กรุงเทพฯ 3 พ.ค.- ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เผยฮ่องกงเด็ดขาดออกกฎหมายห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าทุกชนิด โทษสูงลิบทั้งจำทั้งปรับกว่า 200,000 บาท เข้มถึงขั้นไม่ให้พักสินค้าผ่านแดน ป้องกันลักลอบนำเข้า ชี้คนไทยต้องช่วยปกป้องกฎหมายห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า
วันที่ 3 พฤษภาคม 2565 ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยว่า ปัจจุบันนานาประเทศมีมาตรการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มงวด ทั้งห้ามนำเข้า ห้ามจำหน่าย โดยองค์การอนามัยโลก รายงานว่า มี 32 ประเทศที่ห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า โดยล่าสุดฮ่องกงเป็นลำดับที่ 33 ที่ออกกฎหมายห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าทุกชนิด ทั้งชนิดใช้น้ำยา และชนิดที่ใช้ความร้อนที่เรียกบุหรี่ไฮบริด รวมถึงอุปกรณ์สูบบุหรี่ไฟฟ้า มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา พร้อมกำหนดโทษฝ่าฝืนมีโทษปรับ 50,000 เหรียญฮ่องกง หรือประมาณกว่า 200,000 บาทไทย และจำคุก 6 เดือน
ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า สาเหตุที่รัฐบาลฮ่องกงออกกฎหมายดังกล่าว เนื่องจากพบว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าระบาดในกลุ่มนักเรียนและเยาวชน จนโรงเรียนและครูออกมาเคลื่อนไหวเพื่อผลักดันให้เกิดการคุ้มครองเยาวชน ด้วยการออกกฎหมายห้ามขายอย่างเบ็ดเสร็จ และห้ามไม่ให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าผ่านแดนฮ่องกง ทั้งที่เป็นเมืองท่าใหญ่ในเอเชีย เพื่อตัดปัญหาการลักลอบนำเข้าประเทศ
“การออกกฎหมายดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางการคัดค้านอย่างหนักจากบริษัทบุหรี่และบริษัทขนส่งสินค้า แต่สภานิติบัญญัติฮ่องกงได้พิจารณาแล้ว เล็งเห็นว่า การห้ามขายเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการป้องกันเยาวชนที่จะเข้าไปเสพติดบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งมีอันตรายและผลกระทบต่อสุขภาพระยะยาวยังไม่มีใครรู้” ศ.นพ.ประกิต กล่าว
ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยนั้น ถือเป็นประเทศที่ 12 ของโลกที่ห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า ตั้งแต่ปี 2557 โดยปัจจุบันประเทศที่มีกฎหมายห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า ยังไม่มีประเทศไหนยกเลิกกฎหมายที่ออกมาแล้ว จึงขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันปกป้องกฎหมายห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าของไทยไว้ เพื่อคุ้มครองเยาวชนไทยจากการเสพติดบุหรี่ชนิดใหม่ๆ โดยต้องเอาใจช่วยให้ผู้สูบบุหรี่ธรรมดาเลิกสูบยาสูบทุกชนิด แทนที่จะหันไปสูบบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งไม่ใช่ทางเลือกที่ปลอดภัย และอันตรายระยะยาวยังไม่มีใครรู้.-สำนักข่าวไทย