ให้ออกจากงาน “นักข่าวสาว” หลังหมอปลารับส่งทนาย-นักข่าวแอบถ่ายคลิป

กรุงเทพฯ 14 พ.ค. – ให้ออกจากงานแล้ว “นักข่าวสาว” หลัง “หมอปลา” ยอมรับส่งทนายและนักข่าวล่อซื้อ-แอบถ่ายคลิปหลวงปู่แสง


เวิร์คพอยท์ ออกมาตรการลงโทษนักข่าวสาวให้พ้นสภาพการเป็นผู้สื่อข่าว ระบุมีกิริยาไม่เหมาะสม ไม่เคารพแหล่งข่าว-ไม่เป็นกลาง-ตัดสินใจร่วมกับสื่อสำนักอื่นและแหล่งข่าวสร้างหลักฐานไม่ขออนุญาตต้นสังกัด ส่วนช่อง 8 พักงานนักข่าว 7 วัน ล่าสุดช่อง 3 แจ้งพักงานนักข่าวภาคสนาม 15 วัน หลัง “หมอปลา” ยอมรับส่งทนาย-นักข่าวล่อซื้อ แอบถ่ายคลิป

“หมอปลา” ยอมรับส่งทนาย-นักข่าวไปล่อซื้อ แอบถ่ายคลิป
• กรณีหมอปลายอมรับแล้ว กรณีบุกไปวัดป่าดงสว่างธรรมได้มีการส่งทนายสาว 2 คน และนักข่าวสาวเข้ากุฏิหลวงปู่ ยังยืนยันเคสนี้มีผู้เสียหายจริง แต่ผู้เสียหายไม่มีคลิป ทำให้ต้องส่งคนเข้าไป ย้ำว่าไม่ได้จัดฉาก แค่ต้องการหลักฐานพิสูจน์ข้อเท็จจริงตามที่มีคนร้องมา หลังเป็นต้นเรื่องเปิดคลิปกล่าวอ้างข่าวฉาววงการสงฆ์ กล่าวหาพระเกจิดังในจังหวัดยโสธร ลวนลามสีกาที่มากราบสักการะ แต่ถูกกระแสตีกลับเพราะทั้งลูกศิษย์ ญาติ และหลายฝ่ายพูดตรงกันว่า ท่านเป็นพระนักปฏิบัติและอาพาธอัลไซเมอร์ แถมอายุก็เกือบ 100 ปี ซึ่งหมอปลายัน ไม่ได้ตั้งใจก้าวล่วง แค่ถามจี้พระลูกวัด


ขณะที่นักข่าวในเหตุการณ์ ทางเวิร์คพอยท์ออกมาตรการลงโทษนักข่าวสาว “ประกาศความผิดพนักงาน” ระบุว่า ผู้สื่อข่าวเวิร์คพอยท์ ทำผิดจริยธรรมและจรรยาบรรณในวิชาชีพสื่อมวลชน ในการทำข่าวของหลวงปู่แสง โดยมีความผิดดังนี้ 1.มีกิริยาไม่เหมาะสมไม่เคารพต่อแหล่งข่าว 2.แสดงความไม่เป็นกลางในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน 3.ตัดสินใจร่วมกับสื่อสำนักอื่นและแหล่งข่าวในการสร้างหลักฐาน โดยไม่ขออนุญาตผู้บังคับบัญชาหรือรายงานต้นสังกัด กองบรรณาธิการข่าวเวิร์คพอยท์ จึงมีมติให้นางสาววาสนา ศรีผ่อง พ้นสภาพการเป็นผู้สื่อข่าวเวิร์คพอยท์
ขณะที่ช่อง 8 สั่งพักงานนักข่าวเป็นเวลา 7 วัน พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนตรวจสอบจริยธรรมในวิชาชีพสื่อก่อนกำหนดบทลงโทษ ด้านช่อง 3 มีการพักงานนักข่าวภาคสนาม 15 วัน

โดยวานนี้ 13 พ.ค. ผู้สื่อข่าวที่ถูกลงโทษเดินทางมาพร้อมทีมงาน กราบขอขมารูปหลวงปู่แสง หน้าวัดป่าอรัญญาวิเวก จังหวัดอำนาจเจริญ สถานที่ที่ศิษย์พาหลวงปู่ย้ายมาพำนักแล้ว โดยมีลูกศิษย์หลวงปู่แสงและพระลูกวัดมาเป็นสักขีพยานกันจำนวนมาก ภายหลังลูกศิษย์บอกตรงกันพร้อมให้อภัยกับสิ่งที่ผู้สื่อข่าวได้ทำลงไป นอกจากยึดหลักเดียวกับหลวงปู่ ในการให้อภัย เชื่อว่าหลวงปู่เอง หากผู้สื่อข่าวมาขอขมาด้วยความจริงใจและสำนักผิด หลวงปู่แสงก็จะให้อภัยเช่นกัน

ด้าน อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ โพสต์คลิปเตือนหมอปลาระวังความห้าวเหลือเกิน คิดหน่อย ใช้สติหน่อย ไม่ใช่ใครส่งคลิปมาก็ห้าวไป ลุยเลยบุกเลย พี่เป็นห่วง ที่ผ่านมาทำมาดีแล้ว ช่วยปกป้องพระศาสนา ทำมาดีแล้ว แต่ว่าการลุยแบบขาดสติ ดังได้ ก็ดับได้


