กรุงเทพฯ 20 พ.ค. – ธุรกิจกลางคืนขานรับ ศบค.ไฟเขียวเปิดสถานบันเทิง เชื่อไม่เกิดคลัสเตอร์ เพราะเข้าใจมาตรการด้านสาธารณสุข ขณะที่ผู้ประกอบธุรกิจย่าน ถ.ข้าวสาร วอนรัฐไฟเขียวเปิดผับบาร์ได้ถึงตี 2
นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร กล่าวว่า ผู้ประกอบการพร้อมตลอดเวลาสำหรับการกลับมาเปิด เพียงแต่รอรัฐไฟเขียว ซึ่งวันนี้ถือว่าประสบความสำเร็จอีกครึ่งทาง จากที่ร้องขอให้ ศบค.ไฟเขียวเปิดธุรกิจได้ 1 มิถุนายนนี้ แต่ก็ยังไม่เป็นไปตามคาด เพราะ ศบค.ยังจำกัดเวลาเปิดถึงแค่เที่ยงคืน ซึ่งทุกวันนี้ ผับบาร์ที่หันมาเปิดเป็นกึ่งร้านอาหาร พนักงานปฏิบัติตามมาตรการอยู่แล้ว ทุกคนฉีดวัคซีนครบโดส ตรวจ ATK ทุก 2 สัปดาห์ เชื่อว่าทุกคนเรียนรู้จากโควิดที่ผ่านมา หลังจากนี้ยังคาดหวังว่า เมื่อผ่านช่วงระยะเวลา 2 สัปดาห์ รัฐจะไฟเขียวให้เปิดผับบาร์ได้ตามเวลาปกติถึงตี 2 เพราะหากยังจำกัดเวลาอยู่เที่ยงคืน ก็ถือว่าไม่ช่วยอะไรมาก ส่วนตัวมองว่า เมื่อประกาศเปิดประเทศแล้ว ต้องแข่งกับประเทศเพื่อนบ้านที่เปิดสถานบันเทิงเต็มรูปแบบ ทุกคนต่างแย่งตลาดนักท่องเที่ยว หากยังสร้างกฎระเบียบจะสู้ประเทศอื่นไม่ได้ ถ.ข้าวสาร ร้านผับบาร์มีกว่า 100 แห่ง ปัจจุบันเริ่มทยอยกลับมาเปิดเป็นกึ่งผับ ขายแอลกอฮอล์ เกือบ 100% รายได้ประมาณ 2 ล้านบาท/คืน ประกาศเปิดผับบาร์จำกัดเวลาไม่สอดคล้องกับธุรกิจ เพราะคนมาเที่ยวส่วนมากทยอยมาช่วง 4 ทุ่ม เท่ากับเปิดได้แค่ 2 ชั่วโมง อาจไม่คุ้มรายจ่าย หวังว่าจะมีการปรับเปลี่ยนเป็นปกติเร็วที่สุด
ด้านนายธนากร คุปตจิตต์ ที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย ขอบคุณรัฐบาลและ ศบค.ที่ไฟเขียวให้เปิดผับบาร์ 1 มิถุนายนนี้ แม้ยังมีเงื่อนไขของเวลา อย่างไรก็ตาม ขอให้ ศบค.ทำการประเมินในช่วง 1 เดือน หากไม่มีคลัสเตอร์ อยากให้ทยอยเปิดทั่วประเทศ นอกเหนือจากพื้นที่สีฟ้าและสีเขียว ซึ่งจะช่วยสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวให้คึกคักขึ้น ผู้ประกอบการพร้อมสำหรับการกลับมาเปิดตามมาตรการด้านสาธารณสุข ทั้งการเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ไม่ใช้ภาชนะร่วมกัน เพราะสถานบันเทิงเตรียมความพร้อมมาแล้วหลายรอบ เชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิดคลัสเตอร์อีก เพราะกลัวถูกปิด การอนุญาตให้เปิดครั้งนี้จะสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนในระบบและเกิดการจ้างงาน เนื่องจากมีธุรกิจที่เกี่ยวข้อง แต่การเปิด 1 มิถุนายน อาจยังไม่เห็นเม็ดเงินชัดเจน เพราะเข้าช่วงมรสุม เข้าพรรษา หลายจังหวัดเกิดน้ำท่วม เชื่อว่าจะกลับมาทำรายได้ในช่วงไตรมาสสุดท้าย ช่วงไฮซีซั่น น่าจะทำรายได้รวมกว่า 1 แสนล้านบาท ในครึ่งปีนี้ จากรายได้รวมธุรกิจกลางคืนกว่า 3 แสนล้านบาท/ปี
ขณะที่ชาวเชียงใหม่บางส่วนเห็นด้วยกับการเปิดผับ บาร์ คาราโอเกะ ตั้งแต่ 1 มิถุนายนนี้ โดยมองว่าทุกอาชีพต้องเดินหน้าต่อ เพื่อความอยู่รอด แต่ร้านและคนเที่ยวต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข เพื่อลดการแพร่ระบาด เป็นการรับผิดชอบต่อสังคม
ด้านนายธนิตต์ ชุมแสง นายกสมาคมร้านอาหารและสถานบันเทิงเชียงใหม่ ให้ข้อมูลว่า สมาชิกร้านอาหาร รวมทั้งผับ บาร์ คาราโอเกะ รวมกว่า 500 แห่ง ตอนนี้เปิดให้บริการเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงสถานบันเทิงและคาราโอเกะ 20-30 แห่งเท่านั้น ส่วนใหญ่ได้มาตรฐาน SHA และ SHA+ เกือบทั้งหมด รวมทั้งแจ้งให้ปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting เชื่อว่าการเปิดผับ บาร์ คาราโอเกะ ไม่ได้ส่งผลต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพราะทั้งผู้ประกอบการและลูกค้าต่างเข้าใจในการป้องกันโรคมากขึ้นแล้ว
ในส่วนของ จ.ภูเก็ต เมืองท่องเที่ยวขึ้นชื่อของไทย นายวีรวิชญ์ เครือสมบัติ ประธานชมรมสถานบันเทิงหาดป่าตอง จ.ภูเก็ต แสดงความเชื่อมั่นว่า การอนุญาตให้สถานบันเทิง ผับ บาร์ กลับมาเปิดให้บริการได้ในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ จะส่งผลดีต่อภาพรวมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวของภูเก็ตให้กลับมาคึกคักมากขึ้น คาดว่าจะส่งผลให้มีเงินสะพัดจากธุรกิจผับ บาร์ คาราโอเกะ ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต เฉลี่ยคืนละประมาณ 20-30 ล้านบาท ส่วนความกังวลว่าจะเกิดคลัสเตอร์สถานบันเทิงตามมาอีกหรือไม่ ส่วนตัวมองว่า ก่อนหน้านี้ผู้ประกอบการสถานบันเทิงเตรียมความพร้อมไว้แล้ว. – สำนักข่าวไทย