สธ. 3 พ.ค.- สธ.-ศธ.หารือรับมือเปิดเทอมภาคเรียนที่ 1/2565 เต็มรูปแบบ 17 พ.ค.นี้ ย้ำสถานการณ์เปลี่ยน เจอเด็กป่วยหรือเสี่ยงสูงไม่จำเป็นต้องปิดทั้งโรงเรียน และไม่ต้องตรวจ ATK ก่อนมาเรียน ตรวจเฉพาะมีอาการ-เสี่ยงสูง-วัคซีนไม่ครบ-ต้องกักตัว แต่หากวัคซีนครบ-ไม่มีอาการ เรียนได้ตามปกติ
นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังประชุมหารือร่วมกันระหว่าง ก.สาธารณสุข และ ก.ศึกษาธิการ ในการเตรียมความพร้อมเปิดเรียนภาคที่ 1/2565 ว่าการเปิดภาคเรียนจะมีในวันที่ 17 พ.ค.นี้ โดยได้มีการเน้นย้ำเรื่องการเร่งรัดฉีดวัคซีนให้เด็กวัยเรียนทั้ง 5-11 ปี และ 12-17ปี ให้ได้ร้อยละ 60 และโรงเรียนต้องมีการจัดแผนการเปิดภาคเรียน พร้อมประเมิน Thai Stop COVID Plus ที่ต้องผ่านการประเมินมากกว่าร้อยละ 95 ส่วนครูและนักเรียนให้ประเมินตนเองผ่าน Thai Save Thai และปรับการตรวจ ATK จากเดิม ตรวจ 3, 5 วัน เหลือให้ตรวจเฉพาะเมื่อมีอาการ หรือมีความเสี่ยง และย้ำว่าเมื่อพบเด็กป่วย ไม่จำเป็นต้องมีการปิดโรงเรียนอีกต่อไป
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า มาตรการต่างๆ ในการเปิดภาคเรียนนี้ ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป การพบเด็กติดเชื้อไม่จำเป็นต้องปิดชั้นเรียน หรือปิดโรงเรียนอีกต่อไป เพียงแค่โรงเรียนปฏิบัติตามแผนที่ได้ทำไว้เท่านั้น สถานการณ์ปัจจุบันจำนวนเด็กรับวัคซีนมากขึ้น 12-17 ปี ส่วนใหญ่เหลือการรับวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือเข็ม 3 ส่วนเด็กเล็ก 5-11 ปี แบ่งเป็นรับเข็ม 1 แล้ว 50% และเข็ม 2 อยู่ที่ 13% เมื่อสัดส่วนของนักเรียนที่รับวัคซีน มีมากขึ้นทำให้หากพบเด็กเสี่ยงสูง ไม่จำเป็นต้องปิดชั้นเรียนหรือปิดโรงเรียนอีกต่อไป แต่ให้แบ่งเป็น
1.เด็กที่เสี่ยงสูง แต่รับวัคซีนไม่ครบ แนะนำให้กักตัว 5 วัน ไม่จำเป็นต้องตรวจ ATK ทันที แต่กักตัวครบ ให้ตรวจ ATK ครั้งที่ 1 หากไม่ติดเชื้อ ก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติภายนอก แต่ต้องสังเกตตัวเองต่ออีก 5 วัน
2.หากเด็กเสี่ยงสูง มีการรับวัคซีนครบ และไม่มีอาการ ไม่แนะนำให้กักตัว โรงเรียนสามารถจัดการเรียนการสอนได้ ตามคำแนะนำของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด จัดการเรียนการสอนแบบมีระยะห่าง เช่น โต๊ะเรียนห่าง 2 เมตร และให้สังเกตตนเองอย่างเคร่งครัด
ส่วนกรณีเด็กป่วยติดเชื้อ แต่ไม่มีอาการ ถ้าเป็นโรงเรียนประจำอาจทำ School Isolation จัดพื้นที่ที่ปลอดภัย และให้การเรียนการสอนปกติ ส่วนหากเป็นเด็กนักเรียนแบบไป-กลับ ให้จัดการเรียนตามความเหมาะสม หากเด็กเลือก Home Isolation ก็อาจพิจารณาเรียนแบบออนไลน์ได้ จนกว่าเด็กจะหายเป็นปกติ
ด้านนายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ปัจจุบันโรงเรียนในสังกัด สพฐ.มี 29,200 แห่ง โรงเรียนสังกัดเอกชน 4,100 แห่ง โรงเรียนสังกัดอื่นๆ ทั้ง อปท. มหาดไทย กทม. กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 1,800 แห่ง ซึ่งทั้งหมดร้อยละ 90 จะเปิดเทอมวันที่ 17 พ.ค.นี้ ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข มีความพร้อมปฏิบัติตามมาตรการที่วางไว้ แต่ท้ายที่สุดคือโรงเรียนต้องปฏิบัตตามมาตรการ 6-6-7 อย่างเคร่งครัด เพราะทุกครั้งที่พบการแพร่ระบาดในสถานศึกษาเกิดจากการย่อหย่อนในสถานศึกษานั้นเอง สิ่งที่น่ากลัวคือใน รร.ประจำ.-สำนักข่าวไทย