“ชัชชาติ” ดูพื้นที่ติด MRT เอกชนมอบ กทม.ทำประโยชน์

เขตบางซื่อ 27 พ.ค.- “ชัชชาติ” นั่ง MRT สายสีม่วง ลงสถานีวงศ์สว่าง ดูพื้นที่เอกชนว่างเปล่ามอบให้ กทม.ทำประโยชน์สาธารณะ พร้อมควง “จักรพันธุ์-ภิมุข” ว่าที่ทีมงานรองผู้ว่าฯ ลงพื้นที่ด้วย


เมื่อเวลา 08.30 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมนายจักกพันธุ์ ผิวงาม อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. และนายภิมุข สิมะโรจน์ สองคนที่ถูกจับตาว่าจะมาร่วมทีมรองผู้ว่าฯ ของนายชัชชาติร่วมลงพื้นที่ด้วย โดยนายชัชชาติ ระบุว่าบริเวณนี้เป็นพื้นที่ว่างเปล่าติดกับสถานีรถไฟฟ้า MRT สถานีวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ ตนเคยผ่านมาเห็นว่าเคยมีปลูกดอกทานตะวันไว้ด้วย ซึ่งทราบมาว่าเจ้าของที่ต้องการยกให้ กทม. ทำเป็นสวนสาธารณะ แต่ที่ผ่านมาติดปัญหา จึงตั้งใจมาดูและยืนยันเจตนารมณ์ นโยบายเพิ่มพื้นที่สีเขียว และให้คน กทม.เข้าถึงสวนสาธารณะ อยากให้มีหลายๆ จุดทั่วกรุงเทพฯ โดยตัวแทนที่ดิน ได้มอบหนังสือที่ระบุความต้องการให้ กทม.นำพื้นที่ตรงนี้ ที่มีประมาณ 2 ไร่ ไปทำประโยชน์เป็นที่สวนสาธารณะ ซึ่งเอกสารที่ยื่นให้ว่าที่ผู้ว่าฯ วันนี้ ก็เป็นหนังสือเดิมที่ได้ส่งเรื่องถึง กทม. ตั้งแต่ปี 2562 ยอมรับว่าหากนำพื้นที่ตรงนี้ไปปล่อยเช่าก็ได้ค่าเช่าคุ้มกว่า หรือนำมาปลูกกล้วยยอมเสียภาษีที่ดินถูก ก็ทำได้ แต่เจ้าของที่ไม่ได้อยากทำแบบนั้น อยากให้ กทม.ใช้ประโยชน์เพื่อส่วนรวม

โดยนายชัชชาติกล่าวขอบคุณและบอกว่าหากเอกชนพื้นที่อื่นๆ อยากมอบให้เป็นพื้นที่สีเขียว ก็ยินดี ติดต่อไปที่เขตใกล้บ้านได้เลย อย่างตรงนี้ มองว่าพัฒนาภายใน ติดตั้งไฟส่องสว่าง ปลูกต้นไม้ เป็นแนวทางการใช้ประโยชน์ที่ดินเอกชน พัฒนาเป็นสวนสาธารณะ ส่วนมาตรการทางภาษี กทม.และเอกชนต้องคุยกันมีกำหนดระยะเวลาการเข้าใช้ประโยชน์ กทม.ไม่ได้จะลงทุนให้ทั้งหมด ยึดหลัก ต้องให้ยุติธรรมทั้งสองฝ่าย


ประเด็นการจัดเก็บภาษี ตามโซนสีของผังเมืองนั้น มองว่าน่าสนใจ แต่ไม่มั่นใจว่าอำนาจ กทม.จะทำได้หรือไม่อย่างไร เช่นบางเขตที่เป็นโซนเกษตรกรรม อาทิ หนองจอก ลาดกระบัง ตรงนั้นก็ยังเป็นโซนที่มีพื้นที่เกษตรกรรมอยู่ ทำได้ แต่มองว่าบางจุดใจกลางเมืองที่เอามาทำเป็นพื้นที่เกษตร ทั้งที่เป็นโซนผังเมือง สีแดง สีส้ม ก็มองไม่เหมาะกับการเอามาปลูกกล้วย เลี้ยงวัว ซึ่งตรงนี้ต้องไปดูข้อกฎหมายว่าในอำนาจ กทม.ทำได้แค่ไหนอย่างไรตาม พ.ร.บ.จัดเก็บภาษีที่ดินที่กำหนดไว้

ขณะที่การลงพื้นที่วันนี้ เป็นที่จับตามอง เพราะมีว่าที่ทีมงานรองผู้ว่าฯ ของนายชัชชาติ คือ นายภิมุข สิมะโรจน์ และนายจักกพันธุ์ ผิวงาม ลงพื้นที่ด้วย โดยนายชัชชาติ ได้ย้ำถึงการเลือกทีมงาน ยืนยันว่า ตนเลือกด้วยตนเอง เป็นข้อดีของการเป็นอิสระ โดยทั้งทีมรองผู้ว่าฯ 4 คน กลุ่มทีมงานเลขานุการ 5 คน และกลุ่มของที่ปรึกษาผู้ว่าฯ อีก 9 คน ตนเตรียมไว้หมดแล้วรอเปิดตัว เมื่อ กกต.รับรองอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ ยังมีทีมที่ปรึกษาเฉพาะทางอีกหลายคน ที่ไม่ได้มีเงินเดือน มีตำแหน่งอะไร แต่หลายคนก็พร้อมมาช่วยกัน

นายจักกพันธุ์ ผิวงาม อดีตรองผู้ว่าฯ ยุค พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เปิดใจว่า ตนเจอกับนายชัชชาติ ช่วงปี 2562 หลังจากที่เพิ่งลาออกจากการเป็นรองผู้ว่าฯ และจากที่ได้พูดคุยก็ทำให้ทราบถึงความมุ่งมั่นที่อยากจะเสนอตัวสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม. และในช่วงนั้นก็อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลจากคนกลุ่มต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางในการคิดเพื่อพัฒนากรุงเทพฯ ซึ่งช่วงที่ตนเป็นรองผู้ว่าฯ ก็ได้รับมอบหมายให้ดูแลในส่วนงาน เช่น สำนักระบายน้ำ สำนักโยธา และตอนนั้นก็มีการพูดคุยกันหลายเรื่อง อาจารย์ก็มาขอคำปรึกษาในเรื่องต่างๆ ซึ่งตลอดมาไม่เคยคิดว่าจะต้องมีตำแหน่งใดๆ แต่หากยังไว้วางใจและเชื่อมั่นในตนเอง หากต้องการให้กลับเข้าไปร่วมทำงานเพื่อคนกรุงเทพฯ ก็ยินดี และจะทำให้ดีที่สุด ขอบคุณนายชัชชาติที่ให้เกียรติ


ขณะที่ นายภิมุข สิมะโรจน์ อดีตรองหัวหน้าพรรคกล้า ที่มีกระแสข่าวว่าจะมารับตำแหน่งในทีมกทม.ของนายชัชชาติ กล่าวว่า เหตุผลที่ตัดสินใจเข้ามาช่วยนายชัชชาติ เพราะเห็นถึงความตั้งใจ และการทำงานที่เป็นอิสระ และอยากเข้ามาช่วยพัฒนา กทม.โดยการเข้าไปช่วยตั้งแต่ต้นไม่เคยหวังจะได้รับตำแหน่งใดๆ

ขณะที่บริเวณพื้นที่ดังกล่าว เขตบางซื่อได้ให้เจ้าหน้าที่เข้ามาถางหญ้า รอว่าที่ผู้ว่าฯ เข้ามาดำเนินการ และตลอดการลงพื้นที่ ก็มีพนักงานรักษาความสะอาดเข้ามาขอถ่ายรูป เรียกว่านายชัชชาติกลายเป็นขวัญใจของพนักงานทำความสะอาด กทม. โดยยังได้กล่าวถึงสวัสดิการพนักงานทำความสะอาดที่พบว่ามีปัญหา 2 เรื่อง คือ 1.ได้รับสวัสดิการน้อย เงินเดือนไม่เพียงกับค่าครองชีพ และ 2.มีจำนวนมากที่ ยังไม่บรรจุ ซึ่งเรื่องนี้ตนได้รับร้องเรียนมาตลอด อย่างเมื่อเช้าไปวิ่ง พนักงานทำความสะอาดที่จุดนั้น เขารู้ว่าคนจะวิ่งผ่านก็มาดักรอยื่นจดหมายร้องเรียนก็มี ซึ่งก็รับปากว่าจะช่วยดูให้ -.สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ประชุม JBC วันแรกเป็นไปด้วยดี สองฝ่ายหารือตรงไปตรงมา

14 มิ.ย.- โฆษก กต. เผยการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก สำหรับการประชุมจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC ครั้งที่ 6 ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า หลังจากคณะผู้แทนไทยฯ ที่นำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้เรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้มีข้อสั่งการ นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมเริ่มจากที่พบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิค ที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งช่วงบ่ายก็จะเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่นการพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าคุย และปรับความคิดหากันด้วยดี ฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น […]

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! โจรชิงทองที่ลำพูน หนีกบดานพัทยา

พัทยา 14 มิ.ย.- หนีไม่รอด! รวบโจรบุกเดี่ยวชิงทอง จ.ลำพูน หนีกบดานพัทยา สารภาพติดการพนันออนไลน์ จากกรณีเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 เกิดเหตุคนร้ายรูปร่างสูงประมาณ 160-165 ซม. ทราบชื่อต่อมาคือ นายประกร อายุ 47 ปี ขี่รถจักรยานยนต์สีดำ บุกเดี่ยวเข้าไปชิงทองคำรูปพรรณ จากห้างทองฯ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ได้สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 5 บาท ไปจำนวน 2 เส้น มูลค่ากว่า 500,000 บาท แล้วหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ล่าสุดตำรวจ สภ.จว.ชลบุรี ได้เบาะแสว่า นายประกร ที่มีหมายจับศาลจังหวัดลำพูน ในข้อหากระทำความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” หลังก่อเหตุได้หนีมากบดานในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จึงนำกำลังออกติดตาม กระทั่งพบตัวนายประกร อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านพัทยากลาง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าจับกุม เจ้าตัวให้การยอมรับ เป็นผู้ก่อเหตุวิ่งราวทองจากห้างทองในพื้นที่จังหวัดลำพูนจริง หลังก่อเหตุได้หนีมายังพื้นที่เมืองพัทยาและนำทองไปขายในห้างทองแห่งหนึ่ง ตอนแรก คิดว่าจะเดินทางเข้ามาตัว แต่ก็สายไปเนื่องจากมาโดนเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้เสียก่อน ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุลงไปนั้นเนื่องจากตนเองติดการพนันออนไลน์ จนเงินหมด […]