ถนนสายเอเชีย-มิตรภาพหนาแน่น ประชาชนเดินทางกลับกรุง

17 เม.ย. – วันสุดท้ายของวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ประชาชนแห่เดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ทำให้การจราจรถนนสายหลักหนาแน่น โดยเฉพาะถนนสายเอเชีย ถนนมิตรภาพ ปริมาณรถมาก หลายจุดเคลื่อนตัวช้า


บรรยากาศการเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ในวันหยุดสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์ การจราจรบนถนนสายเอเชียฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ช่วงผ่านจังหวัดชัยนาท ปริมาณรถหนาแน่น ตั้งแต่สามแยกหลวงพ่อโอ ไปจนถึงสี่แยกหางน้ำสาคร อำเภอมโนรมย์ ใช้ความเร็วประมาณ 50-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปิดสี่แยกหางน้ำสาครชั่วคราว เพื่อให้รถทางตรงมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ เคลื่อนตัวสะดวกขึ้น ไม่ต้องรอสัญญาณไฟจราจร ทำให้ไม่เกิดปัญหารถติดขัดสะสม สามารถเคลื่อนตัวไปได้อย่างต่อเนื่อง จนถึงทางต่างระดับชัยนาท กิโลเมตรที่ 131-132 สามารถใช้ความเร็วได้ 70-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าปริมาณรถจะหนาแน่นไปตลอดทั้งคืน ส่วนถนนทางหลวง 340 ชัยนาท-สุพรรณบุรี เส้นทางเลี่ยงถนนเอเชียฝั่งขาล่อง ปริมาณรถหนาแน่นเช่นกัน แต่ยังคล่องตัว

ประชาชนจาก 18 จังหวัดภาคเหนือเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ทำให้ประตูจากภาคเหนือสู่ภาคกลาง ช่วงจังหวัดนครสวรรค์คึกคักทั้งวัน เส้นทางสายหลักอย่างถนนพหลโยธินสาย 112 และถนนสาย 117 นครสวรรค์-พิษณุโลก ก่อนถึงตัวเมืองนครสวรรค์ รถหนาแน่น คาดว่าในช่วงค่ำนี้การจราจรทุกสายในตัวเมืองนครสวรรค์จะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกรวยจราจรมาปิดกั้นจุดตัดทางแยกสัญญาณไฟจราจร เปิดช่องทางพิเศษตั้งแต่เลยตัวเมืองนครสวรรค์ เรื่อยไปจนถึงอำเภอพยุหะคีรี เพื่อรองรับและเร่งระบายรถให้วิ่งตรงเป็นทางยาวเข้าสู่กรุงเทพฯ สะดวกยิ่งขึ้น คาดว่าสภาพการจราจรจะหนาแน่นจนถึงพรุ่งนี้เช้า


ส่วนถนนมิตรภาพ เขตจังหวัดนครราชสีมา เริ่มตั้งแต่อำเภอบัวลาย อำเภอสีดา อำเภอคง และอำเภอโนนสูง จุดรองรับรถจากหลายจังหวัดทางภาคอีสานตอนบน พบว่ามีประชาชนเดินทางกลับไปทำงานกรุงเทพฯ อย่างคึกคัก ปริมาณรถเต็มทุกช่องทาง ขาเข้าตัวเมืองโคราชมีรถติดสะสมยาวหลายกิโลเมตร โดยเฉพาะช่วงบริเวณแยกบ้านวัด อำเภอคง มีรถแออัดหนาแน่น ชะลอตัว ทำความเร็วได้แค่ 30-40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บางจุดหยุดนิ่งนานหลายนาที เจ้าหน้าที่ต้องเปิดช่องทางพิเศษ ตั้งแต่แยกบ้านใหม่เกษม ตำบลธารปราสาท ไปจนถึงหน้าตู้ยามทางหลวงบ้านส้ม ตำบลดอนชมพู อำเภอโนนสูง ระยะทาง 5 กิโลเมตร เพื่อให้รถวิ่งสวนทางกัน และต้องปิดสัญญาณไฟจราจรบริเวณทางแยกแบบอัตโนมัติ เปลี่ยนมาใช้วิธีควบคุมด้วยมือ เพื่อเปิดทางให้รถวิ่งทางตรงสะดวกคล่องตัวมากขึ้น

