เปิดเรียนวันแรกคึกคัก รร.เข้มมาตรการโควิด

รร.ราชวินิต 17 พ.ค.-เปิดเรียน on-site 100% วันแรก ทั่วประเทศ 35,000 แห่ง ศธ.ย้ำมาตรการปลอดภัย พร้อมแผนเผชิญเหตุ เจอโควิดไม่ปิดทั้งชั้นหรือทั้งโรงเรียน


นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่ รร.ราชวินิต เขตดุสิต ในวันแรกของการเปิดเทอมแบบ on-site ทุกโรงเรียนพร้อมกันทั่วประเทศ โดยบรรยากาศที่ รร.ราชวินิต ตั้งแต่ช่วงเช้าผู้ปกครองได้มาส่งบุตรหลานโดยให้ส่งได้เฉพาะที่หน้าประตูผ่านจุดคัดกรองวัดอุณหภูมิ โดยกลุ่มเด็กนักเรียน ชั้น ป.1 ซึ่งเพิ่งผ่านชั้นอนุบาลเข้าเรียนเป็นวันแรก จะมีครูพี่เลี้ยงดูและช่วยเหลือในวันแรก เนื่องจากยังไม่เคยมา รร.มาก่อน โดยพบว่าเด็ก ๆ ทุกคน เตรียมตัวมาอย่างดี ทั้งเจลแอลกอฮอล์ ทิชชู่เปียก ขวดน้ำ ช้อนส้อมส่วนตัว

ทั้งนี้ ก่อนการเปิดเรียนวันแรก ครูได้ให้ผู้ปกครองและนักเรียน กรอกใบประเมินตนเองก่อนว่ามีความเสี่ยงหรือไม่ และการตรวจเอทีเคไม่ใช่เงื่อนไข ไม่จำเป็นต้องแสดงหลักฐานการตรวจเอทีเคแล้ว  หากพบว่ามีความเสี่ยง รร.มีเอทีเคให้นักเรียนและครูได้นำไปตรวจ เพื่อไม่ให้เป็นภาระด้านค่าใช้จ่ายผู้ปกครอง


สำหรับ รร.ราชวินิต เปิดสอนตั้งแต่ ชั้นประถมปีที่ 1 ถึงมัธยมปีที่ 6 มีนักเรียนทั้งหมด 2,500 คน  โดยการเปิด on-site วันแรก มีนักเรียนเข้ามาเกือบทั้งหมด จะมีในระดับชั้นมัธยมเพียง 50 คนที่ยังเรียนออนไลน์ ศธ.ย้ำว่าหากผู้ปกครองยังกังวลก็ได้เตรียมการสอนไว้หลายรูปแบบ 

ส่วนในห้องเรียนพบว่ามีการจัดโต๊ะเว้นระยะห่างตามปกติ  นร.เข้าเรียนได้พร้อมกันทุกคน แต่ละห้องมีประมาณ 30 คน แต่ละโต๊ะมีฉากใสกั้น  ส่วนของเด็กชั้นป.1-ป.2 ครูประจำชั้น จะดูแลเป็นพิเศษ เพราะเป็นช่วงวัยที่อาจจะเล่นกันใกล้ชิด ส่วนอาหารกลางวันเด็กประถมที่ รร.มีอาหารจัดให้  ก็จะทานข้าวแยกกันที่โต๊ะของตนเองในห้องเรียน  ส่วนนักเรียนระดับมัธยม จะเหลื่อมเวลากันออกมาซื้ออาหารที่โรงเรียน เพื่อจำกัดจำนวน

ผู้ปกครอง นร.ชั้น ป.2 คนหนึ่ง บอกว่า ก่อนเปิดเรียนวันแรกได้มีการสื่อสารกับครูประจำชั้นผ่านทางไลน์ มีการแนะนำให้เตรียมตัว พร้อมกำชับลูกสอนวิธีการป้องกันตัวเอง ล้างมือบ่อย ๆ และไม่ให้ถอดหน้ากากเล่นใกล้กับเพื่อนมากเกินไป และเห็นมาตรการความพร้อมของ รร.ในวันนี้  จึงมีความมั่นใจว่าลูกจะเรียนได้อย่างปลอดภัย 


