึงควรเป็นสมบัติของทุกคนและสมบัติของโลกด้วย และมีความเห็นว่าควรเปิดกว้างให้ทุกภาคส่วนทั้งชุมชนโดยรอบ มหาวิทยาลัย ได้มีโอกาสเสนอแนวทางปรับรูปแบบและกิจกรรม สำหรับพิพิธภัณฑ์เมืองแห่งนี้ ไม่ควรเป็นหน้าที่เฉพาะกรุงเทพมหานคร หน่วยงานเดียว
ซึ่งลักษณะการถ่ายทอดความรู้ควรทำอย่างเป็นระบบ ทำให้เข้าใจง่าย ดูแล้วรู้เรื่อง และในฐานะคนไทยที่มีส่วนเป็นเจ้าของพิพิธภัณฑ์เมืองแห่งนี้ ไม่อยากให้ความรู้ตรงนี้สูญเปล่าหรือตกไปอยู่ในมือของต่างชาติ
เบื้องต้นมองว่ามหาวิทยาลัยต่างๆ มีพันธกิจบริการสังคมอยู่แล้ว อาจเสนอให้มหาวิทยาลัย บริหารจัดการองค์ความรู้ที่มีอยู่ ศึกษาพื้นที่ ณ ที่ตั้งมหาวิทยาลัย เช่น มหาวิทยาลัยสวนสุนันทา มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ทำองค์ความรู้ในย่านนั้น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ศึกษาย่านวังหลัง ฯลฯ นำข้อมูลมาเป็นประโยชน์ให้กับพิพิธภัณฑ์เมืองได้
ส่วนแนวคิดนำจักรยานมาใช้ชมเมืองและสถานที่สำคัญรอบเกาะรัตนโกสินทร์ นั้น มองว่าสภาพการจราจรของไทย ทั้งถนนและคนใช้รถยังไม่เอื้อให้มีการใช้จักรยานอย่างสมบูรณ์เหมือนต่างประเทศ แนวทางที่เห็นว่าเหมาะสมในการทำ sightseeing รอบเกาะรัตนโกสินทร์ ควรเป็นรถขนาดใหญ่เปิดประทุน จัดเวลาชมเมืองเป็นรอบรอบ .-สำนักข่าวไทย