ประเมินรถเข้ากรุงเทพฯ วันนี้ 559,000 คัน
พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เปิดเผยว่า การเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ของประชาชนช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ 2565 เมื่อวานนี้ (16 เม.ย.) มีปริมาณรถมากกว่า 550,000 คัน เกินกว่าประเมินการณ์เล็กน้อย ส่วนวันนี้ (17 เม.ย.) คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณรถเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ มากที่สุด เนื่องจากเป็นวันสุดท้ายของวันหยุดยาว โดยกรมทางหลวงประเมินไว้ที่ 559,000 คัน จากการประเมินจากปริมาณรถแต่ละจุดพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ออกเดินทางกันตั้งแต่เวลาประมาณ 07.00 น.เป็นต้นมา โดยเฉพาะเส้นทางจากภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ระบุว่าปีนี้อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมีทั้งเกิดจากสภาพผู้ขับขี่เอง เช่น หลับใน พบมากที่สุด คือ รถชนท้ายกัน เนื่องจากรถใช้ความเร็วได้ในบางช่วง แล้วก็ทิ้งระยห่างไม่เพียงพอ เมื่อถึงจุดที่รถชะลอ ทำให้รถคันหลังไม่สามารถเบรกได้ทันจึงชนกันครั้งละ 4-5 คัน จึงฝากพี่น้องประชาชนในเรื่องการใช้ความเร็ว การทิ้งระยะห่างจากคันหน้า ให้คนที่นั่งโดยสารมาด้วยช่วยดูแผนที่เส้นทางจีพีเอส เมื่อเห็นจุดที่รถชะลอตัวจะได้ลดความเร็วได้ทันท่วงที ลดการเกิดอุบัติเหตุ โดยตลอดเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ กองบังคับการตำรวจทางหลวง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตรียมความพร้อมกำลังพล 80,000 นาย เพื่อให้บริการพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ โดยปฏิบัติหน้าที่ตลอดช่วงเทศกลาลไปจนถึงวันที่ 19 เม.ย. เนื่องจากยังมีประชาชนบางส่วนที่ยังเดินทาง ขอให้คำนึงถึงความปลอดภัย ก่อนความเร็วและความสะดวก


บขส.จัดรถ 3,700 เที่ยว รับเข้ากรุงวันนี้
ส่วนภาพรวมการเดินทาง ประชาชนใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะเข้ากรุง ทั้งรถทัวร์โดยสาร รถไฟ และผ่านสนามบิน คาดว่าจะเป็นวันที่มีผู้เดินทางมากที่สุดในเที่ยวขากลับ เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันทำงาน บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. คาดการณ์วันนี้มีผู้โดยสารใช้บริการรถ บขส., รถร่วมบริการ, รถตู้ กลับจากเทศกาลสงกรานต์เข้ากรุงเทพฯ 38,000 คน พร้อมจัดรถ 3,700 เที่ยวรองรับ พร้อมประสานขอความร่วมมือไปยังองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. หมุนเวียนรับผู้โดยสารบริเวณชานชาลาขาเข้า เพื่อระบายผู้โดยสารไปยังสถานีรถไฟฟ้า BTS และเส้นทางอื่นๆ ส่วนตัวเลขการเดินทางวานนี้ มีผู้โดยสารใช้บริการรถโดยสารขาเข้าและออกกรุงเทพฯ รวม 58,813 คน

ศูนย์ประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า ได้จัดขบวนรถพิเศษช่วยการโดยสารทางไกลจำนวน 4 ขบวน คือ ขบวนรถพิเศษที่ 6 เชียงใหม่-กรุงเทพฯ เวลาออก, ขบวนรถพิเศษที่ 934 อุบลราชธานี-กรุงเทพฯ, ขบวนรถพิเศษที่ 962 ศิลาอาสน์-กรุงเทพฯ และขบวนรถพิเศษที่ 936 อุดรธานี-กรุงเทพฯ

สนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ คนแน่น
ส่วนบรรยากาศการเดินทางผ่านท่าอากาศยานสำคัญ ทั้งสนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ ผู้บริหารท่าอากาศยานทั้ง 2 แห่ง คาดการณ์คนเดินทางกลับ โดยท่าอากาศยานดอนเมืองวันนี้คาดจะมีผู้เดินทางประมาณ 35,000 คน เป็นผู้โดยสารขาเข้าประมาณเกือบ 30,000 คน ขณะที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วันนี้คนจะเดินทางมากเช่นกัน มีการประมาณการวันนี้จะมีผู้โดยสารขาเข้า 36,569 คน เพิ่มขึ้น 145% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ขณะที่นักท่องเที่ยวยังทะลักเข้าไทย โดยตัวเลขผู้โดยสารขาเข้าจากต่างประเทศเดินทางเข้าไทยวันนี้ 14,795 คน เพิ่มขึ้น 762% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]