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ได้เน้นย้ำให้ทุก รร.เข้มมาตรการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ปกครองในการเปิดภาคเรียนใหม่อย่างปลอดภัยผ่านมาตรการ 6-6-7 อาทิ เว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก ล้างมือ ตรวจคัดกรอง  ลดแออัด  ทำความสะอาดดูแลตนเอง ใช้ช้อนส่วนตัว  และทุกสถานศึกษาที่เปิดวันนี้ผ่านการประเมิน Thai Stop COVID Plus (TSC+) โดย รมว.ศึกษาธิการได้ตรวจความพร้อมจุดต่าง ๆ ของโรงเรียนและร่วมกิจกรรมหน้าเสาธง พร้อมกับนักเรียนที่มาเรียน on-site วันแรก

นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่าโรงเรียนทั่วประเทศมีกว่า 35,000 แห่ง ทุกสถานศึกษามีการเตรียมความพร้อม โดยสิ่งที่แตกต่างจากเทอมที่ผ่านมากับในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 คือ การเว้นระยะห่างในห้องเรียนจะเหลือ 1 เมตรจาก 1.5 เมตร เพราะฉะนั้นห้องเรียนปกติห้องเรียนจะมีนักเรียนประมาณ  40 คน จึงไม่มีปัญหาเรื่องการเว้นระยะห่าง ส่วนบางโรงเรียนเป็นการเรียนในห้องปรับอากาศต้องเปิดระบายอากาศ ทุก 2 ชั่วโมงช่วงพัก เป็นต้น

ส่วนของแผนเผชิญเหตุที่กระทรวงศึกษาธิการได้วางแนวทางร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กรณีเป็นโรงเรียนไป-กลับ หากนักเรียน ครู หรือบุคลากรติดเชื้อ ให้แยกกักตัวที่บ้านหรือโรงเรียน โดยมีคณะกรรมการสถานศึกษาและหน่วยงานสาธารณสุขและคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดร่วมพิจารณา  กรณีเป็นผู้ติดเชื้อมีอาการให้พิจารณาจัดรูปแบบการเรียนการสอนอย่างเหมาะสม และทำความสะอาดห้องเรียน ชั้นเรียน สถานศึกษา และเปิดเรียนตามปกติ  กรณีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงหากยังไม่ได้รับวัคซีน และไม่มีอาการ แนะนำให้กักตัวเอง กรณีได้รับวัคซีนครบและไม่มีอาการไม่ต้องกักตัว ให้เรียนได้โดยให้ตรวจ ATK เป็นระยะหลังสัมผัสผู้ติดเชื้อ สถานศึกษาจัดให้เรียนตามความเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบน อุณหภูมิขยับลงอีก 1-2 องศาฯ

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศหนาวเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลงอีก 1 – 2 องศาฯ ยอดดอยและยอดภูหนาวจัด มีน้ำค้างแข็งบางแห่ง

ยิงพรานล่าหมูป่า

เพื่อนรับเป็นคนยิงนายพรานวัย 52 อ้างคิดว่าเป็นหมูป่า

เพื่อนเปิดปากรับสารภาพเป็นคนใช้อาวุธปืนยิงนายพรานวัย 52 ปี เสียชีวิตในสวนผลไม้ อ้างคิดว่าเป็นหมูป่า ยืนยันไม่ได้มีปัญหาหรือมีเรื่องกันมาก่อน

เติมน้ำมันไม่จ่าย

แท็กซี่เติมน้ำมันไม่จ่าย ซิ่งหนีพุ่งชนรถ 5 คันรวด

ตำรวจชัยภูมิ ไล่ล่าแท็กซี่เติมน้ำมัน แล้วซิ่งหนี ไม่จ่ายเงิน แถมยังขับพุ่งชนรถตำรวจ รถเก๋งและรถ 6 ล้อ รวม 5 คันรวด