นักวิชาการชี้ “ปริญญ์” ไม่เป็นโรคจิต

กรุงเทพฯ 19 เม.ย. – นักวิชาการชี้ “ปริญญ์” อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เป็นโรคจิต แต่เป็นการใช้อำนาจ เพื่อแสวงหาประโยชน์จนเคยชิน ด้านผู้เสียหายเหตุล่วงละเมิดในสังคมไทยขาดความไว้วางใจในกระบวนการยุติธรรม ต้องพึ่งทนายนำออกสื่อกดดันได้ผลเร็ว


ดร.วราภรณ์ แช่มสนิท ที่ปรึกษา แผนงานสุขภาวะผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ สมาคมเพศวิถีศึกษา กล่าวถึงการที่นักการเมืองทำอนาจารคุกคามทางเพศผู้หญิงถึง 14 คน โดยผู้หญิงให้การเหมือนกันว่าถูกนักการเมืองคนนี้ข่มขู่ว่าตนและพ่อมีตำแหน่งหน้าที่ใหญ่โต ว่า ม่น่าจะเป็นอาการทางจิต แต่เป็นเรื่องของการใช้อำนาจ เพื่อแสวงหาประโยชน์จนเคยชิน และเมื่อทำแล้วลอยนวลไม่มีใครเอาผิดได้ ประกอบกับบริบทในสังคมที่เอื้อให้เขาทำผิดได้ เช่น ไม่มีใครเคยแจ้งความดำเนินคดี ทำให้ทำซ้ำ ๆ ยืนยันว่าไม่ใช่โรคจิตแน่นอน แม้การกระทำนี้จะเริ่มทำตั้งแต่อายุไม่มากจนปัจจุบันมีความเป็นผู้ใหญ่ ก็ยังกระทำซ้ำ ๆ มองว่าเป็นเพราะเมื่อกระทำผิดทุกครั้งก็รอดตัวทุกครั้ง ไม่มีใครเอาผิดได้ จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเอง

ดร.วราภรณ์ กล่าวต่อว่า กรณีนี้แม้ยังไม่มีคำตัดสินของศาล ถ้าพิจารณาจากคดีและเจ้าทุกข์ผู้เสียหายที่มีจำนวนมาก และต่างคนต่างมาเช่นนี้ เป็นหน้าที่ของกระบวนการทางสังคมที่ต้องตรวจสอบ และให้มีการรับผิด รับผลจากการกระทำ ซึ่งการล่วงละเมิดทางเพศ สังคมไทยถือว่าเป็นปัญหามาช้านาน โดยเฉพาะเกิดจากผู้มีอำนาจอิทธิพล ถ้าวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่ทำไมเกิดซ้ำ ๆ มาจาก ปัจจัยตัวบุคคล ที่มีแหล่งอำนาจไม่ว่าจะเป็นพื้นฐานครอบครัว ตำแหน่งทางการเมือง สถานะทางสังคม เอื้อให้ทำความผิดได้และทำต่อเนื่อง ที่สำคัญอีกปัจจัยหนึ่งเอื้อให้มีการกระทำผิดคุกคามทางเพศตลอดมา คือ เมื่อเกิดเหตุขึ้นผู้คนมักหันไปตั้งคำถาม หรือตีตรากับคนที่ถูกละเมิดว่า มีพฤติกรรมเช่นไร จึงถูกละเมิด เช่น จะไปแบล็คเมล์เขาหรือเปล่า เห็นผู้ชายมีฐานะ มีชื่อเสียง ทำให้ผู้ถูกละเมิดหลายคนในคดีนี้ไม่กล้าพูด เพราะพูดไปไม่รู้จะมีใครเชื่อหรือไม่ ไม่เห็นหนทางว่าจะเอาผิดอะไรกับนักการเมืองคนนี้ได้ แม้บางคนไปแจ้งความ แต่คดีก็ไม่คืบหน้า


สำหรับปรากฏการณ์ “ปริญญ์” แตกต่างจากปรากฏการณ์คุกคามทางเพศอื่น ๆ ที่เมื่อคนติดตามข่าวแล้วอาจเงียบไป แต่เรื่องนี้กลับกลายเป็นมีผู้เสียหายรายอื่น ๆ กล้าปรากฏตัว ถือเป็นมิติใหม่ในสังคมไทย หรือกระแส “Me too” ซึ่งอาจมาช้ากว่าประเทศอื่น ๆ ในโลก แต่อาจมองเป็นด้านดีที่เริ่มมีกระแสนี้ในประเทศไทย ที่ว่าผู้เสียหายจำนวนมากไม่ได้มองว่าการถูกคุกคามทางเพศเป็นเรื่องที่ต้องปิดปากเงียบอีกต่อไป ไม่ใช่เรื่องน่าอายอีกต่อไป แต่การเข้าไปให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องโดยตรงก็ยังมีน้อย กลับกลายเป็นผู้เสียหายหันหน้าหาทนาย ถูกขยายความผ่านสื่อกลายเป็นแรงกดดัน กระตุ้นให้ผู้เสียหายรายอื่นออกมา ผลักดัน เร่งรัดให้กระบวนการยุติธรรมเกิดขึ้นโดยเร็ว ชี้ว่าผู้ถูกล่วงละเมิดหรือผู้เสียหายในสังคมไทยขาดความไว้วางใจในกระบวนการยุติธรรม

แต่ไม่ได้หมายความว่ารัฐหรือผู้เกี่ยวข้องไม่ต้องทำอะไร เพราะมีทนายคอยช่วยเหลือ ในทางตรงข้ามทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องคุกคามทางเพศต้องร่วมมือกันมากขึ้น เช่น เหตุที่โรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการต้องสอดส่องดูแลความปลอดภัยนักเรียน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์อาจต้องยื่นมือมาสนับสนุน ผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อคุกคามทางเพศเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม โดยผู้หญิงเหล่านั้นไม่ต้องไปดิ้นรนด้วยตัวเอง

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ามีเหตุการณ์คุกคามทางเพศเกิดขึ้นในอีกหลายพื้นที่ เช่น โรงเรียน ลักษณะครูอาจารย์กับนักเรียนนักศึกษา ในบ้าน สถานที่ทำงาน หวังว่าปรากฏการณ์นี้จะเป็นตัวอย่างให้ผู้ที่กำลังล่วงละเมิดหรือคิดจะทำฉุกคิด เตือนสติตัวเอง ได้ว่าการกระทำเช่นนี้โอกาสที่จะลอยนวลไม่ง่ายเหมือนเก่าแล้ว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร