สธ. 24 พ.ค.- สธ.หารือวางกรอบและแนวทางป้องกัน “ฝีดาษลิง” ย้ำยังไม่พบในไทย แต่ต้องทำความเข้าใจในกลุ่มแพทย์ เพื่อเตรียมรับมือนักท่องเที่ยวที่อาจป่วยแฝงไม่แสดงอาการ เน้นในเมืองท่องเที่ยวที่มีเที่ยวบินตรง นิยามอาการไข้ ตุ่ม หนอง มาจากพื้นเสี่ยงคือ ยุโรป ที่มีการแพร่จากคนสู่คน
นพ.จักรรัฐ วงศ์พิทยาอานนท์ ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวก่อนการประชุมวิชาการพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ครั้งที่ 10/2565 ว่ามีการหารือมีการหารือกับผู้เชี่ยวชาญ เพื่อนิยามโรคฝีดาษลิง (ฝีดาษวานร ) มาตรการรับมือ การตรวจโรคและรักษา โดยมีเกณฑ์ 3 ข้อ คือ 1.เกณฑ์ทางคลินิค ว่ามีอาการอะไรบ้างที่เข้าข่ายเป็นโรคฝีดาษลิง 2.เกณฑ์ทางห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ ว่าต้องใช้การตรวจในระดับไหนของห้องปฏิบัติการฯ และ 3. เกณฑ์ทางระบาดวิทยา จะต้องมีประวัติสัมผัส ประวัติเสี่ยง โดยย้ำว่าการวางกรอบนี้เพื่อวางมาตรการในพรมแดนเข้าออกของไทย เน้นสนามบินที่มีเที่ยวบินตรง ให้สแกนคิวอาร์โค้ด เพื่อเฝ้าระวังในกลุ่มผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโรค แบบเป็นกลุ่มจากคนสู่คน เน้นในยุโรป (อังกฤษ, สเปน,โปรตุเกส)
นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า ขณะนี้ไทยยังไม่ได้พบการระบาดมาตรการดังกล่าวเพื่อเป็นการเฝ้าระวัง แม้ว่าการติดเชื้อจะเป็นในกลุ่มคนที่มีการสัมผัสแบบใกล้ชิดมากๆ ทั้งการสัมผัสฝีหนอง และเพศสัมพันธ์ แต่การสวมหน้ากากอนามัยยังคงป้องกันเพื่อไม่ให้สัมผัสสารคัดหลั่ง และยังต้องเว้นระยะห่าง สำหรับระยะฝักเชื้อของโรคนี้อยู่ที่ 5-21 วัน ทั้งนี้ หากไม่มีอาการในกลุ่มผู้เดินทางเข้ามาไม่มีอาการก็ยากที่จะแพร่โรค เพราะระยะแพร่โรค คือ มีไข้ และมีตุ่ม ฝีหนอง แต่ก็ต้องย้ำทำความเข้าใจให้กับกลุ่มแพทย์ในเมืองท่องเที่ยว เพื่อให้สังเกตกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทย และอาจมีการพิจารณาหรือของคลินิกเฉพาะทางโรคนี้ด้วย
นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า ส่วนเรื่องของการปลูกฝี เพื่อป้องกันโรคนั้น หลักการคนที่เคยปลูกมาแล้วจะมีความเสี่ยงน้อยกว่า เพราะฉะนั้นหากจำเป็นต้องปลูกฝี คนที่เสี่ยงที่ต้องได้รับการปลูกฝีก่อน คือคนที่ใกล้ชิดคนติดเชื้อ และบุคลากรการแพทย์ที่ต้องดูแลคไข้กลุ่มนี้ อาจต้องเตรียมไว้ก่อน แต่คนอายุ 45 ขึ้นไป อาจจะไม่เสี่ยงมาก เพราะเคยได้รับการปลูกฝีมาก่อนแล้ว ขณะนี้กรมฯ กำลังหาว่ามีบริษัทไหนขาย และกำลังแพลนว่าจะซื้อ แต่ต้องติดตามอยู่ว่าจะได้มากน้อยแค่ไหน เพราะที่ผ่านมาทั่วโลกกวาดล้างโรคฝีดาษไปหมดแล้ว.-สำนักข่าวไทย