ชี้โอไมครอนแนวโน้มขาลง ยังไม่เข้าข่ายโรคประจำถิ่น

กรุงเทพฯ 25 เม.ย.- “นพ.ประสิทธิ์” คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชฯ เผยการแพร่ระบาดโอไมครอนทั่วโลกมีแนวโน้มอยู่ในช่วงขาลง ขณะที่การระบาดโควิด-19 ยังไม่เข้าข่ายโรคประจำถิ่น และมีโอกาสกลับมาระบาดใหญ่อีก แนะบริหารความเสี่ยงเน้นป้องกันและเตรียมการรักษา


ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยถึงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ว่า จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก เมื่อ 12 เม.ย.65 การจัดแบ่งสายพันธุ์โควิด-19 สายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงทั่วโลก ปัจจุบันเหลือเพียง 2 สายพันธุ์ คือ เดลตา และโอไมครอน ซึ่งเดลตากำลังถูกทดแทนด้วยโอไมครอนในหลายประเทศ รวมทั้งในไทย สำหรับสายพันธุ์ที่สร้างผลกระทบในเวลานี้ยังเป็นสายพันธุ์โอไมครอน

จากข้อมูลเมื่อ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา พบว่าผู้ป่วยติดเชื้อกว่า 500 ล้านคนทั่วโลก เสียชีวิตกว่า 6 ล้านคน ขณะที่จำนวนการเสียชีวิตช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ต่ำสุดนับตั้งแต่มีการระบาดของโควิด-19 ในปี 2563 ซึ่งเกิดจาก 2 ปัจจัย คือ ตัวสายพันธุ์ของไวรัสเอง และมีการฉีดวัคซีนไปแล้วจำนวนมากเกิดป้องกันและการเสียชิวตลดลง เมื่อดูการระบาดในต่างประเทศ พบว่าทวีปที่ถูกจู่โจมหนักสุด คือ ยุโรป อัตราการลดลงยังช้า เมื่อแทบกับอเมริกา แต่หากดูรายพื้นที่ ยุโรปขณะนี้เลยจุดพีคของการระบาดของโควิด-19 แล้ว สำหรับอเมริกาการแพร่ระบาดของโอไมครอนลดลงอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับเอเชียตะวัออกเฉียงใต้ก็เริ่มลดลง จากข้อมูลตอนนี้พบว่าการแพร่ระบาดของโอไมครอนทั่วโลกมีแนวโน้มอยู่ในช่วงขาลง


ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ในต่างประเทศมีการรณรงค์การฉีดวัคซีนเข็ม 1 และ 2 เกือบ 80% ซึ่งประเทศที่คุมการระบาดได้ดี มักจะฉีดเข็มกระตุ้นกว่า 50% ตอนนี้สถานการณ์ในไทย ข้อมูล ณ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา ฉีดวัคซีนไปแล้ว 132 ล้านโดส จากประชากร 70 ล้านคน ฉีดเข็ม 1 แล้ว 80% และ 3 ใน 4 ได้เข็มรับ 2 ส่วนคนที่ได้รับเข็มกระตุ้นเพียง 36% ทำให้ช่วงเวลานี้ยังต้องเร่งฉีดวัคซีน เพื่อให้จำนวนผู้เสียชีวิตเหลือแค่เลข 2 หลัก หนึ่งในข้อมูลที่จะบอกว่าผู้เสียชีวิตลดลง คือ ตัวเลขผู้ป่วยปอดอักเสบ ซึ่งขณะนี้ตัวเลขเริ่มนิ่งและไม่ขยับขึ้น หากเป็นเช่นนี้ ภายใน 1-2 สัปดาห์ คาดว่าผู้เสียชีวิตน่าจะลดลง

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า การเกิดขึ้นของโอไมครอนที่ระบาดเร็วกว่าเดลตา แต่ไม่รุนแรง ทำให้สายพันธุ์การแพร่ระบาดทั่วโลกเปลี่ยนไป เป็นปัจจัยที่ทำให้นักวิชาการมองว่า กำลังจะเดินไปสู่โรคประจำท้องถิ่น ประกอบกับความเหนื่อยล้าจากการระบาดตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้คนในสังคมทั้งไทยและทั่วโลกอยากเห็นปลายทางของการแพร่ระบาด แต่คำว่าโรคประจำท้องถิ่นไม่ได้มีนิยามตายตัว ซึ่งเป็นโรคทั่วไป พบได้สม่ำเสมอในกลุ่มคน กลุ่มพื้นที่ หรือมีช่วงเวลาที่คาดการณ์ได้ อาจมีการระบาดมากบ้างครั้งคราว ไม่เกินที่คาดหมาย เป็นโรคที่มีมาตรการควบคุม โรคประจำถิ่นบางครั้งทำให้มีผู้เสียชีวิตได้ปีละกว่า 400,000 ราย เช่น ไข้ป่ามาลาเลีย ขณะที่บางโรคอาจพบได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรบางพื้นที่ แต่มีอาการไม่มาก

ถ้าดูคุณลักษณะของโรคประจำท้องถิ่นจะพบว่า ในเวลานี้การติดเชื้อโควิด-19 ยังไม่เข้าข่ายของโรคประจำท้องถิ่น และยังมีโอกาสที่จะกลับมาเกิดการแพร่ระบาดใหญ่อีก โดยมีปัจจัยเสี่ยงจากที่หลายประเทศมีการส่งสริมด้านเศรษฐกิจ การผ่อนคลายการเดินทางระหว่างประเทศ การส่งเสริมกิจกรรมสันทนาการ กิจกรรมที่มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยที่อาจจะมีความเสี่ยงทำให้โควิด-19 กลับมาแพร่ระบาด ไม่ได้หมายความว่าไม่ทำ ยังไงก็ต้องทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว แต่จะต้องบริหารความเสี่ยง โดยเน้นการป้องกันและการรักษา แม้การป้องกันจะยาก แต่เราสามารถลดจำนวนได้

วิธีที่ดีที่สุดในเวลานี้ คือ การฉีดวัคซีน ทั้ง 2 เข็มหลัก และเข็มกระตุ้น ฉีดเพียง 2 เข็มหลักไม่พอ รวมกับการสวมหน้ากาก รักษาระยะห่างระหว่างบุคคล ร่วมกับการตรวจ ATK ขณะที่โควิด-19 จะกลายเป็นโรคประจำท้องถิ่นในแต่ละประเทศ ไม่จำเป็นเกิดขึ้นต้องพร้อมกัน มีปัจจัยหลายด้าน ทั้งการฉีดวัคซีน จำนวนประชากรที่ได้รับวัคซีน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง อุปกรณ์การรักษาพยาบาล ขึ้นกับปัจจัยการบริหารจัดการ และมีนิยามแต่ละประเทศที่ไม่เหมือนกัน แต่ความสำเร็จจะต้องอาศัยความร่วมมือของทั้ง 3 ฝ่าย ทั้งผู้กำหนดมาตรการและนโยบาย ผู้ดำเนินการตามมาตรการและนโยบาย และผู้ได้รับผลจากมาตรการและนโยบาย ต้องทำงานร่วมกัน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น