ส่วนทิดไพรวัลย์ โพสต์เฟซบุ๊กพูดถึงพี่หมอปลาในฐานะกัลยาณมิตร และน้องชายที่นับถือกัน ในเคสของหลวงปู่แสงที่เกิดขึ้น มองว่าไม่ได้ทำอะไรซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดบาปทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรที่ถูกต้องทั้งหมด พูดถึงส่วนที่ถูก ทำให้สังคมได้เห็นว่า มีเรื่องไม่ปกติหรือไม่ชอบมาพากลที่เกิดกับหลวงปู่แสง ทำให้สังคมโดยเฉพาะคนที่นับถือ ได้รู้อย่างแน่ชัดว่าตอนนี้มีอาการอาพาธ และควรจะได้รับการอุปฐากดูแลแบบไหน ไม่รวมถึงความใช้ไม่ได้ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดหลวงปู่อีก หากเรื่องนี้ไม่เป็นที่วิจารณ์ในวงกว้าง หลวงปู่จะต้องตกเป็นเครื่องมือ หรือที่ครหาปรามาสของผู้แสวงหาประโยชน์

ในส่วนที่ผิดที่เลี่ยงจะไม่พูดถึงไม่ได้ คือความมุทะลุดุดัน การทำอะไรโดยปราศจากการยับยั้งหรือสงวนท่าที บางครั้งแทนที่จะให้ผลดีกลับให้ผลเสีย คนรอบข้างมีเยอะ หลายคนต้องการแค่คอนเทนต์ ชอบสนับสนุนให้ทำอะไรโดยขาดความไตร่ตรอง อยากเตือนด้วยความรัก พึงระวังกลุ่มคนเหล่านี้ให้ดี

ย้อนมาประเด็นอาการอาพาธของหลวงปู่ หลานสายตรงของหลวงปู่ นางทักษิณา ดีหอม นำเอกสารการเข้ารับการรักษาอาการอาพาธของหลวงปู่ที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง เมื่อปี 62 เพื่อยืนยันว่าหลวงปู่เป็นอัลไซเมอร์ ย้ำช่วงสุดท้ายของหลวงปู่ ลูกหลานทุกคนไม่สบายใจ หมอปลาและนักข่าวที่ไปศึกษาข้อมูลน้อยไปหรือไม่ เหมือนจาบจ้วงพระผู้ทรงศีลเพราะหลวงปู่บวชมากว่า 80 พรรษาแล้ว

อาการป่วยอัลไซเมอร์ของหลวงปู่ ทราบว่าเป็นมานานแล้ว ตอนที่หมอปลาพานักข่าวเข้าไป ยังหลง ๆ ลืม ๆ ถามว่าพากันมาทำอะไร และนั่งนิ่งไม่ทำอะไร ส่วนตัวไม่ได้ไปบ่อย นานๆ จะไปกราบหลวงปู่ แต่เมื่อวานลูกหลานไปอยู่หลายคน ตอนนี้มองว่าการจัดการระบบภายในวัดไม่ได้เรื่อง ควรมีระบบการดูแลพระผู้ใหญ่ที่ดีกว่านี้ การทำงานของหมอปลาแย่กว่าที่ผ่านมา อยากถามว่าเคยศึกษาข้อมูลประวัติหรือยัง ว่าที่ผ่านมาหลวงปู่สร้างอะไรเอาไว้บ้าง

ส่วนการติดเชื้อซิฟิลิส อาจติดได้หลายช่องทาง แต่ไม่ติดต่อผ่านการใช้ชีวิตประจำวัน ใช้ห้องน้ำร่วมกัน กินข้าวร่วมกัน และการตรวจพบ TPHA จึงไม่ได้บอกว่าคนไข้เคยติดเชื้อเมื่อไร บางครั้งอาจติดจนรักษาหายแล้ว หรือติดแต่ไม่มีอาการนานนับสิบปีก็ได้ และไม่ได้เป็นตัวบอกว่าอาการขณะนี้เกิดจากตัวโรค กรณีสงสัยจำเป็นต้องตรวจเพื่อวินิจฉัย เช่น การเจาะน้ำไขสันหลังเพิ่มเติม ดังนั้นตอนนี้หลวงปู่แสง ควรเข้ารับการรักษาเพื่อหาสาเหตุเพิ่มเติม เพราะถ้าเป็น neurosyphillis ก็รักษาได้ และป้องกันอาการแย่ลงได้ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 15 […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจ สอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย

GBC หารือใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืนถกถึงเที่ยงคืน

มาเลเซีย 6 ส.ค.-GBC ประชุมใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืน ฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ การหารือภายใต้กรอบ GBC ณ เวลา 07.45 น. วันนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) เมื่อคืน คณะเลขานุการ GBC ของทั้งสองฝ่าย ได้เจรจากันถึงเวลา 00.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ในบางประเด็นสุดท้าย เนื่องจากฝ่ายเลขานุการ GBC ของฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ จึงได้นัดประชุมอีกครั้ง เวลา 08.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันนี้ เพื่อหาข้อสรุปสำหรับประเด็นดังกล่าว โดยเมื่อเวลา 07.40 น. รัฐมนตรีช่วยกลาโหม ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับคณะเลขานุการ GBC ของฝ่ายไทยติดตามความคืบหน้าในการเจรจา ให้กำลังใจ และชื่นชมในการทำงานอย่างหนักถึงวินาทีสุดท้ายของทีมไทยแลนด์ ขอให้ประสบความสำเร็จในการเจรจา เพื่อบรรลุผลและปกป้องผลประโยชน์ของไทย.-สำนักข่าวไทย